LINE
Kate : เลิกเรียนกี่โมง
ฉัน : เลิกบ่ายสามค่ะ แต่มีอีกวิชานัดเรียนอีกตอนเย็น
ฉัน : ส่งรูป อาจารย์กำลังสอนอยู่หน้าห้อง
Kate : อย่าลืมที่พูดไว้เมื่อเช้า
“มีอะไรรึเปล่านารา”
“เปล่าๆ พ่อไลน์มาน่ะ” ฉันโกหกฟักแฟงออกไปอย่างรวดเร็ว เธอพยักหน้าให้ฉันเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปฟังที่อาจารย์กำลังสอนต่อ
ฉันวางโทรศัพท์คว่ำหน้าลงไว้บนโต๊ะเรียน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสนใจเนื้อหาที่อาจารย์สอน แต่เหมือนมันไม่เข้าสมองเลย เพราะมันมีแต่คำว่า ‘อย่าลืมที่พูดไว้เมื่อเช้า’ เข้ามาในสมองแทน
หลายชั่วโมงต่อมา
“เกินไปมั้ย เกือบทุ่มทุ่มเนี่ย” ฟักแฟงเอ่ยออกมาเสียงอ่อน ยกกำปั้นเล็กทุบลงต้นคอเบาๆ หลังจากที่อาจารย์เดินออกไปจากห้องเรียนแล้ว
“เหนื่อยจนแทบอ้วก ไอ้วินมึงไปส่งฟักแฟงทีดิวะ”
“อื้อ เดี๋ยวกูไปส่งเอง หาไรกินกันก่อนไหม”
“นารา แกจะกลับเลยไหม หรือจะหาอะไรกินก่อน” ฟักแฟงถามขึ้น มือเล็กของเธอนวดลงตรงไหล่ให้ฉันเบาๆ
“กลับเลยดีกว่า ฉันเหมือนจะไข้ขึ้นด้วยเนี่ย” ฉันบอกพลางซบลงที่มือฟักแฟงที่วางไว้บนไหล่ ด้วยท่าทางออดอ้อนเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ
“ไหวไหมมึง ไม่ไหวก็กลับด้วยกัน เดี๋ยวกูแวะไปส่ง”
“ไม่เป็นไรวิน เดี๋ยวฉันกลับเอง ขอบใจมากนะ”ฉันตอบกลับดวินไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเก็บอุปกรณ์การเรียนลงในกระเป๋า
พวกเราเดินออกมาพร้อมกับนักศึกษาคนอื่นๆ ก่อนจะแยกกันที่ลานจอดรถ นาฬิกาหน้าคอนโซลรถบอกเวลาสองทุ่มกว่าๆ มือเล็กเอื้อมไปกดปุ่มสตาร์ตรถก่อนจะค่อยๆขับเคลื่อนตัวออกไป
ครื่น!!!
เปี้ยง!!!
ซ่า!!!
“ฝนตกจนได้สินะ”ดวงตากลมโตทอดสายตามองออกไปนอกกระจกรถ เม็ดฝนตกลงมาห่าใหญ่ แขนทั้งสองถูกยกขึ้นกอดอกระหว่างรอให้สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“หนาวเหมือนกันนะเนี่ย” ฉันค่อยๆ เคลื่อนรถไปบนถนน เมื่อสัญญาณไปเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว ฝนตกหนักขนาดนี้ไม่เหมาะที่จะต้องขับรถเร็วเลยสักนิด
โครม!!!!!
ตึง!
“กรี๊ดดดดด!!!” เหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อมีรถกระบะแต่งซิ่ง ขับแซงซ้ายขึ้นมาปาดหน้ารถฉัน ทำให้ฉันเบรกไม่ทัน ประกอบกับถนนลื่นด้วย เลยทำให้ชนเข้าท้ายรถกระบะคันนั้นอย่างจัง แรงกระแทกทำให้รถกระบะคันนั้นเสียหลักชนเข้ากับป้ายบอกทางจนฝากระโปรงหน้ารถเปิดขึ้น มีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากด้านหน้ารถ ท่ามกลางสายฝนที่ไม่มีท่าที่ว่าจะหยุดแต่อย่างใด
ด้วยความตกใจทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่บนรถ
ตุ้บๆๆๆ
“เฮ้ย ขับรถภาษาอะไรวะ ลงมาเคลียดิ๊”
"เฮือก!" ฉันดึงสติกลับมาเมื่อเจ้าของรถคันนั้นเข้ามาทุบกระจกรถฉันด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด ผู้ชายท่าทางน่ากลัว มีรอยสักเต็มตัว ไปจนถึงต้นคอ กำลังยืนเท้าสะเอวมองมาทางฉันจากนอกรถ ฉันรีบปลดเข็มขัดนิรภัยลงจากรถอย่างเงอะงะ สั่นไปทั้งตัวเพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“คะ...คุณเป็นอะไรมากไหมคะ” ฉันตะโกนฝ่าสายฝนที่ยังโหมกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
“ถามมาได้ ดูสภาพรถโน่น” ฉันมองสภาพรถของเขาที่จอดสนิทอยู่ที่ป้ายบอกทาง ควันที่ลอยออกมาจากหน้ารถยังพวยพุ่งอยู่ ส่วนรถของฉันจอดเฉียงอยู่เลนซ้ายสุด กระจังหน้าหลุดออกมา รถคันอื่นๆ ค่อยๆ ขับเบี่ยงออกจากรถของฉัน สัญจรไปยังเลนอื่นเพราะจราจรเริ่มติดขัด
“แต่คุณฝ่าไฟแดงมาชนฉันนะคะ”
“ทางฉันเป็นไฟเขียว เธอตาบอดสีรึไงวะ” ทางฉันสีเขียวจริงๆ นะ เพราะมีรถคันหนึ่งขับออกไปก่อนฉันด้วยซ้ำสามารถเปิดดูกล้องหน้ารถดูได้เลย
“เดี๋ยวฉันจะเรียกประกันมาไกล่เกลี่ย รถฉันมีประกัน” ฉันวิ่งกลับไปที่รถ ก่อนจะควาญหาโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋าสะพาย
สายเข้า Kate~
ฉันขมวดคิ้วงงกับรายชื่อที่โทรเข้ามา ไม่เคยบันทึกเบอร์เค้าไว้ อย่าบอกนะว่าเขามายุ่งย่ามกับโทรศัพท์ฉัน แต่ช่างเถอะตอนนี้ขอโทรหาประกันก่อน ฉันเลื่อนตัดสายคุณคาเท ก่อนจะกดโทรออกหาบริษัทประกันภัยทันที
หลังจากบอกข้อมูลให้ประกันได้ทราบแล้ว ก็รอประกันมาไกล่เกลี่ย แต่ด้วยสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยเลยทำให้บริษัทประกันมาช้ากว่าที่จะเป็น
ตุ้บๆๆๆ
“ว่ายังไง ฉันรอนานแล้วลง ลงมาเคลียร์ซักทีดิวะ”
ครืดๆๆๆๆ
แต่ยังไม่ทันจะลงไปเคลียร์กับเจ้าของรถคันนั้น ก็ถูกแทรกด้วยสายโทรเข้าจากคุณคาเทซะก่อน
“ฮัลโหลค่ะคุณคาเท”
(อยู่ไหนวะ เธอจะเบี้ยวฉันเหรอ)
“ฉะ...ฉัน”
ตุ้บๆๆๆ
“s**t!!! ออกมาดิว๊ะ”
“กรี๊ด!!! อย่าทุบนะ” ฉันตะโกนออกไปลั่นเมื่อเจ้าของรถคู่กรณี เขายกประแจขนาดใหญ่ขึ้นหมายจะทุบลงที่กระจกข้างรถฉัน
(เสียงอะไรวะนารา!!!)
“ฉันขับรถชนค่ะ กรี๊ด!! อย่าทุบนะ”
(บ้าเอ้ย!!!แล้วตอนนี้อยู่ไหน)
“เอ่อ เลยไฟแดงห้างX-ONE…”
ตุบๆๆๆ
“อย่าทุบนะคะ ประกันกำลังมาค่ะ” ฉันเปิดประตูออกมาบอกเจ้าของรถคู่กรณีในขณะที่ยังคุยโทรศัพท์กับคุณคาเทยังไม่เสร็จ เพราะผู้ชายคนนั้นเขามีท่าทางโมโหอย่างหนัก เดินวนไป วนมาระหว่างรถของฉัน ในมือยังถือประแจอันใหญ่เอาไว้แน่น ฉันไม่กล้ากลับเข้าไปนั่งข้างในรถ เลยยืนตากฝนตัวสั่นอยู่ข้างๆ เขา
“แม่งช้าชิบ”
ใจเย็นๆ นะคะ เดี๋ยวประกันก็มาค่ะ”
“เฮ้!มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” ฉันหันไปตามเสียงเรียกของผู้ชายคนหนึ่ง เขาวิ่งลงมาจากรถของเขา ที่จอดชิดไปขอบทาง
"คะ..คุณ"
“คุณนั่นเอง รถคุณเกิดอุบัติเหตุเหรอครับ” เขายกร่มขึ้นกางให้ฉันที่ยืนตัวสั่นเพราะความหนาวเย็นอยู่ท้ายรถกระบะคู่กรณี
“เอ่อ คุณ...” ฉันจำได้ว่าเขาคือคนที่ช่วยฉันไว้ ตอนที่เป็นลมอยู่หน้าคอนโด เสียดายที่วันนั้นยังไม่ทันได้ถามชื่อเขา
“เดรคครับ วันนั้นลืมบอกชื่อ”
“อ๋อค่ะ ฉันนาราค่ะ”
“ว่าแต่รถคุณ เอ่อ” เขาชี้นิ้วสลับระหว่างรถฉันกับรถคู่กรณี
“ชนท้ายค่ะ ฉันเบรกไม่ทัน”
“แล้วนี่เรียกประกันรึยังครับ ดูเหมือนคู่กรณีคุณเขาจะไม่พอใจอย่างมากนะครับ ถือประแจมาโน่นแล้ว”
ฉันมองตามเดรคที่พยักพเยิดหน้าไปทางคู่กรณีของฉันแย่แล้วนารา ถือประแจเดินมาโน่นอีกแล้ว ฮื้อ~