ตอนที่14

2176 คำ
ในที่สุดธิญาดาก็ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาล โดยที่จิตแพทย์นัดให้เธอมาพบเป็นระยะเพื่อติดตามอาการฝันร้ายและนอนผวา หลังออกจากโรงพยาบาลครอบครัวพาเธอไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ โดยมียุพเรศและชนาภาไปด้วย ทุกคนอยากให้เธอพักผ่อนไปก่อน เพราะเธอเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มา แต่เพราะเธอชินกับการทำงานและนอนที่โรงพยาบาลมาเพียงพอแล้ว จึงขอกลับมาช่วยงานที่ร้าน เมื่อเธอยืนกรานแบบนั้นทุกคนจึงต้องยอม หลังจากออกจากโรงพยาบาลสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือการที่เธอต้องคุยกับพีรดนย์ทางไลน์ทุกวัน เขามักจะทักมาตอนสายๆ ก่อนเข้าออฟฟิศ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เธอเข้ามาที่ร้านที่เปิดบริการตั้งแต่สิบโมงถึงสี่ทุ่ม บางครั้งเขาก็แวะมาทานข้าวที่ร้านของเธอกับเพื่อนๆ จนเธอเริ่มคุ้นเคยกับเพื่อนๆ ของเขาบ้างแล้ว แต่ยังเทียบไม่ได้กับการที่เขาทำตัวตีสนิทกับครอบครัวของเธอ จนกลายเป็นคนโปรดของคุณลุงคุณป้าที่เอ่ยชมเขาไม่ขาดปาก หากช่วงไหนที่เขาหายไปนานๆ ท่านก็จะถามถึงจนเธอแกล้งบ่นว่าสรุปแล้วใครเป็นหลานกันแน่ ผลคือพวกท่านหัวเราะชอบใจและแซวว่าเธอเป็นเด็กขี้อิจฉาไปซะแล้ว ส่วนปริญญาผู้เป็นพี่ชายนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะชื่นชอบเขาเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าเขามาจีบเธอก็ดีใจจนออกนอกหน้า แถมยังเชียร์ให้เธอรีบรับเขาเป็นแฟนอีกต่างหาก ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเหลือหัวเดียวกระเทียมลีบเพราะใครๆ ต่างก็ย้ายไปอยู่ฝั่งเขาหมด แต่วันนี้ธิญาดาต้องแปลกใจ เพราะคนที่เคยทักมาหาเวลาเดิมๆ ทุกวันกลับเงียบหายไป หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองเหลือบมองโทรศัพท์บ่อยแค่ไหน จนกระทั่งถูกปริญญาเอ่ยแซว “ถ้าจะมองโทรศัพท์ทุกสามวินาทีขนาดนั้นก็โทรไปหาเขาเลยสิ” “อะไร พี่ปั้นอย่ามามั่ว” “แหม เสียดายที่พี่ไม่ได้ถ่ายคลิปไว้ เห็นทีวันนี้ร้านจะขาดทุน เพราะแคชเชียร์จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ไปอยู่กับใครที่ไหนก็ไม่รู้” “พูดมากน่าพี่ปั้น” “พูดเรื่องจริงทั้งนั้น คิดถึงเขาก็โทรหาเขาสิ” “ไม่โทรหรอก เดี๋ยวเขาก็ไลน์มาเองนั่นแหละ” “เอ๊ะ หรือว่าจะไม่สบาย” ปริญญาแกล้งออกความเห็นด้วยสีหน้าจริงจัง และลอบสังเกตอาการของน้องสาว ก่อนจะยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ ให้กับคนปากแข็ง เพราะแค่เขาสันนิษฐานว่าพีรดนย์อาจไม่สบาย ธิญาดาก็หน้านิ่วคิ้วขมวดทันที “คนแบบนั้นคงไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก” พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าใครโทรมาธิญาดาก็รีบกดรับสายทันที “ค่ะ” “เกรซ” น้ำเสียงแหบแห้งแผ่วเบาที่ส่งมาตามสายทำเอาธิญาดาขมวดคิ้ว “คุณเป็นอะไรคะ ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น” “ผมไม่สบาย เกรซมาหาผมหน่อยได้ไหม ตอนนี้ผมหิว แต่ลุกไปหาอะไรกินไม่ไหวเลย ยาก็ยังไม่ได้กินด้วยเพราะต้องกินข้าวก่อน” “แล้วคนที่บ้านคุณล่ะคะ ที่คอนโดคุณก็มีแม่บ้านนี่” “โอเคครับ ถ้าเกรซไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร แค่นี้นะครับ” น้ำเสียงที่แฝงความน้อยใจจนเธอสัมผัสได้ทำเอาธิญาดาตัดสินใจได้ทันที “ไม่ใช่ค่ะ เอ่อ…คุณส่งโลเคชั่นมาแล้วกัน แล้วอยากได้อาหารอะไรคะ เอาเป็นข้าวต้มไหมคะ เหมาะกับคนป่วย” “ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมส่งโลเคชั่นให้ ถ้าเกรซมาถึงแล้วเอาคีย์การ์ดที่เคาน์เตอร์ด้านล่างได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมโทรแจ้งไว้ให้” “ค่ะ” หลังวางสายธิญาดาก็โทรเข้าไปในครัว เพื่อสั่งให้ทำข้าวต้มสำหรับคนป่วยเป็นการด่วน พร้อมทั้งรีบเก็บของพื่อไปยังคอนโดของพีรดนย์ เขาเคยเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอ ดังนั้นแค่แวะไปดูเขาที่กำลังป่วยก็เป็นสิ่งที่เธอควรทำ “สรุปเขาไม่สบายจริงๆ เหรอ” “ค่ะ น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย เกรซคงต้องไปดูหน่อย” “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ เกรซแค่แวะไปดูแล้วก็เอาอาหารไปให้เขา ไม่นานคงกลับ” “โอเค” ปริญญามองตามธิญาดาที่เดินออกจากร้านไปแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ น้องสาวของเขาช่างรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายเลยจริงๆ ระดับลูกชายคนเล็กของตระกูลชิษณุเวทย์ หากป่วยไข้ไม่ต้องถึงมือน้องสาวของเขาหรอก แต่เพราะชื่นชอบพีรดนย์เป็นทุนเดิม บวกกับคุยกันถูกคอยามที่อีกฝ่ายแวะมาทานอาหารที่ร้าน เขาจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หลับตาข้างหนึ่งขอแค่อย่าทำให้น้องสาวสุดที่รักของเขาเสียใจก็พอ ธิญาดามาถึงคอนโดหรูตามพิกัดที่พีรดนย์ส่งให้ เมื่อเธอแจ้งกับเคาน์เตอร์ด้านล่างพนักงานก็รีบส่งคีย์การ์ดพร้อมแจ้งหมายเลขห้องให้ทันที โดยไม่รู้ว่าพอคล้อยหลังเธอพนักงานที่เคาน์เตอร์ก็หันมากระซิบกันทันที “แฟนคุณดลเหรอ นี่ฉันอกหักแล้วเหรอเนี่ย” “คงงั้น เพราะคุณดลไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่เลย แต่โคตรสวยเลย เซ็กซี่ด้วย ดูหุ่นสิ โอ๊ย…อิจฉา” “อิจฉาหุ่นหรืออิจฉาที่เขาได้เป็นแฟนคุณดล” “ทั้งสองอย่าง” “แข่งอะไรก็แข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาอย่าพยายามเลย เกิดมาบุญวาสนาน้อยก็ก้มหน้าทำงานกันต่อไปพวกเรา” พนักงานสาวกล่าวปลงๆ ก่อนจะหันไปสนใจงานของตัวเองต่อไป ธิญาดาขึ้นลิฟท์มายังชั้นสามสิบ เธอสังเกตว่าทั้งชั้นนี้มีเพียงแค่ห้าห้องเท่านั้น