ปรียาภัทรที่ตามมาด้วยอยู่ในชุดแซกสีครีมแบบแขนตุ๊กตา กระโปรงยาวพอดีเข่าไม่ต่างกัน หญิงสาวแต่งหน้าบางๆอย่างที่เคยทำ สองสาวพากันเข้ามายังที่นัดหมายก่อนเวลาสิบห้านาที
เมื่อมาถึงห้องอาหาร ทั้งคู่ก็พบว่าเจ้ามืออย่างแพทริกนั่งรอที่โต๊ะอาหารอยู่ก่อนแล้ว โดยมีโรเจอร์กับลูอิสยืนขนาบข้างซ้ายและขวา
“สวัสดีครับวี สวัสดีครับคุณข้าวหอม” แพทริกลุกขึ้นยืนอย่างมีมารยาท ทักทายสองสาวเมื่อทั้งคู่มาหยุดยืนตรงหน้าเขา
“สวัสดีค่ะ” วีรณาเอ่ยทักทายก่อน แล้วปรียาภัทรจึงพูดออกมาไม่ต่างกัน
แพทริกเดินอ้อมมาตำแหน่งที่วีรณายืนอยู่ ขยับเก้าอี้ออกเล็กน้อยเพื่อให้หญิงสาวนั่งได้อย่างสะดวก วีรณาหันมาเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ สายตาประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ เป็นวีรณาที่รีบหลุบสายตาหนีสายตาคมเข้มที่จ้องมองมา หัวใจสาวเต้นตึกตักอยู่ในอกอย่างคนกำลังประหม่า มือเรียวทั้งสองข้างถูกประสานเอาไว้ที่หน้าตัก วีรณากระชับมันเอาไว้เสียแน่นราวกับว่ามันเป็นที่พึ่งชั้นดี
แพทริกอมยิ้มน้อยๆกับท่าทีของหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะผละออกมาเพื่อไปขยับเก้าอี้ให้ปรียาภัทรด้วยเช่นกัน
“ไม่เป็นไรค่ะ ข้าวหอมจัดการได้” ปรียาภัทรส่งยิ้มให้แพทริกพร้อมเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งเองอย่างเสร็จสรรพ แพทริกส่งยิ้มกลับไปให้เธอก่อนที่จะไปทรุดตัวนั่งลงในตำแหน่งของตนเอง ก่อนจะหันไปบอกโรเจอร์กับลูอิสให้ไปทำธุระส่วนตัวก่อนได้ ทั้งคู่พยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร รู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มต้องการความเป็นส่วนตัว
“ทานอะไรกันดีครับ” แพทริกเอ่ยขึ้นมาขณะที่ทั้งสามถือเมนูอาหารไว้ในมือ
วีรณากับปรียาภัทรดูรายการอาหารที่อยู่ในมือ แล้วเลื่อนสายตาไปดูราคาอาหารทางด้านขวา ทั้งสองหันมามองหน้ากันโดยที่ไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน แพง! สองสาวมีความเห็นไม่ต่างกัน
“ว่าไงครับ ทานอะไรดี” แพทริกถามเมื่อสองสาวไม่ยอมสั่งเสียที ไหนจะสีหน้ากระอักกระอ่วนใจนั่นอีก
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” คิ้วหนาขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ก่อนที่จะสินใจถามออกไป
“คือ..ว่า” วีรณาอึกอักไม่กล้าบอก
“มันแพงมากเลยค่ะ” เป็นปรียาภัทรที่ช่วยให้แพทริกเข้าใจอาการของทั้งคู่อย่างกระจ่างแจ้ง
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมขออนุญาตเป็นคนสั่งอาหารนะครับ” แพทริกเห็นท่าทางเกรงใจของสองสาวแล้ว เดี๋ยวไม่พ้นจะสั่งเพียงแค่น้ำเปล่ามาดื่มเป็นแน่ จึงเอ่ยปากขอเป็นคนจัดการสั่งอาหารมื้อนี้แต่เพียงผู้เดียว
วีรณากับปรียาภัทรพยักหน้าหงึกหงัก พร้อมวางเมนูรายการอาหารลงบนโต๊ะไว้ตามเดิม ก่อนที่แพทริกจะเรียก
บริกรมารับออร์เดอร์รายการอาหารที่เขาต้องการ
แพทริกสั่งอาหารมาเยอะมากเสียจนแทบจะล้นโต๊ะ จนสองสาวตกตะลึงกับอาหารมากมายก่ายกองที่อยู่ตรงหน้า มากขนาดนี้กินสิบคนก็ไม่รู้จะหมดหรือเปล่า
“ทานอาหารกันดีกว่าครับ” แพทริกเอ่ยปากให้ทุกคนเริ่มรับประทานอาหาร เพราะเวลาล่วงเลยมามากพอสมควร ทั้งหมดจึงเริ่มจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้า
แพทริกหมั่นตักอาหารใส่จานให้วีรณาอย่างเอาใจและเผื่อแผ่มาถึงปรียาภัทรด้วย ปรียาภัทรจัดการกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย แต่ก็ยังคงทานอย่างรักษามารยาทอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้อยู่ในโรงแรมหรู เธอคงจะทานแบบจัดเต็มมากกว่านี้ เพราะปรียาภัทรรักการกินอย่างเป็นชีวิตจิตใจมากที่สุด ส่วนวีรณานั้นอาหารแต่ละคำค่อนข้างจะกลืนลำบาก ไม่ใช่เพราะว่ารสชาติอาหารแย่ แต่เป็นเพราะสายตาคมกริบของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าต่างหากที่จ้องมองมาอย่างจงใจ สายตาของเขาไม่ได้จาบจ้วงหรือคุกคามเธอแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะว่าสายตาคู่นั้นทำให้เธอใจสั่นอย่างที่ไม่สามารถควบคุมมันได้
ปรียาภัทรทานอาหารจนอิ่มเเปล้ ก่อนที่จะขออนุญาตไปห้องน้ำ ที่โต๊ะอาหารจึงเหลือเพียงแพทริกกับวีรณาที่ยังคงอยู่ในอาการประหม่าเวลาที่อยู่ต่อหน้าชายหนุ่มเช่นเดิม
“อาหารไม่อร่อยเหรอครับ” แพทริกเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอาหารในจานของหญิงสาวพร่องไปไม่ถึงครึ่ง
“อะ…อร่อยค่ะ” วีรณาตอบตะกุกตะกักก่อนที่จะตักอาหารใส่ปาก เพื่อยืนยันว่าอาหารอร่อยจริงๆถึงแม้เธอจะกลืนมันลงคอได้ยากก็ตามที แพทริกเห็นท่าทางแบบนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ สงสัยเขาจะต้องนัดเจอเธอบ่อยๆ หญิงสาวจะได้คุ้นชินกับเขา ไม่ประหม่ามากขนาดนี้เวลาที่ต้องเจอกัน
ผ่านไปสักพักวีรณาจึงจัดการอาหารที่อยู่ในจานจนเกลี้ยง ยกน้ำขึ้นมาดื่มก่อนที่จะวางแก้วทรงสูงไว้ตามเดิม แพทริกก็จัดการอาหารที่อยู่ในจานของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ทั้งคู่คุยกันเรื่องทั่วๆไป แพทริกเป็นฝ่ายพูดเสียมากกว่าเพราะสาวเจ้าถามคำตอบคำ ท่าทีของเธอนั้นแพทริกรับรู้ได้ว่าไม่ใช่อาการรังเกียจในตัวเขา แต่เป็นอาการประหม่าที่ออกจะมากเกินควรไปเสียหน่อย
วีรณาพยายามชะเง้อคอหาปรียาภัทรที่หายไปนานจนผิดสังเกต เธอก้มมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือเกือบจะสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ปรียาภัทรก็ยังไม่โผล่ วีรณาจึงจะลองโทร.ถามดูว่าปรียาภัทรอยู่ที่ไหน
“วีขออนุญาตโทร.หาข้าวหอมสักครู่นะคะ” เธอเอ่ยกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่เขาจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต วีรณาจึงก้มควานหาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋า หญิงสาวกำลังจะกดโทร.ออกแต่ปรียาภัทรโทร.เข้ามาอย่างพอดิบพอดี
“ข้าวหอมอยู่ไหนน่ะ” ทันทีที่กดรับสายวีรณาก็รีบถามเพื่อนทันที
‘พอดีเรามีธุระนิดหน่อยน่ะ เรียบร้อยแล้วล่ะ ตอนนี้เราอยู่ที่ล็อบบี้น่ะ’ ปรียาภัทรตอบแบบอมยิ้มมาทางสายโทรศัพท์ จริงๆแล้วเธอไม่ได้มีธุระที่ไหนหรอก แค่อยากเปิดโอกาสให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง มีเธออยู่ด้วยเกรงว่าจะคุยกันไม่สะดวก
“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันจ้ะ” วีรณาตอบรับแล้วกดวางสายก่อนที่จะหันไปบอกแพทริก
“ข้าวหอมรออยู่ที่ล็อบนี้น่ะค่ะ ถ้างั้นวีขอตัวกลับก่อนนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ สำหรับอาหารมื้อนี้” วีรณากล่าวลาพร้อมทั้งเอ่ยขอบคุณ
“ครับ ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปส่ง” แพทริกว่าก่อนที่จะลุกขึ้นเดินอ้อมมาขยับเก้าอี้ให้วีรณาลุกได้สะดวก เธอลุกขึ้นยืนแล้วหันไปขอบคุณเขาเบาๆ ก่อนที่จะขยับเท้าก้าวเดินแต่ด้วยความเร่งรีบจนเกินควรทำให้เท้าซ้ายสะดุดเข้ากับขาเก้าอี้ หน้าของหญิงสาวแทบจะล้มขมำไปจูบพื้นดีที่แพทริกไวกว่าคว้าร่างบางไว้ได้ทัน เธอจึงตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“ขะ…ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยขอบคุณเขาเสียงตะกุกกัก แต่แพทริกยังไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนเพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์
หอม! กลิ่นกายของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาช่างหอมยวนใจยิ่งนัก เลือดในกายของเขาเดือดพล่านเพราะความปรารถนาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กลิ่นหอมที่ไม่ใช่จากน้ำหอมอย่างที่เขาเคยได้กลิ่นมาจากผู้หญิงคนอื่นๆ แต่เป็นกลิ่นหอมจากกายสาวตามธรรมชาติ แพทริกสูดความหอมเข้าปอดลึกสุดๆแบบลืมตัว ท่าทีของเขาแปลกไปจนวีรณาเริ่มหวาดระแวง
“คุณแพทริกคะ ปล่อยวีเถอะนะคะ” วีรณาร้องเตือนเมื่อแพทริกดูจะกระชับร่างเธอแน่นจนเกินควร แพทริกราวกับเพิ่งได้สติจึงยอมปล่อยอ้อมแขนออกจากร่างบาง พร้อมใช้มือข้างหนึ่งลูบต้นคอตัวเองแก้เก้อ
แพทริกกับวีรณาลงมาที่ล็อบบี้ เจอข้าวหอมกำลังนั่งจิ้มโทรศัพท์มือถือ วีรณาจึงเดินเข้ามาหาเพื่อนโดยมีแพทริกเดินตามมาห่างๆ
“ข้าวหอม กลับกันเถอะ” วีรณาสะกิดเรียกเพื่อน ปรียาภัทรจึงเงยหน้าขึ้นมามอง
“อ้าววี มาแล้วเหรอ” ปรียาภัทรบอกพร้อมส่งยิ้มแหยไปให้ จากสายตาที่วีรณามองมา เธอเดาได้ว่าเพื่อนต้องรู้แน่ ว่าเธอจงใจปล่อยให้อยู่ตามลำพังกับแพทริก