ตอนที่ 13

2154 คำ
ธิญาดายังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล หญิงสาวจึงใช้เวลาที่ต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่บนเตียงสืบค้นข้อมูลของพีรดนย์ แค่พิมพ์ชื่อนามสกุลของเขาลงในกูเกิ้ล ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาก็ปรากฎแก่สายตาเธอ เขาเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลนักธุรกิจระดับพันล้าน จบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกา ปัจจุบันอายุยี่สิบแปดปีและเป็นผู้บริหารในส่วนของการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ มีงานอดิเรกเป็นนักร้องที่สถานบันเทิงสุดหรูอย่าง Six Sense เธอไม่ได้แปลกใจเรื่องคุณสมบัติหรือความร่ำรวยของเขา เพราะพอจะทราบจากปริญญามาแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงคือเขาอายุน้อยกว่าเธอถึงสองปี “ดูอะไรอยู่เหรอลูก ทำไมไม่นอนพักผ่อนล่ะ” กรองทองเดินถือจานผลไม้เข้ามา เอ่ยถามหลานสาวที่เล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง “เกรซนอนจนเบื่อแล้วล่ะค่ะคุณป้า อยากออกจากโรงพยาบาล อยากกลับไปทำงานแล้ว” “ใจเย็นๆ เถอะลูก พักให้หายดีซะก่อน ที่ร้านมีคนดูแลเยอะแยะ หนูไม่ต้องรีบกลับไปหรอก” “แต่เกรซเคยทำงานตลอดนี่คะ ให้มานั่งๆ นอนๆ แบบนี้มันไม่ชินเลย” “เดี๋ยวเย็นนี้เพื่อนๆ มาเยี่ยมก็คงหายเบื่อ ทานผลไม้ดีกว่า ป้าฝากพี่ปั้นเขาซื้อร้านประจำมา มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย” ธิญาดารับจานผลไม้มาจากผู้เป็นป้าแล้วหยิบเข้าปาก รสชาติหวานฉ่ำของแตงโมสีแดงสดทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก เสียงเคาะประตูดังขึ้นตอนที่เธอทานผลไม้เสร็จพอดี “ใครมากันนะ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของยุกับนานี่นา” กรองทองกล่าวอย่างสงสัย แต่ก็เดินไปเปิดประตู “อ้าว คุณนั่นเอง” ธิญาดาขมวดคิ้ว เมื่อเห็นผู้เป็นป้ายิ้มแย้มทักทายใครบางคนที่หน้าประตู แต่เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาเธอก็อึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง “เกรซ เพื่อนมาเยี่ยมน่ะลูก” “คุณ” “ป้าลงไปหากาแฟดื่มข้างล่างก่อนนะ คุยกันตามสบาย” กรองทองเปิดโอกาสให้สองหนุ่มสาวได้คุยกันตามลำพังเพราะตามสายตาของผู้ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมานาน และการที่ชายหนุ่มผู้นี้ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยหลานสาวของนางในกองเพลิง คงไม่ใช่แค่เพื่อนกันธรรมดาอย่างแน่นอน ธิญาดามองตามผู้เป็นป้าที่เดินออกจากห้องไป ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์โดยไม่รู้ตัว เพราะเธอรู้สึกประหม่าในการที่ต้องอยู่ตามลำพังกับพีรดนย์ “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ไม่ต้องมองตามป้าคุณตาละห้อยขนาดนั้นก็ได้” ธิญาดาเผลอค้อนคนที่พูดจี้ใจดำ แต่เมื่อเห็นว่าที่แขนของเขามีเฝือกใส่อยู่ก็หน้าสลดลง “คุณ…เจ็บมากไหม ขอบคุณนะคะที่ช่วยเกรซเอาไว้” “ผมไม่เป็นไร ไกลหัวใจน่า คุณไม่ต้องทำหน้าเหมือนคนอยากจะร้องไห้ขนาดนั้นหรอก” “ทำไมคุณถึงยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเกรซในนั้นคะ” “ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะผมยังมีเรื่องต้องเคลียร์กับคุณมั้ง เลยปล่อยให้คุณเป็นอะไรไปไม่ได้ จนกว่าจะได้เคลียร์ให้หายคาใจ” “เรื่องอะไรคะ” “ทำไมคุณถึงต้องเฉยชากับผม ผมไปหาก็ไม่ยอมออกมาพบ ไลน์หาก็ไม่อ่านไม่ตอบ รู้ไหมว่าผมเสียใจแค่ไหน” พีรดนย์แสร้งตีหน้าเศร้า ธิญาดาที่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างพีรดนย์ก็หน้าเศร้าอย่างรู้สึกผิด “เกรซ…เกรซ” “ว่าไงครับ ผมอยากรู้คำตอบว่าผมทำอะไรผิด ถึงถูกเมินขนาดนี้” ธิญาดาหลบสายตาที่มองมา เพราะมันทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไม่เป็นตัวของตัวเอง “ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอ หรือเพราะคุณโกรธที่ผมจูบคุณคืนนั้น” “ไม่ใช่” เมื่อรีบร้อนปฏิเสธออกไป พอมาคิดได้ธิญาดาก็หน้าร้อนด้วยความอาย เพราะการรีบปฏิเสธแบบนั้นมันเหมือนบอกเขากลายๆ ว่าเธอยินดีให้เขาจูบและดูเหมือนคนตรงหน้าก็จะคิดเหมือนกัน ถึงได้หลุดยิ้มออกมา “ถ้างั้นอะไรล่ะครับ ที่ทำให้คุณไม่อยากเจอ ไม่อยากคุยกับผม” “เกรซ” พีรดนย์เรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจังและจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้ พร้อมเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตาเขา “มองตาผมแล้วตอบมาว่าทำไมคุณถึงไม่อยากคุยกับผม” คราวนี้ธิญาดาเหมือนโดนร่ายมนต์ให้พูดความจริงที่อยู่ในใจออกไปจนหมดสิ้น “เพราะเกรซกลัว” “กลัวอะไรครับ” “ผู้ชายอย่างคุณน่ากลัวเกินไป เกรซไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าการที่คุณมาหาที่ร้านและทักไลน์มาหาเกรซเพราะอะไร และเกรซไม่อยากเอาตัวและหัวใจไปเสี่ยงกับผู้ชายอันตรายอย่างคุณ” “รู้ได้ยังไงว่าผมอันตราย” “คงไม่ต้องให้บอกหรอกมั้งคะ” อีกครั้งที่ธิญาดาเผลอค้อนคนตรงหน้า แต่พีรดนย์กลับยิ้มอย่างชอบใจ “คุณคิดไปเอง นั่นมันงานของผม เป็นสิ่งที่ผมรัก คุณจะไม่ให้โอกาสเราได้ทำความรู้จักกันก่อนเลยเหรอ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับผมนี่นา เจอกันไม่กี่ครั้งคุณก็ตัดสินผมไปแล้วว่าผมอันตราย เพียงเพราะงานอดิเรกที่ผมรัก” “อย่าดีกว่าค่ะ เราเป็นแค่คนรู้จักที่ผ่านมาแล้วผ่านไปดีกว่า” “ไม่เอา ผมไม่ยอม” “ที่คุณมาตอแยเกรซคุณต้องการอะไรกันแน่คะ อยากลากเกรซขึ้นเตียงหรืออยากจริงจัง” พีรดนย์ถูกน็อกเอาท์ด้วยคำถามที่ไม่คาดคิด เขาถึงกับหาเสียงตัวเองไม่เจอไปชั่วขณะ แต่ก็ได้ยินความคิดส่วนชั่วของตัวเองตอบไปก่อนเสียแล้ว ‘ก็ใช่น่ะสิ หน้าอย่างงี้ หุ่นอย่างงี้ ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องคิดเรื่องพาขึ้นเตียงก่อนเป็นอันดับแรกแหละทูนหัว’ พีรดนย์ ขอบคุณตัวเองที่ไม่เผลอตอบแบบนั้นออกไปจริงๆ “หน้าตาผมมันดูหื่นกามขนาดนั้นเลยเหรอ” “คุณคิดว่าไงล่ะคะ” “โถ่เกรซ อย่ามองผมในแง่ร้ายขนาดนั้นสิครับ ให้โอกาสผมหน่อย” “คุณจะจีบเกรซเหรอ” “ได้ไหมล่ะครับ” “จะจีบเกรซ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเกรซดีแล้วเหรอ” “เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เราค่อยๆ เรียนรู้กันไปได้” “รู้หรือเปล่าคะ ว่าเกรซอายุสามสิบแล้ว” ธิญาดาเห็นเขาทำหน้าประหลาดใจ เธอก็คิดว่าเขาคงตกใจและล้มเลิกความคิด แต่มันกลับตรงกันข้าม “แล้วไงครับ เรื่องอายุมันมาเกี่ยวอะไรกับการที่ผมจะจีบคุณ” “คุณรับได้เหรอที่จะมีแฟนแก่กว่า” “โถ่เกรซครับ เรื่องนั้นมันไร้สาระ คนเราจะคบกันเรื่องอายุมันไม่เกี่ยวเลย ความรู้สึกต่างหากที่สำคัญ ว่าแต่คุณรู้ได้ไงว่าผมอายุเท่าไหร่ อย่าบอกนะว่าคุณเองก็แอบสืบข้อมูลของผมเหมือนกัน” ธิญาดาอายที่ถูกจับได้ แต่ก็หาข้อแก้ตัวได้ทันท่วงที “เกรซก็แค่อยากรู้ข้อมูลของคนที่ช่วยชีวิตเกรซเอาไว้” ธิญาดาไม่รู้ว่าคำตอบของเธอมันฟังขึ้นหรือไม่ แต่ก็รีบตอบออกไป เพราะกลัวเขาจะรู้ว่าเธอสนใจเกี่ยวกับตัวเขาจริงๆ “ถ้างั้นอยากรู้อะไรก็ถามผมมาสิครับ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว” “เกรซไม่อยากรู้แล้ว” “ถ้าไม่อยากรู้ มาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า” “เรื่องอะไรคะ” “ผมอยากขอให้คุณให้โอกาสเราได้ทำความรู้จักกันได้ไหม ถ้าสุดท้ายแล้วคุณไม่ชอบผม หรือเราไปกันไม่ได้จริงๆ ผมก็จะยอมรับแต่โดยดี” ธิญาดาคิดตามข้อเสนอของเขา และคิดว่าขืนปฏิเสธไปคนอย่างเขาก็ไม่ยอมรามืออยู่ดี ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอจะลองให้เขาได้ทำตามใจ เพื่อตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตเธอเอาไว้แล้วกัน เธอเชื่อว่าผู้ชายอย่างเขาที่เพียบพร้อมมีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่นานก็คงจะเบื่อผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างเธอไปเอง “นะครับ ให้โอกาสผมได้แสดงความจริงใจ และก็ให้โอกาสเราได้ทำความรู้จักกัน ผมสัญญาว่าถ้าผมทำให้เกรซใจอ่อนไม่ได้ ผมจะยอมแพ้แต่โดยดี” “ก็ได้ค่ะ” ธิญาดาไม่รู้ว่าเธอตัดสินใจถูกหรือผิด แต่เพื่อตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เธอจะลองให้โอกาสเขาดูสักครั้ง ถ้าหากว่ามันไม่ใช่จริงๆ ก็แค่แยกย้ายทางใครทางมัน “ขอบคุณครับ และนี่ดอกไม้เยี่ยมไข้ครับ ผมรู้มาว่าคุณชอบดอกกุหลาบสีชมพู” พีรดนย์ส่งกุหลาบสีชมพูช่อโตให้ธิญาดา ซึ่งเผลอยิ้มออกมาอย่างถูกใจ “คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าเกรซชอบดอกกุหลาบสีชมพู” พีรดนย์ยักไหล่ “คิดจะจีบผู้หญิงสักคน ผมก็ต้องทำสุดความสามารถเพื่อให้รู้ว่าเธอคนนั้นชอบหรือไม่ชอบอะไร เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อยครับ” ธิญาดาเหลือบมองคนข้างๆ อย่างหมั่นไส้ เธอไม่น่าถามเลยจริงๆ คนอย่างเขาน่าจะเชี่ยวชาญเรื่องนี้เป็นอย่างดี “แล้วคุณจะได้ถอดเฝือกเมื่อไหร่คะ” “ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ ต้องให้คุณหมอดูอีกทีเมื่อถึงเวลานัด” “แบบนี้คุณคงทำอะไรไม่สะดวกเลยสินะคะ” “มากๆ แล้วคุณต้องรับผิดชอบด้วย” “ยังไงคะ” “ถ้าคุณออกจากโรงพยาบาลแล้วต้องช่วยดูแลผมด้วย” “เกรซไม่เชื่อหรอกว่า คุณจะไม่มีใครดูแลให้ความช่วยเหลือ” “มีเยอะครับ แต่คนที่ผมต้องการมีคนเดียวนี่” ธิญาดาเม้มปากอย่างไม่สามารถหาข้อปฏิเสธได้ เพราะเขาเจ็บตัวเพราะช่วยเธอ ดังนั้นหากเธอจะไม่สนใจก็คงจะใจดำเกินไป เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ธิญาดาหายใจอย่างโล่งอก เพราะผู้เป็นป้ามาได้ทันเวลาตอนที่เธอกำลังจะจนมุม “เกรซ เมื่อกี้ป้าเจอพยาบาล เขาบอกว่าเดี๋ยวอีกสักพักจิตแพทย์จะเข้ามานะลูก” “ค่ะ” พีรดนย์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เมื่อได้ยินว่าธิญาดาต้องพบจิตแพทย์ เขาจึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วง “ทำไมเกรซต้องพบจิตแพทย์ด้วยครับ” “เกรซมีอาการฝันร้ายและนอนผวาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่ะจ๊ะ ก็เลยต้องพบจิตแพทย์” สีหน้าของพีรดนย์เคร่งขึ้นทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น “มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ” “ป้าก็ยังไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ต้องรอให้คุณหมอมาคุยกับเกรซก่อน” “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ” “คุณไม่ต้องมาทุกวันก็ได้ค่ะ คุณเองก็เจ็บ” “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมา” “ขอบคุณคุณมากนะคะที่ช่วยเกรซ ป้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณสักกี่ครั้งถึงจะเพียงพอ” “แค่ครั้งเดียวก็พอแล้วครับ แล้วก็คุณป้าเรียกผมว่าดลเฉยๆ ก็พอครับ เรียกคุณมันฟังดูห่างเหินเกินไป” กรองทองยิ้มเมื่อได้ยินคำขอของชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตหลานสาวเอาไว้ “โอเคจ้ะ ดลก็ดลแล้วแขนเจ็บแบบนี้ มายังไงกันล่ะจ๊ะ” “ผมให้คนขับรถมาส่งครับ” “ขอบใจมากจริงๆ นะ ตัวเจ็บแล้วยังอุตส่าห์มาเยี่ยมหลานสาวป้าอีก” “ด้วยความยินดีครับ ยังไงวันนี้ผมกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับคุณป้า” พีรดนย์ก้มศีรษะให้กรองทองแทนการยกมือไหว้ “สวัสดีจ้ะ” “ผมกลับก่อนนะครับเกรซ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาเยี่ยมใหม่” พีรดนย์เดินออกจากห้องไปแล้วธิญาดาก็เอนกายลงนอนเพื่อหนีสายตาล้อเลียนของคนเป็นป้า “ป้าว่าแบบนี้มันเกินเพื่อนไปหน่อยมั้ง” กรองทองกล่าวยิ้มๆ และแอบดีใจอยู่ลึกๆ ที่สิ่งที่นางและทุกคนในครอบครัวแอบหวังไว้มีเค้าลางขึ้นมาบ้างแล้ว “เกรซของีบก่อนนะคะ” ธิญาดาตัดบทเพราะไม่รู้จะบอกผู้เป็นป้ายังไง บวกกับอาการเขินอายที่ถูกแซวจึงแกล้งเฉไฉหนีด้วยการนอน กรองทองรู้ทันหลานสาว แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก เพราะธิญาดาโตพอที่จะคิดและตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว นางแค่รอดูอยู่ห่างๆ ก็พอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม