นิฏฐาลากเก้าอี้หวายมาที่ข้างหน้าต่าง หญิงสาวหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ตัวนั้น แขนเรียวทั้งสองข้างวางซ้อนกันพาดไปตามแนวยาวของขอบหน้าต่าง ใบหน้าเรียวสวยที่มีแว่นสายตาล้อมกรอบหน้าแหงนเงยขึ้นเล็กน้อย ดวงตากลมโตทอดมองไปบนผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ค่อนข้างแจ่มใส แต่คิ้วสวยของหญิงสาวกลับขมวดเข้าหากันจนแทบเป็นปม ราวกับมีเรื่องที่กำลังคิดไม่ตก เรื่องบางเรื่องที่กำลังรบกวนจิตใจของเธอ
นิฏฐานึกย้อนไปถึงเรื่องที่คุยกับอาม่ากันทราก่อนหน้านี้
“อั๊วบอกว่าช่วยมาเป็นหลานสะใภ้อั๊วที”
นั่นคือสิ่งที่ท่านบอกกับเธอ และมันก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ปกติแล้วครอบครัวคนจีนมักจะมีทายาทหลายคน ซึ่งต่างจากครอบครัวมีทรัพย์อนันต์ที่มีทายาทเพียงคนเดียวนั่นก็คือนฤบดินทร์ และเธอก็รู้จักเขาเป็นอย่างดี
นฤบดินทร์เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวของเขาขาวจัด คิ้วคมเข้ม ดวงตาของเขาเป็นสีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่งคมสัน ริมฝีปากหยักลึกแต่ทว่ามีสีแดงสดราวกับผลเชอร์รี่ เส้นผมของเขามีสีน้ำตาลเข้มตัดสั้นระต้นคอ ซึ่งรับกับโครงหน้าเรียวยาวอย่างพอดิบพอดี ใบหน้าหล่อเหลานั้นค่อนข้างมีเสน่ห์ ใครได้เห็นเป็นต้องเหลียวหลังมามองทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ บุคลิกภายนอกมักจะดูนิ่งๆ แต่ถ้ากับคนในครอบครัวเขาจะเปลี่ยนเป็นคนขี้เล่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เรื่องที่อาม่ากันทราขอร้องมาเธอจะปฏิเสธก็ได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เธอก็ไม่ และเธอก็รู้อยู่แก่ใจดีว่านั่นเป็นเพราะอะไร มีเหตุผลอยู่สองประการที่ทำให้เธอตกปากรับคำช่วยอาม่ากันทรา อย่างแรกก็คืออาม่ากันทราไม่ชอบคนรักของนฤบดินทร์ และเธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าท่านไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ไร้เหตุผลที่จะกีดกันความรักของหลานชาย มันมีอะไรที่มากกว่านั้น และอย่างที่สองก็คือเธอทำตามเสียงร่ำร้องในหัวใจของตัวเธอเอง
เมื่อมีโอกาสเธอก็ต้องรีบคว้ามันเอาไป ก่อนที่มันจะหลุดลอยไป มันต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรอกหรือ
“แต่อั๊วยังนึกไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงให้อาดินทร์ยอมแต่งงานกับลื้อดี”
นิฏฐานึกย้อนไปถึงคำพูดของอาม่ากันทราอีกครั้ง คนสูงวัยกว่าดูมีสีหน้าวิตกกังวลจนเธอกังวลตามไปด้วย ใบหน้าเรียวที่มีแว่นสายตาล้อมกรอบหน้าขมวดคิ้วเข้าหากันนิดๆ เพียงชั่วครู่เจ้าตัวก็คลี่ยิ้มออกมา แล้วอธิบายในสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