ด้วยทำเลและความหรูหราของตึกเธอไม่อยากคิดเลยว่าราคาแต่ละห้องในชั้นนี้จะแพงหูฉี่ขนาดไหน หญิงสาวยกมือขึ้นเคาะประตูก่อนจะแตะคีย์การ์ดเปิดเข้าไปภายใน เพียงแค่ก้าวแรกที่พ้นทางเดินออกมาเจอกับห้องโถง ธิญาดาก็ต้องตะลึงกับความสวยงามอลังการราวกับหลุดเข้ามาในนิตยสารตกแต่งบ้าน ทุกอย่างดูหรูหราราคาแพงและสะอาดสะอ้าน จากห้องโถงที่เธอยืนอยู่นี้สามารถมองทะลุกระจกบานใหญ่ออกไปเห็นวิวกรุงเทพแบบสุดลูกหูลูกตา “มาแล้วเหรอเกรซ” เสียงแหบๆ ดังมาจากห้องหนึ่งที่เธอเดาว่าคงเป็นห้องนอนของเขา หญิงสาววางกระเป๋าที่บรรจุกกล่องอาหารเก็บความร้อนไว้บนโต๊ะในห้องรับแขก ก่อนจะเดินตามเสียงนั้นไป “ผมอยู่นี่เปิดประตูเข้ามาได้เลย” ธิญาดาเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบกับห้องนอนขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโทนสีเทาดำดูหรูหรามีระดับ แต่เธอต้องชะงักเมื่อพบว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงกำลังเปลือยท่อนบน โชว์ให้เห็นแผงอกแน่นๆ และกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่มีรอยสักรูปนกอินทรีย์อยู่ที่สีข้างด้านขวา ภาพนั้นทำให้เธอใจเต้นแรงจนกลัวว่าคนที่กำลังนั่งพิงพนักหัวเตียงและมองมาจะได้ยิน “เข้ามาสิครับ ผมป่วยอยู่ทำอะไรคุณไม่ได้หรอก” ประโยคนั้นทำให้ธิญาดาเผลอค้อนเพราะหมั่นไส้ แต่เธอยอมรับว่าแม้เขาจะป่วย แต่ใบหน้าเหมือนคนเพิ่งตื่นและทรงผมที่ปล่อยตามธรรมชาติไม่ผ่านการเซ็ทนั้น ทำให้เขาดูดีมากและอาจจะมากจนเกินไปด้วยซ้ำ “ผมหิว เกรซมีอะไรมาให้ผมทานบ้างครับ” “มีข้าวต้มทะลแล้วก็กุ้งผัดกระเทียม เดี๋ยวเกรซจัดใส่จานมาให้ค่ะ” “ขอบคุณครับ ห้องครัวเดินออกไปเลี้ยวซ้าย เกรซใช้ทุกอย่างในนั้นได้ตามสบายเลยนะครับ” “รอแปปนะคะ เดี๋ยวเกรซมา” ธิญาดาเดินลิ่วออกไปจากห้อง ไม่ใช่เพราะรีบไปจัดอาหารให้เขา แต่เพราะเธอต้องการเดินออกมาทำใจด้วยต่างหาก หญิงสาวกุมหัวใจตัวเองเอาไว้ “บ้าจริง ทำไมใจเต้นแรงขนาดนี้นะ ทำราวกับไม่เคยเห็นคนหล่อไปได้” ธิญาดาพูดกับตัวเองเบาๆ แต่ถ้าจะว่ากันตามจริง เธอก็ยังไม่เคยเจอใครที่หล่อและมีเสน่ห์รุนแรงต่อความรู้สึกของเธอเท่านี้มาก่อนเลย หญิงสาวสูดหายใจลึกและรีบเดินตรงไปยังห้องครัวที่มีอุปกรณ์ครบครัน แต่ดูแล้วเจ้าของห้องคงแทบไม่ได้ใช้ เพราะเธอเปิดดูในตู้เย็นมีเพียงน้ำเปล่ากับเบียร์กระป๋องเท่านั้น เธอรีบเทข้าวต้มที่ยังร้อนๆ เพราะเก็บใส่กล่องเก็บความร้อนอย่างดีมา และเทกุ้งผัดกระเทียมตัวโตๆ ลงในจานแล้วยกไปให้เขาในห้องนอน แต่เมื่อยกมาถึงเธอก็ต้องเจอปัญหาใหม่ เพราะคนป่วยหลุบตามองที่แขนข้างขวาของตัวเองที่ยังคงใส่เฝือกอยู่ “ผมทานไม่ถนัด ป้อนหน่อยได้ไหมครับ” น้ำเสียงอ้อนๆ และดวงตาที่มองมาอย่างเว้าวอน เจอแบบนี้เข้าไปใครใจแข็งอยู่ได้ก็แปลก ธิญาดาหันมองหาเก้าอี้เพื่อจะนั่งป้อนเขาแต่กลับไม่พบ พีรดนย์จึงกระถดกายถอยแล้วปรายสายตาเป็นเชิงบอกให้เธอนั่งลงบนเตียงข้างๆ เขา ธิญาดาไม่มีทางเลือกจึงจำใจต้องนั่งลงไปแล้วเริ่มป้อนข้าวให้เขา ขณะเดียวกันเธอก็พยายามบังคับสายตาไม่ให้มองไปยังแผงอกหนั่นแน่นนั้นด้วย “อร่อยจัง” พีรดนย์ชมและจงใจยิ้มใส่ตาคนป้อน จนธิญาดาแทบทำช้อนหล่นจากมือ ‘แม่เสือสาวที่หาญกล้าส่งจดหมายขอเต้นรำกับเขาในคืนนั้น หายไปไหนกันนะ ตอนนี้เขาเห็นเพียงแม่กวางน้อยที่กำลังตื่นกลัวและระแวดระวังภัยเท่านั้น’ พีรดนย์คิดในใจและอาศัยจังหวะที่ธิญาดาเอาแต่ก้มหน้า พิจารณาใบหน้าสวยๆ อย่างสบายอารมณ์ เมื่อได้มองใกล้ๆ เขาก็ยิ่งชอบ “ทำไมคุณไม่โทรให้คนที่บ้านมาดูแลล่ะคะ” “ผมอยากให้เกรซดูแลนี่ อีกอย่างผมอยากกินอาหารที่ร้านคุณ เพื่อนๆ ผมติดใจกันใหญ่ ถ้ามีโอกาสผมจะพาที่บ้านไปทานบ้าง” “แล้วเมื่อไหร่คุณจะได้ถอดเฝือกคะ” “คุณหมอบอกว่าต้องใส่ไว้ประมาณสี่อาทิตย์ แล้วคุณล่ะ ยังนอนฝันร้ายอยู่หรือเปล่า” “ก็มีบ้างค่ะ แต่ไม่บ่อยเท่าช่วงแรกๆ” “แล้วเพื่อนๆ ของคุณโอเคไหม” “เพื่อนของเกรซไม่เป็นไรค่ะ” พีรดนย์ทานข้าวต้มหมดพอดี ธิญาดาจึงทำท่าจะลุกจากเตียงเอาชามไปเก็บในครัว “เดี๋ยวครับ” “มีอะไรเหรอคะ หรือคุณต้องการอะไรเพิ่มแล้วนี่คุณได้ไปหาหมอหรือยัง” “ยังไม่ได้ไปครับ ผมคิดว่าแค่ทานยาแล้วนอนพักเดี๋ยวก็คงหาย แต่คุณช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้ไหม” “คุณไม่สบายและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แบบนี้ ควรจะมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนนะคะ” “ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายที่นี่ ยกเว้นคนพิเศษเท่านั้น” “ถ้าอย่างนั้นคุณก็โทรตามคนพิเศษที่ว่านั่นมาเถอะค่ะ เกรซคงต้องกลับแล้ว” “จะตามจากที่ไหนล่ะครับ ก็คนพิเศษที่ว่าอยู่ตรงหน้าผมนี่แล้ว นะครับ อยู่เป็นเพื่อนผมก่อน ตอนนี้ผมเหนียวตัวอยากเช็ดตัวมากเลย เพราะคงยังอาบน้ำไม่ได้ เกรซช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยขออย่างน่าสงสาร ธิญาดามองคนตรงหน้าอย่างค้นหาว่าเขากำลังมีความคิดเจ้าเล่ห์อะไรหรือไม่ แต่เมื่อพบเพียงใบหน้าอิดโรยของคนป่วยไม่มีแววล้อเล่นใดๆ จึงตัดสินใจทำตามคำขอของเขา “ก็ได้ค่ะ” “ขอบคุณครับ” ไม่นานหลังจากนั้น ธิญาดาก็เดินกลับมาจากห้องน้ำพร้อมกะละมังและผ้าขนหนู เธอจัดการบิดผ้าหมาดแล้วเช็ดไปตามใบหน้าและแขนของเขา แต่ที่ทำให้เธอแทบกลั้นใจก็ตอนที่ต้องลากผ้าขนหนูไปบนแผงอกและหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเป็นลูกๆ ที่ทำเอาเธอใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะมัวจดจ่อและเพ่งสมาธิ ทำให้หญิงสาวไม่เห็นว่าใบหน้าของคนป่วยกำลังอมยิ้มอย่างพึงพอใจมากเพียงใด และเมื่อพยาบาลพิเศษเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็ทำหน้าใสซื่อไม่มีพิษมีภัย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม