กึก!
แต่ดูเหมือนขากับใจมันไม่ตรงกัน อยู่ๆสองเท้าของผมที่กำลังจะก้าวออกจากห้องไปก็หยุดลงหมุนตัวกลับดื้อๆ
มือหนาผลักประตูห้องของนารากลับเข้าไปอีกครั้งโดยไม่รู้ว่าเป็นสมองหรือหัวใจที่มันสั่งการให้ร่างกายทำแบบนี้
ร่างบางยังคงนอนขดหลับใหลไม่ได้สติ ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา มือของเธอกำชายผ้าห่มเอาไว้แน่น ริมฝีปากเล็กแห้งผาดปนด้วยสีแดงสดจากพิษไข้
ดวงตาคมจ้องมองไปที่เธอนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ เบือนสายตาไปยังโต๊ะหัวเตียง ผ้าหมาดๆยังอยู่ในกะละมัง ผมหยิบมันขึ้นมาเอาไว้ในมือ จากนั้นก็ไล่เช็ดตัวให้นาราอีกครั้ง
“เธอ!” ผมเขย่าตัวนาราเพื่อเรียกให้เธอได้สติ หลังจากผมพยายามเช็ดตัวให้เธอจนเสร็จ และหาชุดนอนมาสวมใส่ให้เธอได้สำเร็จ
ร่างบางค่อยๆขยับตัวพลิกไปอีกทาง ฝ่ามือเล็กยกขึ้นวางทาบลงที่หน้าผากของตัวเอง
“อื้อ~ ยะ... อย่าเข้ามานะ ฮึก!” เธอเปล่งเสียงร้องออกมาทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ มือเล็กกำผ้าห่มเอาไว้แน่น ส่ายหน้าไปมาเหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
“นารา! เธอ!”มือหนาเขย่าตัวเรียกคนไม่ได้สติอีกครั้ง นัยน์ตาคู่สวยค่อยปรือตาลืมขึ้นมองมาที่ผมด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
“คุณคะ..คาเท” เธอค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นพิงหัวเตียงด้วยท่าทางทุลักทุเล ร่างบางใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดขยับตัวถอยหนีห่างผมที่นั่งอยู่บนเตียงนอนของเธอ
“ลุกขึ้นมากินข้าวแล้วก็กินยาซะ เดี๋ยวจะตายซะก่อน”ผมบอกออกไปเสียงเข้ม ดันตัวลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียงนอน
“คะ...คุณ ทำไม่คุณยังไม่กลับไปอีก”
“ไปแล้วแต่กลับมาอีก กะจะมากินเธอแต่เกือบได้เก็บศพแทน”
“พะ...พูดอะไร ออกไปจากห้องฉันนะ” นาราหยิบหมอนที่วางอยู่บนที่นอนปามาที่ผมด้วยแรงที่มีอยู่เพียงน้อยนิด ซึ่งแน่นอนว่าผมรับมันมาได้อย่างสบายๆ
“ไม่มีแรงก็อย่ามาซ่า”มือหนาจับปลายคางของเธอเอาไว้อย่างแรง จนใบหน้าเล็กแสดงความเจ็บปวดออกมาพร้อมด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาอาบพวงแก้มนวล
“เจ็บ! ปล่อยฉันนะ” ผมสะบัดคางของเธอออกจากมืออย่างแรง ทำให้นาราฟุ้บลงไปกับที่นอนตามแรงที่ผมผลักเธอลงไปเมื่อสักครู่ ฮึ!ไม่มีแรงแล้วยังจะมาปากดีอีกนะ
“กินข้าว กินยาซะ ถ้าฉันกลับมาแล้วเธอยังไม่หายเจอดีแน่” ผมชี้หน้าเธออย่างคาดโทษ นาราจ้องผมด้วยสายตาอาฆาต น้ำใสๆไหลออกมาจากตาอีกครั้ง มุกบีบน้ำตาน่ารำคาญชิบ!
“ฮึก!คุณยังจะกลับมาอีกเหรอ เมื่อคืนคุณยังไม่พอใจใช่มั้ย ฮึก!” มือเล็กกำมัดทุบลงบนที่นอนอย่างเหลืออด ผมยืนมองการกระทำนั้นนิ่งๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรออกไป
“ยัง! ไว้พอใจเมื่อไหร่ ฉันจะบอกอีกที” ผมเดินออกมาจากห้องนอนของนารา ก่อนจะปิดประตูห้องเสียงดังลั่น
ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นไห้ของเธอดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ช่างเธอประไร แค่นี้มันยังไม่พอกับที่เธอทำให้เดซี่สูญเสียหรอก
สิ่งที่ผมทำกับเธอมันเทียบไม่ได้กับความเสียใจที่เดซี่ได้รับด้วยซ้ำ
(END:TALK)
เนิ่นนานที่ฉันนอนร้องไห้อยู่บนเตียงนอนอยู่อย่างนั้น ร่างกายของฉันทุกส่วนเจ็บระบมไปหมด โดยเฉพาะตรงนั้นของฉันเจ็บมากๆ จนต้องเบ้หน้าออกมาตอนที่เหวี่ยงขาลงจากเตียง
ฉันค่อยๆพยุงตัวเองเข้าไปในห้องน้ำด้วยเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด มองสภาพตัวเองในกระจกเงาผ่านม่านน้ำตาด้วยแววตาสั่นระริก ตามตัวมีรอยเขียวช้ำเต็มไปหมด ตาแดงเหมือนผีเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“เจ็บจัง” ฉันก้มลงดูตรงนั้นของฉันที่มันแดงช้ำและบวมมาก เหมือนมันกำลังอักเสบ แล้วฉันก็ตกใจมากกว่าเดิมเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้ป้องกัน
“บ้าเอ้ย!” ร่างบางค่อยๆ พยุงตัวเองออกมาจากห้องน้ำหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก่อนจะค่อยๆ ออกจากห้องพักแล้วตรงไปที่ร้านขายยา โชคดีที่มีร้านขายยาถัดจากคอนโดไม่ไกลนัก
ฉันพยายามบังคับตัวเองให้เดินปกติที่สุด เสื้อมีหมวกฮู้ดถูกกระชับมันไว้แน่น เพื่อไม่ให้เภสัชเห็นร่องรอยขบกัดเขียวช้ำบนซอกคอ
"ซื้อยาคุมฉุกเฉินค่ะ"ฉันเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว หลุบตามองลงพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับเภสัชผู้หญิงที่อยู่ประจำร้านขายยานี่
เธอเองก็ไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรฉันอีก แต่กลับเดินไปหยิบกล่องยาเล็กๆมายื่นให้ฉันแทน
“ทานยาตามนี้นะคะ เม็ดที่สองทานหลังจากทานเม็ดแรก12ชั่วโมงค่ะ”เธอธนบัตรใบละห้าร้อยบาทไปจากมือฉัน ก่อนจะหันไปเปิดลิ้นชักเพื่อทอนเงินส่วนที่เหลือ
“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับถุงยาและเงินทอนมาจากเภสัชประจำร้านขายยา ก่อนจะรีบเดินออกมาจากที่นั่นเพื่อกลับเข้าไปในคอนโดอย่างรวดเร็ว
“แดดแรงจัง” นัยน์ตาคู่สวยหยีลงเล็กน้อยเมื่อแสงแดดเข้ามาแยงตาเต็มๆ ขาเรียวก้าวเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายหมายจะกลับคอนโดที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่อยู่ๆ มันก็รู้สึกมืดดำขาทั้งสองข้างอ่อนแรงระหว่างทางขึ้นมาดื้อๆ
ฟุ้บ!!
ปี๊นๆๆๆๆๆๆ
เอี๊ยดดดดด!!!
รถที่กำลังวิ่งออกมาจากสัญญาณไฟเขียวต้องเบรกรถกระทันหัน เมื่อฉันล้มพับลงไปกลางทางม้าลาย
“คุณ!” มือหนาของใครบางคนช้อนตัวอุ้มฉันขึ้น ท่ามกลางรถหลายคันที่เบี่ยงออกไปวิ่งถนนเลนอื่น
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ”
“เอ่อ ฉะ...หน้ามืดน่ะค่ะ” ผู้ชายคนนั้นค่อยๆ พยุงฉันให้ลุกขึ้นจากกลางถนนตรงมาที่รถของเขา
“คุณไหวไหม ให้ผมพาไปโรงพยาบาลไหม”
“มะ...ไม่ต้องค่ะ แค่ช่วยไปส่งฉันที่คอนโดฝั่งตรงข้ามก็พอ” ฉันชี้นิ้วเรียวไปที่คอนโดฝั่งตรงข้าม ที่ฉันกำลังจะข้ามถนนกลับไป ถ้าขืนข้ามถนนไปเองอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะหน้ามืดล้มไปอีกไหม
“แน่ใจนะ แต่หน้าคุณโคตรซีด ผมเห็นตอนแรกยังตกใจเลย”
“ฉันมีไข้นิดหน่อยค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่มาล้มตรงหน้ารถคุณซะได้”ปากเล็กเอ่ยออกไปพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ขอโทษเขาไปด้วย
ปี๊นๆๆๆๆๆ
“อ่า คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ แต่ตอนนี้คงต้องขยับรถแล้วล่ะ” เขามองกระจกซ้ายขวาก่อนจะค่อยๆ ขยับรถไปข้างหน้าเพื่อเข้ายูเทิร์นกลับไปทางคอนโดของฉัน
“เอ่อ ฉันขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณเสียเวลา” ฉันบอกออกไปอย่างเกรงใจเมื่อเข้ามานั่งในรถของผู้ชายคนนั้นเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบช่วยเหลือคนสวยอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่นนะครับ” เขาหันมาขยิบตาให้ฉันทีหนึ่งก่อนจะขับรถเข้ายูเทิร์นตรงไปยังคอนโดของฉัน
"จอดตรงนี้ล่ะค่ะ ฉันเกรงใจคุณ"
"บอกแล้วยังไงล่ะครับ ว่าผมเต็มใจ"ริมฝีปากหยักได้รูปส่งยิ้มสดใสมาทางฉัน
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่มาส่ง” ฉันบอกพรางเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่มือหนารั้งฉันไว้ซะก่อน
“เอ่อ ถ้าไม่ดูน่าเกลียดเกินไป ผมขอไปส่งคุณได้มั้ย คือหน้าคุณซีดมาก ผมกลัวคุณจะล้มพับลงไปอีก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดีขึ้นแล้วยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ฉันเอื้อมไปเปิดประตูรถอีกครั้ง แต่ผู้ชายคนนั้นกลับวิ่งตามลงมาจากรถ อ้อมมาทางฝั่งฉัน
“คุณลืมถุงยาครับ”
"อ๋อ...จริงด้วยค่ะ"ฉันบอกออกไปอายๆ ฉันลืมไปสนิทเลย ดีที่กล่องยาคุมฉุกเฉินอยู่ในถุงกระดาษเล็กๆ อีกที หวังว่าเขาคงไม่เห็นหรอกนะว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้น
“ขอบคุณนะคะ” ฉันยิ้มให้เขา เอื้อมมือไปคว้าเอาถุงยาในมือเขามาไว้ในมือตัวเองอย่างรวดเร็ว
“ลิฟท์มาแล้วครับ” คนตัวสูงผายมือให้ฉัน ซึ่งพยักหน้าให้เขาน้อยๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าลิฟท์ไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองเขาอีก
“แย่จริง ลืมถามชื่อเขาเลย”
แผ่นหลังของฉันพิงไปกับผนังลิฟท์ หลับตาลงช้าๆ ในขณะที่ลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้นไปยังชั้นที่เป็นห้องพักของตัวเอง