“เอาอย่างนี้ดีไหมคะอาม่า เราก็ให้ซินแสกำธรช่วยมาดูดวง แล้วบอกว่าพี่ดินทร์กำลังมีเคราะห์หนักอาจจะมีเลือดตกยางออกหรือไม่ก็อาจจะมีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตและการแต่งงานก็เป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้พี่ดินทร์พ้นเคราะห์กรรมตรงนี้ไปได้”
ซินแสกำธรคือคนที่มีความรอบรู้เกี่ยวกับดวงจีนและวิชาฮวงจุ้ย ซินแสคนนี้สนิทสนมกับครอบครัวมีทรัพย์อนันต์พอควร เพราะมักจะถูกเชิญมาดูดวงให้คนในบ้าน และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับในเรื่องของฮวงจุ้ยเพื่อให้การประกอบธุรกิจเจริญรุ่งเรือง จึงเป็นบุคคลที่น่าจะช่วยเหลือในส่วนตรงนี้ได้
“นี่ลื้อกำลังแช่งหลานชายอั๊วอย่างนั้นเหรออาโซ่” อาม่ากันทราดูตกอกตกใจเมื่อได้ยินคำว่าอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิต จนนิฏฐาต้องรีบอธิบายเพิ่มเติม
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ อาม่าก็รู้ว่าพี่ดินทร์น่ะไม่มีทางยอมง่ายๆ อยู่แล้ว ถ้าเราไม่ใช่วิธีนี้ พี่ดินทร์ต้องไม่ยอมแน่ๆ เลยค่ะ”
อาม่ากันทรามีสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ เชิงเห็นด้วยกับสิ่งที่หญิงสาวกล่าวมา ท่านรู้จักนิสัยใจคอของหลานชายตัวเองดี บทจะรั้น ก็รั้นแบบหัวชนฝาเลยทีเดียว
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวอั๊วลองปรึกษาซินแสกำธรดูก่อนว่าอีจะยอมช่วยหรือเปล่า”
บทสนทนาของอาม่ากันทราและเธอสิ้นสุดลงตรงนั้น คราวนี้เธอก็รอเพียงอย่างเดียวว่าซินแสกำธรจะให้ความร่วมมือด้วยหรือไม่ ถ้าซินแสยอมให้ความร่วมมือ สิ่งที่เธอต้องทำต่อจากนั้นก็คือ...
เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของนฤบดินทร์ได้เลย
ห้องโถงคฤหาสน์มีทรัพย์อนันต์
“อ่า ต้องขอโทษจริงๆ ที่ต้องให้ซินแสมาหาถึงที่ เชิญนั่งก่อนๆ”
อาม่ากันทราผายมือให้ซินแสกำธรนั่งตรงโซฟาบุหนังอย่างดีฝั่งขวามือ ส่วนตัวเองนั่งโซฟาตัวยาวที่อยู่ตรงกลาง นุ่มที่เป็นคนพาซินแสกำธรเข้ามาค่อยๆ ถอยออกไปอย่างรู้งาน ตอนนี้จึงเหลือเพียงอาม่ากันทราและซินแสกำธรที่กำลังยกมือขึ้นทักทายกันในแบบฉบับจีนโบราณ นั่นก็คือการยกกำปั้นซ้ายขึ้นมาประสานกับมือขวาที่แบในแนวระนาบ ในลักษณะเฉียงๆ ขนานกับพื้น
“อั๊วยินดี ว่าแต่ลื้อมีอะไรให้อั๊วรับใช้ก็บอกมาได้ ไม่ต้องเกรงใจ”
ซินแสกำธรว่าพลางยิ้มมุมปากนิดๆ เป็นเชิงบอกว่าเต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือ
“คืออย่างนี้ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของอาดินทร์แล้ว อีจะอายุครบสามสิบปี อั๊วอยากจะรบกวนให้ช่วยดูดวงให้อีหน่อย”
“ได้ๆ ไม่มีปัญหา”
ซินแสกำธรรับคำพร้อมกับยกมือขวาขึ้นลูกเครายาวๆ ที่ขาวโพลนของตัวเอง เจ้าตัวยังคงยกยิ้มที่มุมปากเช่นเคยเพราะเรื่องที่อาม่ากันทราขอร้องมาเป็นเรื่องที่ถนัดอยู่แล้ว
“คือมันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ”
“เอ๊ะ!” คิ้วข้างหนึ่งของซินแสกำธรเลิกขึ้นแล้วมองคู่สนทนาอย่างกังขา “ถ้าไม่ใช่แค่ดูดวงอย่างเดียวแล้วลื้อจะให้อั๊วช่วยทำอะไร”
“คืออั๊วน่ะอยากให้อาซินแสช่วยบอกอาดินทร์ให้หน่อยว่าอีน่ะกำลังมีเคราะห์หนัก และวิธีการที่จะแก้เคราะห์นั่นได้ก็คือต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เกิดวันเสาร์ เดือนแปด ปีเถาะ และต้องใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างน้อยหนึ่งปี ถึงจะผ่านพ้นเคราะห์หนักไปได้ หรือไม่ก็บอกอีว่าเคราะห์หนักจะได้กลายเป็นเบา”
มือที่มีร่องรอยของความเหี่ยวย่นชะงักค้าง ก่อนที่ซินแสกำธรจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ดังพอประมาณ
“ลื้อจะให้อั๊วปดอาดินทร์อย่างนั้นรึ”
“แหม อาซินแสอ่า ถือว่าอั๊วขอก็แล้วกัน”
ซินแสกำธรส่ายหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นลูบเครายาวอีกสองสามครั้ง
“อั๊วทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก มันผิดหลักคุณธรรม ไม่ได้ๆ อั๊วพูดปดไม่ได้ แล้วอีกอย่างเรื่องดวงชะตาไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนา”
คำปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาของซินแสกำธรทำให้อาม่ากันทรารู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน” ประโยคถัดมาของคู่สนทนาทำให้อาม่ากันทราเริ่มมีประกายแห่งความหวังขึ้นมาบ้าง “อั๊วจะตรวจดวงชะตาของอาดินทร์ให้ตอนนี้เลย แล้วอั๊วจะพูดไปตามความจริง ส่วนเรื่องที่ลื้อจะไปบอกอาดินทร์ว่ายังไงก็แล้วแต่ลื้อก็แล้วกัน”
อาม่ากันทรารีบพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ทั้งคู่สบตากัน ก่อนซินแสจะหลับตาลง ยกมือขวาขึ้น ขยับนิ้วหัวแม่มือสัมผัสกับนิ้วต่างๆ ราวๆ ห้านาทีจึงเปิดเปลือกตาขึ้น แล้วอุทานอย่างตกใจ
“ไอ้หยา!”
“เกิดอะไรขึ้นอาซินแส!”
อาม่ากันทราเห็นซินแสกำธรอุทานออกมา ก็พลอยตกอกตกใจไปด้วย
“อั๊วตรวจดวงชะตาของอาดินทร์แล้วนะ มันเป็นไปตามที่ลื้อว่าทุกอย่างเลย”
“อาซินแสหมายความว่าไง”
“ก็ที่ลื้อบอกให้อั๊วบอกอาดินทร์ว่า อีจะมีเคราะห์หนัก และวิธีการที่จะแก้เคราะห์นั่นได้ก็คือต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เกิดวันเสาร์ เดือนแปด ปีเถาะ และต้องใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างน้อยหนึ่งปี ถึงจะผ่านพ้นเคราะห์หนักไปได้ เคราะห์หนักจะได้กลายเป็นเบา ดวงชะตาของอาดินทร์ตอนอายุครบสามสิบปีมันเป็นอย่างที่ลื้อว่ามาทุกอย่าง ช่างบังเอิญจริงๆ”
อาม่ากันทราถึงกับต้องยกมือทาบอกกับดวงชะตาของหลานชาย นัยน์ตาของท่านเบิกกว้าง พานให้หัวใจสั่นไหวขึ้นมา ท่านแค่ต้องการจะกุเรื่องขึ้นมาเพื่อเป็นการบังคับให้นฤบดินทร์แต่งงานกับนิฏฐาในทางอ้อม ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้ และตอนนี้ท่านก็รู้สึกอยากจะเป็นลมเต็มที
“อานุ่มๆ เอายาดมมาให้อั๊วที อั๊วจะเป็นลม”