ตอนที่ 15

2220 คำ
หลังจากจัดการเช็ดตัวให้พีรดนย์เสร็จ ธิญาดาก็จัดยาให้เขาทานและเตรียมจะเอ่ยลา แต่คนป่วยบนเตียงก็ทำหน้าละห้อยและขอให้เธออยู่เป็นเพื่อน “เกรซอยู่เป็นเพื่อนผม จนผมหลับก่อนได้ไหมครับ” “นี่คุณอายุยี่สิบแปดแล้วนะคุณดล อ้อนอย่างกับเด็กๆ” ธิญาดาดุคนป่วยอย่างหมั่นไส้ เพราะเขาช่างเรียกร้องเก่งเหลือเกิน “ถ้าเป็นเด็กแล้วเกรซตามใจ ผมยอมเป็นเด็กก็ได้” “คุณก็เด็กว่าเกรซอยู่แล้ว” “ไม่เอา ไม่พูดเรื่องนี้” พีรดนย์หน้างอธิญาดาจึงจับจุดได้ว่าเขาไม่ชอบให้เธอพูดเรื่องอายุ อารมณ์อยากแกล้งจึงทำให้เธอดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้เขาจนถึงอกแล้วนั่งลงที่ขอบเตียง “นอนซะนะคะน้องดล พี่เกรซจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนตรงนี้ พอน้องดลหลับแล้วพี่เกรซถึงจะกลับค่ะ” “เกรซ” คนป่วยหน้างอปากแทบชนจมูก ทำให้ธิญาดาหลุดหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ “สนุกมากใช่ไหมที่แกล้งผมได้ คอยดูเถอะ ผมหายป่วยเมื่อไหร่จะเอาคืน” “นอนได้แล้วค่ะ พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ แล้วเย็นนี้ใครจะเอาอาหารมาให้คุณคะ” “ถ้าผมอยากให้คุณเอามาให้ล่ะ” “เกรซให้คนเอาอาหารมาส่งให้ได้จนกว่าคุณจะหายค่ะ แต่จะให้เกรซอยู่ดูแลคุณด้วยคงไม่ได้ เพราะเกรซต้องกลับไปช่วยที่ร้าน อีกอย่างมันก็ไม่เหมาะสมด้วย คุณให้คนที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนดีไหมคะ ไม่ต้องบอกว่าไม่มีใครนะคะ เพราะระดับคุณ คงมีแม่แม่บ้านและคนที่จะมาดูแลมากมาย เพียงแค่คุณเอ่ยปาก” “เบื่อคนรู้ทัน ถ้าผมเลือกได้ ผมก็อยากให้เกรซดูแลมากกว่า” “เลือกไม่ได้ค่ะ เกรซมาเยี่ยมได้แค่ตอนกลางวัน แต่ตอนกลางคืนคุณให้คนที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่าค่ะ” “เฮ้อ เบื่อคนใจร้าย” พีรดนย์บ่นอุบอิบ แต่น้ำเสียงงัวเงียเต็มที คงเพราะฤทธิ์ยาที่ได้รับเข้าไป “พักผ่อนได้แล้วค่ะ” “แล้วเกรซจะกลับยังไง” “เกรซขับรถมาค่ะ คุณไม่ต้องห่วง แค่พักผ่อนให้หายเร็วๆ ก็พอ เดี๋ยวสาวๆ ที่ Six Sense จะคิดถึงจนทนไม่ไหว” “แล้วสาวแถวนี้คิดถึงผมหรือเปล่า ผมคิดถึงสาวคนที่ขอเต้นรำกับผมมากเลยนะ คุณช่วยตามกลับมาให้ทีได้ไหมเกรซ เพราะคนนั้นใจดี ตามใจผมทุกอย่าง แถมผมยังได้…” “เกรซกลับก่อนนะคะ หายมานานๆ คงไม่ดี หายไวๆ ค่ะ” ธิญาดารัวคำพูดเป็นชุดแล้วเดินออกจากห้องนอนของเขามาทันที เพราะรู้ว่าเขากำลังจะพูดถึงจูบในคืนนั้น ซึ่งเธอคงทำหน้าไม่ถูก พีรดนย์มองตามธิญาดาที่เดินจ้ำอ้าวออกจากห้องนอนไป รอให้เขาหายดีก่อนเถอะ อย่าหวังว่าเธอจะหนีเขาได้แบบนี้อีก ถึงเวลานั้นเขาจะจับฟัดให้เธออ่อนปวกเปียกอยู่บนเตียงของเขา คล้อยหลังธิญาดาไปได้ชั่วครู่ โทรศัพท์มือถือของพีรดนย์ก็ดังขึ้น เป็นมารดาของเขานั่นเองที่โทรมาถามอาการป่วยด้วยความห่วงใย “เป็นยังไงบ้างลูก ให้แม่ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม หรือจะกลับมานอนที่บ้านเราดี” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ทานข้าวทานยานอนพักเดี๋ยวก็หาย” “แล้วแขนเจ็บแบบนั้น ทำอะไรถนัดเหรอลูก” “แกก็บอกแม่แกไปสิไอ้ดลว่าแกป่วยอ้อนสาว แม่เขาจะได้ไม่ต้องซักไซ้และเป็นห่วง” เสียงพี่ชายแทรกมาในโทรศัพท์ “พี่พีทรู้ได้ไง” “ฉันรู้ทันแกไง ไม่งั้นแกจะอยู่ยังไง แขนเดี้ยงแบบนั้น ที่ลูกชายสุดที่รักของคุณแม่ไม่ให้คนที่บ้านส่งข้าวส่งน้ำก็เพราะว่าสาวที่มันจีบอยู่มีร้านอาหารใหญ่โต มันคงอ้อนให้เขานั่นแหละมาส่งข้าวส่งน้ำ อาจรวมถึงป้อนข้าวป้อนน้ำและอาบน้ำให้ด้วย” “ไอ้พี่พีททะลึ่งละ” “จริงเหรอดล” คุณหญิงรวิยาคาดคั้นลูกชายคนเล็กที่กะล่อนลื่นเป็นปลาไหล “เกรซเขาก็แค่มาดูแลผม ตอบแทนที่ผมช่วยเขาเอาไว้” “นั่นไง เห็นไหมล่ะครับคุณแม่ ไม่ต้องไปห่วงมันหรอก ลื่นเป็นปลาไหลใส่สเก็ตแบบนี้ เผลอๆ มันป่วยสิบแต่เวลาสาวมา มันอาจจะป่วยร้อยเรียกคะแนนสงสาร” “แสนรู้จริงนะไอ้พี่พีท” “เอาล่ะๆ ถ้าแบบนั้นแม่จะได้ไม่ห่วง แต่ถ้าลูกต้องการอะไรก็โทรมาบอกแม่นะ” “ครับ รักคุณแม่ที่สุดในโลก” “ย่ะ ตอนนี้ก็รักแม่ที่สุดในโลก อีกไม่นานคงมีใครที่รักกว่าแม่แล้วมั้ง” “โถ่ คุณแม่ครับ มันเหมือนกันซะที่ไหน” “เอาเถอะ ลูกนอนพักเถอะ แล้วถ้ามีโอกาสก็พาแม่หนูคนนั้นมาทานข้าวที่บ้านบ้างสิ” “เอ่อ…คงยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณแม่ รอให้ผมแน่ใจก่อนแล้วผมจะพาไปนะครับ” “แม่จะรอนะ” หลังภรรยาวางสายจากลูกชายคนเล็ก คุณพงษ์เทพที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ก็พูดขึ้น “นี่ผมต้องสงสารแม่หนูคนนั้นหรือเปล่า ที่เหมือนหนีเสือปะจระเข้ รอดตายจากไฟไหม้มาได้ก็ดันมาเจอไอ้เจ้ากะล่อนแบบเจ้าดลเข้าอีก” “ไม่แน่นะครับคุณพ่อ ไอ้เจ้าดลอาจเจอคนมาปราบก็คราวนี้” “ได้ยินว่าผู้หญิงเขาอายุมากกว่าด้วยเหรอ” “ครับ มากกว่าเจ้าดลสองปี” “ก็ดีนะ จะได้เอามันอยู่” “เรื่องนี้รอดูกันต่อไปดีกว่าครับคุณพ่อ ว่าไอ้เสือของเราจะถึงคราวถอดเขี้ยวเล็บหรือเปล่า” คุณพงษ์เทพกับลูกชายคนโตสบตากันยิ้มๆ ในขณะที่คุณหญิงรวิยาอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ถ้าลูกชายจะมีแฟนจริงๆ จังๆ กับเขาสักที หลังจากวันที่ไปส่งข้าวให้พีรดนย์วันนั้น ธิญาดาก็จะได้รับข้อความทางไลน์ทุกวันเวลาเดิมๆ โดยเนื้อหานั้นไม่มีเรื่องอื่นใดนอกจากอ้อนให้เธอไปหา ‘เกรซครับ ผมปวดหัวจัง’ ‘เกรซครับ ผมหิวจัง’ ‘วันนี้ผมเจ็บแขนจัง ทำอะไรไม่ถนัดเลย มาหาหน่อยได้ไหมครับ’ บ่อยครั้งเข้าธิญาดาก็แอบมองค้อนโทรศัพท์อย่างหมั่นไส้คนที่ทำตัวเหมือนเด็กห้าขวบที่งอแงเวลาไม่สบาย แต่เพราะบุญคุณที่เขาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ทำให้เธอไม่อาจใจดำได้ สุดท้ายเธอเลยต้องกลายเป็นพยาบาลจำเป็น รับหน้าที่ส่งอาหารและป้อนข้าวเขาตลอดเวลาหลายวันที่เขาป่วยจนกระทั่งหายดี “ไงยะ วันนี้ไม่ต้องรับหน้าที่เป็นพยาบาลแล้วเหรอ” ยุพเรศที่แวะมาทานอาหารเที่ยงที่ร้านของเธอพร้อมกับ ชนาภาเอ่ยแซว เพราะรู้เรื่องที่เธอไปดูแลพีรดนย์ที่คอนโด “ไม่ต้องแล้ว เขาหายดีแล้ว” “เหรอ น่าเสียดายน่าจะป่วยนานๆ กว่านี้ เธอจะได้มีโอกาสใกล้ชิดคนหล่อนานๆ หน่อย” ชนาภากล่าวอย่างเสียดาย “โอ๊ย ไปทำเองไหมล่ะ” ธิญาดาบ่น “ยินดีมากค่ะ ชนาภายินดีรับหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ ถ้าคุณนักร้องสุดหล่อจะให้ฉันไปดูแล” “ทำไมเธอทำเหมือนไม่อยากไปดูแลเขาเลยล่ะ เขาช่วยชีวิตเธอไว้นะเกรซ ฝ่าเปลวเพลิงที่ไฟลุกท่วมเข้าไปเลยนะ” ยุพเรศถามอย่างสงสัย เพราะปกติธิญาดาเป็นคนมีน้ำใจ ยิ่งกับคนที่ช่วยชีวิตตัวเองด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าจะมีอาการเบื่อหน่ายหรือแสดงอาการไม่อยากไปเช่นตอนนี้ “อันนั้นฉันรู้และซาบซึ้งดี แต่ที่ดีใจที่เขาหายเร็วๆ เพราะคุณดลขวัญใจเธอน่ะ งอแงยิ่งกว่าเด็กห้าขวบอีก” “อุ๊ย ผู้อ้อนเหรอ” ยุพเรศทำท่ากระแซะไหล่และสบตากับชนาภาอย่างคนที่มีความคิดเดียวกัน “ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก เขาหายเร็วๆ ก็ดี ฉันจะได้มีเวลาช่วยที่ร้านเต็มที่” “ถามจริงอยู่ใกล้คนหล่อเสน่ห์แรงแบบนั้น เธอไม่หวั่นไหวบ้างเลยเหรอ” ธิญาดาอึ้งเมื่อเจอคำถามของยุพเรศแล้วเธอก็เผลอคิดถึงช่วงเวลาที่ต้องไปดูแลพีรดนย์อย่างใกล้ชิดที่คอนโด หากไม่โกหกตัวเอง เธอก็ต้องยอมรับว่าการอยู่ใกล้เขามันทำให้เธอรู้สึกลัวใจตัวเอง แน่นอนว่าผู้ชายอย่างพีรดนย์ ใครอยู่ใกล้ก็คงยากที่จะไม่รู้สึกรู้สากับเสน่ห์อันล้นเหลือของเขา แต่เธอไม่เคยคิดจะมีแฟนเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฟนเด็กที่มีหน้าที่การงานอยู่ท่ามกลางสาวๆ มากหน้าหลายตาแบบนั้น เธอคงจิตใจไม่หนักแน่นพอ เธอไม่อยากอยู่อย่างระแวงว่าคนรักของตัวเองจะนอกใจหรือไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหน ประสบการณ์เลวร้ายในอดีต ทำให้เธอระแวงและคิดมากหากจะต้องเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครอีกครั้ง “มันเป็นไปไม่ได้หรอก” “อะไรทำให้เธอคิดว่าเป็นไปไม่ได้” “เขาเด็กกว่าฉัน” “เหตุผลแค่นี้เนี่ยนะ” ยุพเรศย้อนถามเสียงสูง “นั่นสิ มีแฟนเด็กเขาว่าเป็นอมตะ เธอจะได้สวยเป็นสาวสองพันปี แล้วก็หัวใจกระชุ่มกระชวยด้วยนะ อีกอย่างที่ผ่านมาเธอก็เคยมีแฟนโตกว่าแล้วนี่ ผลเป็นไงล่ะ เหี้ยตัวพ่อ” ชนาภาออกความคิดเห็นอย่างสนับสนุนเต็มที่ “อีกอย่างฉันคงจิตใจไม่หนักแน่นพอ กับการที่เขาทำงานแบบนั้นหรอก” “อ้อ อันนี้ดูจะเป็นเหตุผลหลักมากว่ามั้ง เธอกลัวถูกนอกใจ ถ้าคบเขาเป็นแฟนว่างั้น” “ใช่” ธิญาดายอมรับตามตรง เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะต้องปากแข็งและโกหกเพื่อน “ถ้าเป็นเหตุผลนี้ฉันก็เข้าใจได้ มันก็จริงนะ เป็นนักร้องที่หล่อโคตรๆ แถมสาวๆ ห้อมล้อมขนาดนั้น เป็นฉันคงนอนไม่หลับ” ยุพเรศกล่าวอย่างเข้าใจความรู้สึกของเพื่อน เพราะเธอเองยังเป็นหนึ่งในสาวๆ ที่ชื่นชอบในตัวพีรดนย์จนอยากกลับไปเที่ยวที่ Six Sense อีก “แล้วมันก็ไม่ใช่แค่นั้น” “หืม ยังมีเหตุผลอะไรอีกเหรอ ที่ทำให้เธอกลัวถ้าต้องสานสัมพันธ์กับเขา” ธิญาดายื่นโทรศัพท์ที่เปิดประวัติของ พีรดนย์เอาไว้ให้เพื่อนสนิททั้งสองดู “โอ้ว มายก็อต ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าประวัติเขาจะไม่ธรรมดาขนาดนี้ ก็รู้อยู่ว่าคงฐานะไม่ธรรมดา เพราะฉันเคยเห็นรถที่เขาขับ แต่ไม่คิดจริงๆ ว่าจะเป็นทายาทตระกูลดังรวยขนาดนี้” ยุพเรศตกใจกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับรู้ “แต่ฉันว่ามันก็น่าลองดูนะ ในชีวิตเราจะเจอผู้ชายหน้าตาดีโปรไฟล์ดีแบบนี้สักกี่คนกัน อีกอย่างเธอก็เคยอกหักมาแล้ว มีภูมิต้านทานแล้ว จะลองเสี่ยงดูสักครั้งไม่เห็นจะเป็นไรเลย ลองแล้วไม่เวิร์ก ดีกว่าเสียใจที่ทิ้งโอกาสไปนะ ผู้ชายมันไม่เหมือนกันทั้งโลกหรอก ฉันว่าถ้าเขาไม่ดีจริงๆ หรือเจ้าชู้ไม่นานคงออกลายให้เธอได้เห็นเอง คิดดูดีๆ นะเกรซ ถึงขนาดยอมเสี่ยงชีวิตไปช่วยเธอในกองเพลิง ฉันว่าเขาก็ใช้ได้ระดับหนึ่งเลยนะ จะทิ้งโอกาสนี้เพียงเพราะความกลัวและคิดล่วงหน้าอย่างนั้นเหรอ” ชนาภาออกความเห็น ธิญาดายอมรับว่าเธอเองก็ลังเลเมื่อได้ฟังคำแนะนำจากเพื่อน “ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าควรทำไงดี” “งั้นเอางี้ เธอก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ แต่ปล่อยจริงๆ นะ ไม่ต้องฝืนใจตัวเอง ไม่ต้องกลัวหรือคิดล่วงหน้าเรื่องใดๆ ไปก่อน ใช้หัวใจสมองและความรู้สึกของตัวเองดูเขาไปเรื่อยๆ ถ้ามันไม่ใช่ก็ค่อยถอยออกมา อายุขึ้นเลขสามแล้ว อย่าปล่อยโอกาสไปเปล่าๆ มีผู้งานดีหลงเข้ามาให้ลองศึกษาก็ลองมันสักตั้ง “เห็นด้วยกับยุ” “ฉันขอคิดดูก่อนละกัน” ธิญาดาแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วในใจเธอนั้น เอนเอียงไปตามคำแนะนำของเพื่อนแล้วเกินครึ่ง “ดีมากเพื่อน ไม่ปิดโอกาสตัวเอง แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนคว้าใครก็ได้เพียงเพราะเราอายุเยอะขึ้น รู้ไว้แค่ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันกับนาจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ” “ขอบใจนะ” ธิญาดากล่าวขอบคุณอย่างซึ้งใจกับความรักและเอาใจใส่ที่เพื่อนทั้งสองมีให้เสมอมา “ดีล/ดีล” ทั้งสามชนแก้วเป็นการปิดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม