เกลียดกันมากสินะ

1715 คำ
“หายหน้าหายตาไปทั้งวัน แอบงีบเหรอวะ” เสียงทักทายของไอ้ไททัน บอดี้การ์ดประจำของคุณท่านเอ่ยทักท้วง ทันทีที่เห็นผมก้าวขาเข้าโรงอาหารในช่วงเย็น ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังรวมตัวกันกินข้าว “อืม เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับน่ะ” ผมบอกอย่างไม่ยี่หระ พร้อมกับถือจานข้าวตรงไปนั่งกับกลุ่มเพื่อน ประกอบด้วยไอ้ไททัน ไอ้ซัน และไอ้เจย์ เพื่อนซี้ที่เห็นกันมาตั้งแต่ยังเด็ก และฝึกต่อสู้มาด้วยกันแต่ไหนแต่ไร “ล็อก!” สิ้นคำสั่งของไอ้ไททัน หน้าของผมก็คะมำไปกับโต๊ะอาหารโดยฝีมือของไอ้ซันกับไอ้เจย์ ไม่พอนะ พวกมันสองตัวยังช่วยกันล็อกแขนล็อกขาไม่ยอมให้ผมขยับไปไหนอีกด้วย “เล่นเหี้ยไรของพวกมึงเนี่ย!” ผมโวยวายเสียงดัง ทำเอาบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ เริ่มหันมามองอย่างให้ความสนใจ “มีความลับเหรอวะ” ไอ้ไททันลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะใช้มือดึงพลาสเตอร์ออกจากลำคอของผม เพียงเท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าไอ้ซันมันต้องปากสว่างไปฟ้องไอ้สองคนนี้แน่ “ตอบมาสิ เหตุผลอะไรที่มึงหนีเที่ยวแล้วไม่ชวนพวกกู” “เออ! ทำเป็นนอนไม่หลับ ที่แท้ก็แอบไปกินตับสาว” ไอ้เจย์รีบเสริมทันที เรื่องแบบนี้พวกมึงจริงจังกันเชียวนะ “ปล่อยกูก่อนดิวะ เจ็บนะเว้ย!” เห็นว่าผมไม่ปฏิเสธ พวกมันถึงได้ยอมคลายมือออกเป็นจังหวะที่ผมลุกขึ้นแล้วตบกระบาลพวกมันไปคนละทีจนเสียงดังลั่น “ไอ้พวกปัญญาอ่อน เล่นใหญ่กันฉิบหาย” “มึงไม่ต้องเนียน อธิบายมา” ไอ้ไททันไม่หลงกลผมง่าย ๆ ยังคงจี้ถามคาดคั้นเอาคำตอบจากปากผม “ก็เมื่อคืนกูเห็นไฟห้องนอนคุณหนูปิดไวกว่าปกติ กูเลยขึ้นไปดู เห็นว่าคุณหนูถอดกำไลแขนติดจีพีเอสออก กูเลยสุ่มไปมั่ว ๆ ว่าจะตามไปเจอเขาได้ที่ไหน ก็อย่างที่คิดนั่นแหละ ไปผับแรกก็เจอตัวเลย แต่คุณหนูเมามาก เพื่อนคุณหนูเลยให้ไปนอนพักที่ห้องของเขาก่อน” “มึงกับเพื่อนคุณหนูก็เลยได้กันเหรอวะ?” ไอ้เจย์ถามแทรกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น จริง ๆ ผมก็ตั้งใจจะโกหกพวกมันว่าได้กับคนในผับ แต่มันดันไม่มีจังหวะได้แทรกเหตุการณ์เหมาะ ๆ เข้าไปเลย ผมจึงต้องเออออไปก่อน “อืม” “ไอ้เชี่ยยย เล่นของสูงว่ะ แล้วเป็นไง จิ๋มคุณหนูมันหวานไหมครับบ ไอ้จู๋บอดี้การ์ด” ผมกลั้วขำพลางส่ายหน้า จะว่าหวานไหม มันก็... แค่คิดถึงรสชาติก็แข็งอีกแล้วสิ “ยิ้มแบบนี้แสดงว่า...” “อืม หวานฉิบหาย” “ไอ้สัตว์เอ๊ย กูอิจฉา!” ไอ้ซันเขย่าต้นแขนผมแรง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามต่อด้วยความอยากรู้เต็มทน “ว่าแต่เพื่อนคุณหนูคนไหนวะ” “ไม่บอกเว้ย ความลับ” “เอ้า! ไอ้นี่” พวกมันต่างโวยกันเสียงดัง พร้อมทั้งพยายามที่จะเค้นถามต่อ แต่ผมก็ไม่ได้เฉลยออกไป เมื่อไม่ได้คำตอบ พวกมันก็เลิกเซ้าซี้ไปเอง “แล้วคุณหนูเขาเครียดอะไรวะ ทำไมถึงต้องหนีไปกินเหล้า” จู่ ๆ ไอ้ซันก็ถามขึ้นมาอย่างนึกสงสัย “เหอะ อย่างคุณหนูเนี่ยนะจะมีเรื่องให้เครียด” คนอย่างมิลินไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลยสักนิด ใช้ชีวิตเหนือความทุกข์ทั้งปวง คนที่ทุกข์ใจคือผมนี่ คนที่ต้องแบกรับการกระทำของเธอทุกอย่าง “ยังไงก็ต้องมีแน่ ไม่งั้นไม่ลงสตอรี่ไอจีแบบนี้หรอก” ผมชะงักมือที่กำลังตักข้าว แล้วเงยหน้าขึ้นมองจอมือถือของไอ้ซันที่ชูอยู่ต่อหน้า ทำไมต้องเป็นคนนี้ด้วย! เพียงแค่ข้อความสั้น ๆ ผมก็สามารถแปลออกได้ทันทีว่ามันหมายถึงผมแน่ และเพิ่งจะลงไปช่วงเช้านี้เอง พอผมหยิบโทรศัพท์จากมือไอ้ซันขึ้นมาเลื่อนดูสตอรี่ถัดไป ก็มีอีกข้อความที่ลงในเวลาไล่เลี่ยกัน อยากตายแล้วเกิดใหม่ “เกลียดกันมากสินะ” “เกลียดใครวะ” ทั้งที่ผมพึมพำกับตัวเองเสียงเบา แต่ไอ้ไททันที่นั่งอยู่ติดกันดันหูดี ได้ยินเสียได้ “กะ กูหมายถึงสตอรี่นี้แหละ คุณหนูคงเกลียดเขามากเลย” “กูก็ว่างั้น” ไอ้ไททันพยักหน้าเห็นด้วย “จะดูอีกนานไหม คืนโทรศัพท์กูมาได้แล้ว” ไอ้ซันที่นั่งอยู่ต่อหน้ากระดิกนิ้วรอรับโทรศัพท์ของมันคืน แต่ผมยังไม่ทำตามความต้องการของมัน รีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วกดค้นหาไอจีของมิลิน แต่ทว่าค้นหายังไงก็หาไม่เจอ “ทำไมกูค้นหาไอจีคุณหนูไม่เจอวะ?” “คุณหนูบล็อกมึงเปล่า” “...” บล็อกเหรอ? บล็อกทำไม “พวกมึงค้นหาดิ๊ มีใครถูกบล็อกเหมือนกูบ้าง” “ไม่ต้องค้นหรอก พวกกูติดตามไอจีคุณหนูทุกคน” “กูก็เคยติดตาม” ผมเถียงกลับทันที ก่อนจะก้มหน้ากดค้นหาไอจีของมิลินอีกรอบ แต่ยังคงได้ผลลัพธ์เช่นเคย คือหาไม่เจอ... เกลียดกันมากขนาดนี้เลยเหรอ? ถ้าเกลียดแล้วเมื่อคืนมาจูบผมก่อนทำไมล่ะ ยัยเด็กนี่! ความสงสัยและคาใจทำให้ผมต้องหาเรื่องเข้าไปพบเธออีกครั้ง ทั้งที่จริง ๆ แล้วผมควรปล่อยผ่านและไม่แยแสกับเรื่องนี้ แต่ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมมันถึงหงุดหงิดจนอยากคุยกันให้รู้เรื่อง ก๊อก ๆ “คุณหนู” เห็นว่าไฟในห้องยังเปิดสว่างจ้า ผมจึงเคาะประตูห้องแล้วร้องเรียก ทว่าคนด้านในกลับไม่ตอบสนองอะไรกลับมาเลย ก๊อก ๆ ผมลองเคาะซ้ำเป็นรอบที่สอง และยังคงได้รับความเงียบตอบกลับมาเช่นเคย แค่นี้ก็ชัดเจนมากแล้วว่าเธอไม่อยากเห็นหน้าผม “จะหนีหน้ากันเหรอ?” ผมพึมพำกับตัวเองพลางดันลิ้นใส่กระพุ้งแก้ม ก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเดินอ้อมไปเข้าห้องข้าง ๆ แล้วปีนหน้าต่างข้ามเข้ามาภายในห้องของมิลินอย่างระมัดระวัง ไม่ให้คนที่อยู่ด้านในได้ไหวตัว พอปีนมาถึงระเบียงก็เห็นว่ามิลินกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียงนอน ผมจึงอาศัยจังหวะที่เธอไม่ทันสังเกต ย่องเข้ามาจากทางด้านข้างอย่างช้า ๆ “ตอนแกได้กับผู้ชายแปลกหน้าในผับ แล้ววันต่อมาบังเอิญไปเจอกันที่มอ แก... ทำตัวยังไงเหรอ?” คนบนเตียงกรอกเสียงลงใส่โทรศัพท์ ก่อนจะเงียบฟังอย่างตั้งใจ โดยไม่รู้เลยว่าผมขยับเข้ามาใกล้มากแค่ไหน เพราะเธอมัวแต่ให้ความสนใจกับคนในสาย “แล้วถ้าผู้ชายคนนั้นอยู่คลาสเรียนเดียวกัน ต้องเจอกันทุกคาบล่ะ แกจะทำยังไงให้มองหน้าเขาแล้วไม่คิดถึงตอนที่ เอ่อ... กะ กำลังเอากันน่ะ” มิลินยังคงกรอกเสียงลงใส่มือถือด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ผมไม่รู้ว่าเธอพูดคุยอะไรกันก่อนหน้า ถึงได้เอ่ยถามถึงประโยคนี้ “เปล่า... แค่ถามเฉย ๆ อยากรู้” คนตัวเล็กเริ่มอึกอัก ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนและสะดุ้งเฮือก เมื่อพบว่าผมกำลังกอดอกยืนอยู่ข้างเตียงนอนของเธอ “นาย! เข้ามาได้ไง” มือเล็กรีบกดวางสายลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่น ก็แหงสิ ผมเล่นโผล่เข้ามาในห้องแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยนี่ “ปีนหน้าต่าง” “ฮะ!” เธอขมวดคิ้วถามราวกับไม่อยากจะเชื่อในคำตอบ เพราะด้านนอกนี้สูงมาก หากตกลงไปมีแต่ตายสถานเดียว “ทีหลังเคาะห้องก็รู้จักเปิดซะบ้าง” “นายนั่นแหละหัดมีมารยาทซะบ้าง! ฉันไม่เปิดประตู ก็เพราะฉันไม่อยากเห็นหน้านายไง” “เกลียดมากเลยเหรอ หน้าก็ไม่อยากเห็น ไอจีก็บล็อก” ผมถามเสียงขุ่น รู้สึกเคืองใจกับเรื่องนี้ไม่หาย “ใช่! เกลียดมาก รู้ตัวแล้วก็ดี จะได้ไม่สะเออะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันอีก” อีกฝ่ายสวนกลับทันควัน พร้อมกับเชิดหน้าเผชิญอย่างไม่เกรงกลัว “เกลียดได้ตามสบาย อยากบล็อกก็บล็อกไป หนีผมได้แค่ในไอจีเท่านั้นแหละ ในชีวิตจริงหนีให้ตายก็หนีไม่พ้นหรอก” ผมไม่รอให้อีกฝ่ายได้อ้าปากเถียง รีบเอ่ยถามเพื่อเปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็ว “แล้วได้กินยาแก้อักเสบตามที่บอกหรือเปล่า” “ไม่” เธอตอบกลับโดยไม่ต้องคิด ท่าทางเอาแต่ใจของมิลินทำให้ผมถอนหายใจออกมาแผ่วเบาอย่างปลงตก ก่อนจะเดินไปหยิบซองยาขึ้นมาดู และพบว่ามันถูกแกะกินไปแล้ว ทั้งที่กินมันเข้าไป แล้วจะปฏิเสธว่าไม่ทำไมล่ะ “กินยาแล้วก็นอนพักเยอะ ๆ” “เลิกออกคำสั่งสักทีได้ไหม ฉันไม่ชอบ” เธอแผดเสียงอย่างเอาแต่ใจ ผมเองก็ไม่อยากประสาทเสียไปมากกว่านี้ จึงยอมออกมาจากห้องของเธออย่างว่าง่าย แต่เธอกลับเป็นฝ่ายที่สั่งให้ผมหยุด “เดี๋ยว” เมื่อผมหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมอง เธอก็บอกถึงสิ่งที่ต้องการทันที “พรุ่งนี้ฉันจะให้ซันขึ้นมาเป็นบอดี้การ์ดของฉันแทนนาย เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ก็อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก” “คิดว่าจะยอมเหรอ?” “นายไม่มีสิทธิ์ยอมหรือไม่ยอม นายเป็นแค่ลูกน้อง มีสิทธิ์ทำตามคำสั่งฉันเท่านั้น” คนตัวเล็กพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำในน้ำเสียงที่จริงจัง “หมายถึงคุณท่านน่ะ จะยอมเหรอ?” ผมกระตุกยิ้มพลางยักคิ้วถามอย่างกวนประสาท ก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วไม่หันกลับไปมองว่ามิลินกำลังหยิบหมอนขึ้นมาปาไล่หลัง คิดว่าฉันอยากเป็นบอดี้การ์ดของเธอมากหรือไงมิลิน ถ้าคุณท่านไม่สั่ง ฉันก็ไม่มานั่งประสาทเสียเพราะเธอแบบนี้หรอก ยัยเด็กแสบ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม