บทที่ 3
งั้นอีกรอบ
…ไม่จริงน่า ยังมีผู้หญิงแบบนั้นอยู่อีกเหรอ?...
ชายหนุ่มทำหน้าเคร่งเครียดทันทีที่รู้ความจริง เกิดความกังวลขึ้นมาจนเฟรเดอริกต้องพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“จำเอาไว้ว่าอย่าสำคัญตัวเองผิดว่าฉันพิศวาสเธอ ที่ทำอยู่นี่เพราะฉันกำลังช่วยเธอเท่านั้น เข้าใจมั้ย?”
“อึก!... ค่ะ…”
เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ เฟรเดอริกก็ดึงนิ้วออกมาก่อนจะกดเข้าไปจนสุดเหมือนเดิมเพื่อเปิดช่องทางรัก
“อ๊ะ! อื้อ!”
“อย่าหนี”
“ตะ แต่หนูเจ็บ…!”
“ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวได้เจ็บกว่านี้” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดุ ขณะตั้งหน้าตั้งตาสัมผัสกับช่องรักที่เริ่มมีน้ำฉ่ำเยิ้มออกมา สลับกับดูดยอดอกสีหวานเพิ่อเล้าโลมคนตัวเล็ก
“อึก! อื้อ!”
เฟรเดอริกหยัดตัวลุกขึ้นแล้วคุกเข่าอยู่ระหว่างขาเรียว เขาเอื้อมมือไปดึงกางเกงชั้นในออกมาพร้อมกับกระโปรงนักศึกษา จนในตอนนี้ร่างกายของอากาเนะไร้เสื้อผ้าปกปิดของลับ มันเปิดเผยแก่สายตาของคนที่ไม่คิดพิศวาสต่อเธอทั้งหมด พลันลำคอชายหนุ่มก็แห้งผากขึ้นมาเมื่อเห็นความฉ่ำเยิ้มที่กลีบกายอวบ
ขาเรียวถูกจับแยกออกจากกันเพื่อสำรวจมองดูความงดงามที่ไม่เคยต้องมือชายใด หากเขามีใจให้อากาเนะสักนิดเขาคงอยากลงลิ้นเชยชิมมันสักหน่อย ทว่าเขาไม่อยากให้ใจกับใครทั้งนั้น ทั้งหมดนี่ก็แค่ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น!
เขาสอดนิ้วเข้าสู่ความฉ่ำเยิ้ม เข้าๆ ออกๆ แล้วละเลงจุดอ่อนไหวจนร่างบอบบางแทบบิดเป็นเกลียว หน้าท้องแบนราบเกร็งจนขึ้นก้อนแข็งพร้อมกับช่องรักที่บีบตัวคับแน่นจนเขาเริ่มรู้สึกอึดอัดที่นิ้ว ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปากขณะมองน้ำเยิ้มๆ และเสียงเฉอะแฉะที่เขาใช้นิ้วละเลง จนท้ายที่สุดคนตัวเล็กก็กระตุก ‘เสร็จ’ เป็นครั้งแรก
เธอรู้สึกราวกับถูกเหวี่ยงขึ้นฟ้าและถูกกดลงในเวลาเดียวกัน อากาเนะหอบหายใจเหนื่อยทั้งที่เธอเพียงแค่นอนเฉยๆ ดวงตากลมปรือหวานมองชายหนุ่มที่กำลังขยับตัว เขาปลดเพียงกางเกงออกราวกับเร่งรีบการสานสัมพันธ์นี้ให้เสร็จโดยเร็ว
แก่นกายกำยำถูกสวมเครื่องป้องกันก่อนจะถูกจับสอดเข้าสู่ช่องรักอย่างรุนแรง
“อ๊ะ!”
คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเกร็งไปทั่วทั้งร่าง ส่งผลให้ช่องรักยิ่งบีบตัวแน่นมากขึ้นจนเฟรเดอริกกัดฟันกรอด เขารู้สึกราวกับจะเสร็จแค่เพียงสอดใส่เข้ามาครึ่งเดียว เพราะช่องรักที่คับแน่นและตอดรัดรุนแรงนี้
…อ่า แน่นเกินไป แบบนี้ได้เลือดออกแน่ๆ…
แม้จะคิดแบบนั้นแต่เฟรเดอริกไม่มีความคิดที่จะหยุด เขาโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วจับข้อมือเล็กขึ้นตรึงเหนือหัว เพื่อกันไม่ให้เธอดันเขาออก ก่อนจะกดสะโพกเข้าสู่ช่องรักสองสามที ไม่นานสำหรับเฟรเดอริกแต่ช่างยาวนานสำหรับอากาเนะที่ต้องทนรับกับความเจ็บปวด ถึงอย่างนั้นสำหรับเฟรเดอริกแล้ว นี่ก็ถือว่าเขาอ่อนโยนกับเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่น เพราะเธอบอกว่าเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำถึงขนาดนั้น
“ฮู่ว!” ชายหนุ่มถึงกับสูดหายใจเข้าลึกและพ่นออกมากับความคับแน่นของช่องรัก
ดวงตาคมมองริมฝีปากอวบที่มีเลือดซึมออกมา เขาไม่ได้สนใจอากาเนะเท่าไหร่ เอาแต่ตั้งใจสอดแก่นกายเข้ามา จึงไม่รู้ว่าเธอเจ็บจนต้องกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อระบายความเจ็บปวดจนริมฝีปากแตก
“อดทนหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
จากนั้นเฟรเดอริกก็เริ่มขับเคลื่อนแก่นกายอย่างเชื่องช้า เพื่อให้ช่องรักนุ่มนิ่มนั้นปรับตัวชินกับท่อนเอ็นของเขา ใช้เวลาพอสมควรกว่ามันจะเคยชิน จากนั้นเฟรเดอริกก็เริ่มเร่งจังหวะหนักหน่วงมากขึ้น
หญิงสาวรู้สึกจุกเหลือเกินกับความใหญ่และความยาวที่แทบทะลุช่วงท้อง ความเสียวซ่านเริ่มแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างจนคนตัวเล็กกระสับกระส่าย ยิ่งชายหนุ่มซอยสะโพกถี่มากขึ้นความรู้สึกนั้นก็เพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ
หัวใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างรุนแรง ความรู้สึกนั้นช่างน่าค้นหาแต่ก็น่าอายในเวลาเดียวกัน เธอรู้สึกเสียวจนสองมือสองเท้าจิกเกร็งแทบเป็นตะคริว สะโพกแกร่งเริ่มถาโถมใส่เธออย่างรุนแรงต่างจากตอนแรก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกังวาลพร้อมกับเรี่ยวแรงขับเคลื่อนของคนตัวโตที่โหมกระหน่ำลงมา จนท้ายที่สุดอากาเนะก็สุขสมไปพร้อมๆ กับเฟรเดอริก
ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจกับบทรักที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น… เฟรเดอริกกลับยังต้องการอีก ปกติเขาก็ไม่เคยจบกับผู้หญิงแค่รอบเดียวอยู่แล้ว กับอากาเนะเองเขาก็อยากต่ออีกรอบ
“พอหรือยัง?”
“…นะ หนู…” เธอไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร ความรู้สึกตอนนี้อธิบายอย่างไรก็ไม่ถูก มันสุขทางกายแต่ความร้อนลุ่มยังไม่หายไป
“หายร้อนหรือยัง?”
เธอส่ายหน้าช้าๆ แทนคำตอบ
“งั้นอีกรอบ”
ไม่รอช้าดึงแก่นกายออกแล้วจัดการสวมถุงยางอันใหม่ก่อนจะกดกระแทกแก่นกายเข้าไปในท่วงท่าเดิม ทว่ากลับโอบเอวคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินไปที่กระจกใส ซึ่งเห็นวิวทั่วทั้งเมืองหลวง เขามองความงดงามยามพลบค่ำของเมือง ก่อนจะดันคนตัวเล็กชิดกับกระจกใส
อากาเนะมองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดระแวง ในขณะที่สองแขนโอบรอบลำคอแกร่งเพราะกลัวตก ก่อนที่แก่นกายจะถูกดึงออก แล้วสอดเข้าไปใหม่อีกครั้งจนสุด ท่วงท่านี้งัดขึ้นจนอากาเนะจุกยิ่งกว่าเดิม เธอร้องครางเสียงหวานและพยายามจะขยับหนีเขาแต่ก็ไร้หนทาง
“พะ พี่…!”
เพราะพื้นที่ตรงนี้เปิดโล่งทำให้อากาเนะรู้สึกแปลกๆ หัวใจเต้นโครมครามด้วยกลัวว่าจะมีใครมองมาเห็นบทรักระหว่างเธอและเขา
“ชู่ว! เดี๋ยวกัดลิ้นตัวเอง” เขาไม่ปล่อยให้เธอได้ถามอะไร จัดการกินคนตัวเล็กที่เขาไม่พิศวาสอย่างมูมมาม
ทั้งจับพลิกคว่ำพลิกหงาย ทั้งหน้ากระจก ตรงระเบียง และบนเตียงกระทั่งคนตัวเล็กหมดสติไประหว่างกำลังสุขสมรอบที่หก!
เฟรเดอริกรีบส่งให้ตัวเองสุขสมก่อนจะดึงแก่นกายออกมาแล้วกดสายตามองคนตัวเล็กที่หลับสนิทไปเสียแล้ว นัยน์ตาคมกล้าจ้องมองคนตัวเล็กด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกได้ จากนั้นเขาก็จัดการดึงผ้าคลุมให้กับเธอ ช่วงที่ตวัดผ้าห่มก็เห็นคราบเลือดสีแดง เขาจ้องมองมันสลับกับเจ้าของเลือดที่นอนไม่ได้สติ
ไม่มีใครคาดเดาความคิดของเฟรเดอริกได้ เขาลุกขึ้นและสวมใส่เสื้อผ้า ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ
วันต่อมา…
นี่เป็นครั้งแรกที่อากาเนะตื่นสาย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว เพียงแต่แสงแดดจ้าที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาก็ทำให้อากาเนะรู้ว่าคงสายมากแล้ว เธอพยายามขยับตัวลุกขึ้นแต่ก็ยากลำบากเหลือเกินจนต้องเอนตัวนอนตามเดิม พลันความทรงจำเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาย้ำเตือน
‘จำเอาไว้ว่าอย่าสำคัญตัวเองผิดว่าฉันพิศวาสเธอ ที่ทำอยู่นี่เพราะฉันกำลังช่วยเธอเท่านั้น เข้าใจมั้ย'
อากาเนะไม่เคยคิดสำคัญตัวเองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย
หญิงสาวลุกขึ้นเมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว แต่จังหวะที่ก้าวเท้าลงเตียงแล้วทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าก็ต้องทรุดตัวลงพื้นอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดที่กลางลำตัวและอาการปวดท้องเข้าเล่นงานเธอจนทรงตัวไม่อยู่ อากาเนะพยายามลุกขึ้นแต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน ถึงจะน่าอายแต่คนตัวเล็กก็คลานจากเตียงไปที่ห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าล้างตาให้ตัวเองตื่นตัวสักหน่อย
เวลาผ่านไปครู่หนึ่งก็พอทรงตัวได้แต่ขาก็ยังสั่นอยู่ดี อากาเนะรับรู้ว่าวันนี้คงออกไปไหนไม่ได้ เธอจึงโทรหาอาจารย์และเพื่อนๆ เพื่อขอหยุดเรียนในวันนี้ จากนั้นก็กินยาแก้ปวดแล้วทิ้งตัวลงนอนพักผ่อน
ทว่าแทนที่อาการจะดีขึ้นแต่ไข้กลับขึ้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จนคนตัวเล็กหายใจหอบ