อย่าพูดถึงมันอีก

1397 คำ
เพิ่งจะย่างเข้าตีห้า แต่ผมก็ปลุกมิลินให้ลุกแล้วพากลับเข้าบ้าน เผื่อจะทันก่อนที่ทุกคนจะตื่น และพอมาถึงก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ หลังจากส่งมิลินเข้าห้องเสร็จผมก็แยกตัวออกมานอนที่ห้องของตัวเอง ช่างเป็นหนึ่งชั่วโมงที่หลับโคตรสบาย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้ซันเดินเข้ามาปลุก “ไปทำอะไรมาวะ สภาพอย่างกับคนไม่ได้นอน” คนร่างสูงใบหน้าหล่อคมฉบับหนุ่มโคราชทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงนอนของผม พร้อมกับจ้องสำรวจหาความผิดปกติ “แค่นอนไม่หลับน่ะ มึงไปรอที่โรงอาหารเลยก็ได้ กูลุกไปอาบน้ำก่อน” คล้ายกับยังไม่หมดคำถาม แต่ไอ้ซันก็ไม่ได้เซ้าซี้ ยอมลุกออกไปจากห้องด้วยสีหน้าที่ยังไม่คลายความสงสัย ผมจึงรีบลุกขึ้นมาถือผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ก่อนจะหยุดชะงักที่หน้ากระจกเมื่อพบเข้ากับสาเหตุที่ทำให้ไอ้ซันทำสีหน้าแบบนั้น กูว่าแล้วไง... “ถึงว่า ไอ้ซันมันมองกูแปลก ๆ” มือหนาลูบสัมผัสเข้ากับลำคอที่ขึ้นรอยแดงเป็นจ้ำ อันเกิดจากสงครามเมื่อคืนนี้ ผมไม่รู้ว่ารอยแดงนี้เกิดขึ้นในช่วงจังหวะไหน แต่ถ้าใครพบเห็นมันเข้า... ต้องส่งผลไม่ดีแน่ ผมรีบอาบน้ำอย่างไม่อิดออด ก่อนจะออกจากห้องแล้วตรงไปที่ห้องพยาบาลเพื่อหยิบพลาสเตอร์ขึ้นมาแปะทับรอยแดงเอาไว้ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นยาแก้อักเสบที่อยู่ในกล่องยาเดียวกัน เมื่อคืนผมเผลอทำรุนแรงไปหน่อย ดูท่ามิลินก็คงจะเจ็บไม่น้อย เมื่อเช้าเธอก็เดินแปลก ๆ ด้วย ผมจึงไม่ลังเลที่จะหยิบยาแก้อักเสบติดมือออกมา แล้วตรงไปที่ห้องของเธอ “อ้าว เชนทร์ ขึ้นมาทำอะไรเหรอ” ป้าแม่บ้านเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เดินสวนลงมาจากบันได “เอ่อ... คุณหนูให้เอายาไปให้น่ะครับ ยาแก้เจ็บคอ” ผมโกหกออกไปแบบนั้น เพราะถ้าบอกไปตรง ๆ ว่าเป็นยาแก้อักเสบเดี๋ยวคุณป้าแกสงสัย “อ๋อ ไม่เป็นไร ป้าจะลงไปเตรียมอาหารกับยาไว้ให้คุณหนูเอง ป้าก็เพิ่งออกมาจากห้องคุณหนูนี่แหละ” “คุณหนูบอกให้เตรียมยาให้เหรอครับ?” ผมขมวดคิ้วถามกลับทันที “ใช่ ไข้ขึ้นสูงเลยล่ะ กินข้าวเสร็จเรียกหมอศิรินมาดูหน่อยนะ” “อ๋อ ครับ งั้นผมขึ้นไปดูอาการคุณหนูหน่อยแล้วกัน” ผมรีบแยกตัวออกมาจากป้าแม่บ้านแล้วตรงเข้าไปในห้องที่คุ้นเคย มาถึงก็เปิดประตูเข้าไปโดยไม่เคาะส่งสัญญาณ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะนอนอยู่ แล้วจะเป็นการรบกวนเธอเสียเปล่า ๆ เมื่อเข้ามาในห้องและปิดประตูเสร็จ ผมถึงเห็นว่าเธอกำลังนอนอยู่จริง ๆ ใบหน้าซีดเซียวและริมฝีปากที่แห้งผากบ่งบอกถึงอาการป่วยของเธอได้เป็นอย่างดี ผมเดินเข้าไปใกล้ชิดขอบเตียงช้า ๆ อย่างระมัดระวัง ก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา แต่เพียงแค่มือของผมแตะลงที่หน้าผาก คนที่นอนตัวหนาวสั่นอยู่ก็สะดุ้งแล้วเบิกตาโพลงทันที “ราเชนทร์! ขะ เข้ามาทำไม” เธอลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียงให้เกิดแสง แล้วหันกลับมามองที่ผมด้วยสายตาขุ่นเคือง “เห็นว่าป่วย กินยายังครับ” “กินไม่กินก็เรื่องของฉัน” นี่แหละครับ คุณหนูมิลิน ผู้หญิงที่เอาแต่ใจและพร้อมจะแผดเสียงใส่ทุกครั้งที่เธอหงุดหงิด “ผมเอายาแก้อักเสบมาให้” “ใครสั่ง?” “ไม่มีใครสั่งหรอก ผมเอามาเอง เพราะถ้าแม่บ้านจัดยาให้ เขาก็คงจัดแค่ยาลดไข้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเมื่อคืน... คุณหนูไปทำอะไรมา ถึงได้ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้” “นี่!” เสียงเล็กที่แหบพร่าร้องสวนกลับมาทันควัน พร้อมกับแววตาที่วูบไหวเมื่อผมเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ “นายห้ามพูดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้อีก” “ครับ” ผมรับคำเพราะตัดรำคาญ ก่อนจะแกะยาแคปซูลสีฟ้าตัดน้ำเงินออกมาจากแผง แล้วยื่นส่งให้กับอีกฝ่าย “กินยาแก้อักเสบ แล้วนอนพักนะครับ เดี๋ยวแม่บ้านจะเอาข้าวกับยาลดไข้มาให้อีกที” “ไม่กิน” คำปฏิเสธห้วน ๆ ไม่ได้ทำให้ผมชินชาได้เลยสักครั้ง อยากจะมีน้องสาวนิสัยแบบนี้อยู่เหมือนกัน จะได้ตีให้เข็ดหลาบ แต่ผมก็พอจะเข้าใจได้ที่มิลินเธอมีนิสัยเอาแต่ใจถึงขั้นนี้ ก็เพราะเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่ถูกเลี้ยงดูโดยคุณท่านที่ตามใจโคตรเก่ง เพราะภรรยาของคุณท่านขอหย่าร้างตั้งแต่มิลินอายุได้เพียงแค่เจ็ดขวบ เธอจึงต้องอยู่ที่นี่กับพ่อเพียงลำพัง ส่วนแม่ก็หนีกลับไปอยู่ที่เยอรมันพร้อมกับพี่ชายของมิลิน ที่ชื่อไทเกอร์ “ยาที่ควรกินกลับไม่กิน ทีไอ้ยาที่เขาใส่ในเหล้านี่ชอบนัก” “ราเชนทร์!” เสียงตวาดดังคับห้องพร้อมกับแววตาโรจน์ความโกรธ ก็ถ้าเธอไม่ดื้อ ผมก็คงไม่กวนประสาทแบบนี้หรอก “กินไปเถอะครับ มันไม่ตายหรอก นี่น้ำ” ผมยังคงวางตัวปกติ ทั้งที่ตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มเดือดเป็นน้ำร้อน ก่อนจะปัดมือผมออกจนยาที่อยู่บนฝ่ามือกระเด็น “คิดว่าตัวเองเป็นใครฮะ ถึงกล้ามาออกคำสั่ง!” ผมต้องใช้ความอดทนไม่น้อยที่ต้องข่มตาแล้วระงับความโกรธไม่ให้ระเบิดออกมาตอนนี้ ก่อนจะค่อย ๆ ตอบกลับเธออย่างใจเย็น “ถ้าที่เราทำกันไปเมื่อคืนมันเรียกว่าเอากัน งั้นผมก็เป็นผัวคุณหนูนั่นแหละ” “...” คนได้ฟังนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มแผลงฤทธิ์ “ไอ้เชนทร์!” ฝ่ามือเล็กฟาดตบลงมาด้วยความโกรธ แต่กลับถูกผมคว้าแขนเอาไว้ได้ ก่อนจะหยิบยาที่เพิ่งแกะออกมาใหม่ยัดใส่ปาก แล้วตามด้วยการล็อกคอแล้วกรอกน้ำตามทำเอาคนตัวเล็กสำลักยกใหญ่ “แคก ๆ ๆ ไอ้เชนทร์ ไอ้บ้า! นายจะฆ่าฉันหรือไงฮะ” ก็ไม่เห็นตายนี่ ยังปากดีกับผมต่อได้อยู่เลย ผมแอบคิดอยู่ในใจ... “ก็ถ้าคุณหนูไม่ดื้อ ก็ไม่สำลักหรอกครับ” ผมตอบกลับเสียงเรียบพร้อมกับวางแก้วน้ำและยาไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะขยับชุดสูทของตัวเองให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม เพราะเมื่อครู่นี้มิลินทั้งดึงและทึ้งคอเสื้อของผมจนมันยับไปหมด “โทษฉัน?” เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำที่ไหลลงคาง “เปล่าครับ ผมผิดเองแหละ ไอ้คนอย่างผมเนี่ยทำอะไรมันก็ผิดไปหมด ขนาดเมื่อคืนคุณหนูเป็นคนร้องขอผมเอง ตอนนี้กลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่ผมพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น” “ฉันบอกแล้วไง ว่าให้หยุดพูด!” หมอนที่อยู่ในมือถูกปาเข้าหน้าผม แต่ดันช้าไปกว่ามือของผมที่คว้ามันเอาไว้ก่อน “นอนเถอะครับ ผมไม่กวนแล้ว ยานี่กินเช้า เที่ยง เย็น หลังอาหารนะครับ” ผมบอกเพียงเท่านี้แล้วเดินออกจากห้องทันที เพราะถ้าขืนอยู่ต่อ ก็มีแต่ความดันจะขึ้นเปล่า ๆ ตั้งแต่ผมถูกย้ายจากตำแหน่งบอดี้การ์ดมือขวาของคุณท่านมาเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวคุณหนู เราก็มีเรื่องให้ได้ประชันฝีปากกันตลอด ถ้าเป็นคนอื่น คงไม่มีใครกล้าลองดีกับเธอแบบนี้ แต่ก็คงเป็นเพราะเหตุผลข้อนี้แหละ คุณท่านถึงสั่งให้ผมมาดูแลคุณหนูอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าไม่ใช่ผม ใครจะเอาคุณหนูเอาแต่ใจอย่างมิลินอยู่ล่ะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม