ธิญาดาเดินกลับเข้ามาที่เคาน์เตอร์แล้วก็นั่งใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่พักใหญ่ เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะบุกมาหาถึงที่ร้าน ในคืนนั้นด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เธอใจกล้าขนาดเป็นฝ่ายยั่วเขาก่อน แต่พอเขารุกกลับเธอถึงกลับตั้งรับไม่ทัน เธอไม่น่าเลยจริงๆ และมันยิ่งตอกย้ำว่าเขาเป็นตัวอันตรายแค่ไหน เมื่อไม่รู้จะทำยังไงดี หญิงสาวจึงตัดสินใจส่งข้อความเข้าไปในกรุ๊บไลน์ที่มียุพเรศและชนาภาอยู่ในนั้น
‘พวกเธอ เกิดเรื่องแล้ว’
‘เกิดอะไรขึ้น’
‘เกิดอะไรขึ้น’ ทั้งคู่ถามกลับมาแทบจะพร้อมกัน
‘ก็พ่อนักร้องขวัญใจพวกเธอตามฉันมาที่ร้านน่ะสิ’
‘หา’
‘จริงเหรอ’
‘ใช่’
‘แรงมาก ไม่คิดเลยว่าเพื่อนตัวเองจะเสน่ห์แรง ถึงขั้นทำให้หนุ่มหล่อสุตฮ็อตขนาดนั้นตามมาถึงที่ได้ แล้วเป็นไง’ ยุพเรศถามอย่างอยากรู้
‘เขามาทานข้าวแล้วส่งโน้ตฝากเด็กมาว่าอยากเจอฉัน’
‘จดหมายน้อยสื่อรักเหมือนเมื่อคืนเหรอ’
‘นาอย่าเพิ่งเล่นได้ไหม ฉันกำลังเครียดนะ’
‘มีหนุ่มหล่อมาหาถึงที่ โดยไม่ต้องไปตบตีแย่งชิงกับสาวๆ เป็นร้อยจะมาเครียดทำไมยะ’
‘บอกตรงๆ ว่าฉันกลัว’
‘กลัวอะไร’ ยุพเรศถามอย่างสงสัย
‘ก็ฉันเพิ่งเจอเขาเมื่อคืน แต่วันนี้เขาบุกมาหาฉันถึงร้าน ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไงว่าฉันทำงานอยู่ที่นี่ เธอว่าน่ากลัวไหมล่ะ’
‘แหม พูดเหมือนเมื่อคืนเธอไม่ได้เป็นคนส่งโน้ตอ่อยเขาก่อน’
‘ก็เมื่อคืนฉันเมา แล้วก็ไม่ต้องมาพูดเลย เธอสองคนนั่นแหละที่ยุให้ฉันทำ’
‘เขาอาจจะเห็นว่าเธอเริ่มก่อนก็เลยคิดว่ามีใจ บวกกับเขาเองก็อาจจะถูกใจรูปร่างหน้าตาเธอจนอยากจีบก็ได้ รอดูเชิงไปก่อนก็ได้ ถ้าท่าไม่ดียังไงเราค่อยชิ่ง แล้วเดี๋ยวฉันไปสืบมาให้ว่าแบล็กกราวด์เขาเป็นยังไง โสดมาตั้งนานมีผู้ชายมาจีบให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ก็อย่ารีบปิดกั้นตัวเองไปหน่อยเลยน่า’
‘ฉันไม่อยากน้ำตาเช็ดหัวเข่าหรอกนะยุ เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอเมื่อคืนว่าเขามีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังขนาดไหน แบบนี้ไม่ไหว ฉันขอบาย’
‘เออ ไม่สนก็ไม่สน งั้นถ้าเขามาอีกเธอก็ปฏิเสธไป เสียดายงานดีเกรดพรีเมียมขนาดนี้ ยังไม่ทันได้ชิม เธอก็จะเททิ้งซะแล้ว’
‘ถ้าเสียดายขนาดไหน เธอก็เก็บไว้เองสิ’
‘ก็คนที่เขาสนใจไม่ใช่ฉันนี่ ถ้าเขาสนใจฉันเหมือนที่สนใจเธอนะ รับรองไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่ เฮ้อ…พูดแล้วเสียดาย’
‘ไม่ต้องมาเสียดายหรอก เธอจำเคสไอ้พี่ทีไม่ได้หรือไง เห็นนิ่งๆ เงียบๆ สุดท้ายร้ายจะตาย แต่นี่ร้ายตั้งแต่เริ่มไม่ต้องซ่อนเขี้ยวเล็บ แบบนี้ไม่ใช่แนวฉันหรอก’
‘โอเค ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ถ้าเขามาอีกเธอก็ปฏิเสธไป’
‘ก็คงต้องแบบนั้น แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องเตรียมเคลียร์บัญชีปิดร้านแล้ว’
‘โอเค แล้วเจอกัน’
หลังจากวันนั้นพีรดนย์ก็ไม่ได้แวะมาที่ร้านอีก ทำให้ธิญาดาโล่งใจว่าเขาคงเจอเป้าหมายใหม่และลืมเธอไปแล้ว เพราะทางไลน์เขาก็เงียบ ไม่ได้ทักทายอะไรมาอีกเช่นกัน แม้จะมีบางช่วงเวลาที่ใบหน้าหล่อๆ และรอยยิ้มทรงเสน่ห์บาดใจจะผุดขึ้นมาในหัวบ้าง แต่เธอก็รีบไล่มันออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ว่าเขาคือผู้ชายอันตราย การคบผู้ชายที่หล่อและเสน่ห์แรงแถมยังต้องทำงานท่ามกลางสาวๆ สวยๆ แบบนั้นไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอต้องการจะยุ่งเกี่ยวด้วยเลย เธอต้องการผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่มีการงานมั่นคง พร้อมจะสร้างครอบครัวไปด้วยกันมากกว่า แต่จนวันนี้เธอก็ยังไม่พบผู้ชายคนนั้นเลยสักคน
หลายวันหลังจากนั้นพีรดนย์ก็แวะมาที่ร้านของเธออีกครั้ง และแน่นอนว่าเขาส่งข้อความมาทางไลน์ให้เธอออกไปหา แต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธกลับไปอย่างสุภาพ หลังจากตอบปฏิเสธเขาไปแล้ว แทนที่เธอจะโล่งใจกลับกระวนกระวายและรู้สึกไม่ดี สุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวก็ตัดสินใจเดินออกไปหาเขา แต่ก็พบว่าเขากลับไปแล้ว โดยที่อาหารบนโต๊ะยังไม่ได้ทานด้วยซ้ำ นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ไปกันใหญ่ เพราะคิดว่าเขาคงโกรธที่โดนปฏิเสธ เธอสองจิตสองใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ววางลงอยู่หลายครั้ง พร้อมกับคิดว่าจะส่งข้อความไปหาเขาดีไหม แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ส่งอะไรไปอีก ให้ทุกอย่างมันจบลงตั้งแต่ตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาอันตรายเกินกว่าที่เธอจะไปยุ่งด้วย หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้แวะมาที่ร้านของเธออีก แต่ยังคงทักทายมาทางไลน์อีกสองสามครั้ง แต่เธอเลือกที่จะไม่เปิดอ่านและไม่ตอบใดๆ กลับไปจนกระทั่งเขาไม่ได้ส่งอะไรมาอีก
ผ่านไปราวสองอาทิตย์จากที่แต่แรกเธอและเดอะแก๊งนัดกันว่าจะกลับไปเที่ยวที่ Six Sense อีก แต่เพราะหน้าที่การงานที่ต่างคนต่างยุ่งจึงทำให้ต้องเลื่อนออกไป จนกระทั่งคืนนี้ที่ทั้งสามว่างตรงกันจึงตัดสินใจว่าจะออกท่องราตรีกันอีกครั้ง แต่เปลี่ยนสถานที่ไปยังสถานบันเทิงอีกแห่ง เพราะวันนี้ไม่ใช่ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นักร้องขวัญใจของเพื่อนไม่ได้ขึ้นแสดงที่ Six Sense ทำให้สองสาวอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปที่อื่นบ้าง ธิญาดาในชุดเดรสเกาะอกกระโปรงพลิ้วสั้นเหนือเข่าสีน้ำตาลอ่อนเดินออกมาหน้าคอนโดที่เธอแยกออกมาอยู่เอง คอนโดแห่งนี้คุณลุงคุณป้าซื้อให้เป็นของขวัญหลังเธอเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง โดยตั้งใจว่าจะให้เธอเก็บไว้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวด้วยการปล่อยเช่า แต่เธอเลือกที่จะมาอยู่เองซึ่งท่านก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด เพราะเข้าใจว่าวิถีชีวิตหนุ่มสาวสมัยใหม่ นิยมอยู่คอนโดมิเนียมเพื่อความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบาย
“วันนี้ก็แซ่บอีกแล้วนะยะ” ยุพเรศที่ทำหน้าที่เป็นสารถีเอ่ยทัก ธิญาดาจึงแกล้งหมุนตัวโชว์ไปหนึ่งรอบ
“นี่ถ้าอายุยังไม่เกิน ฉันจะส่งเธอขึ้นเวทีประกวดนางงามสักเวที” ชนาภากล่าวหลังจากเห็นสเต็ปการหมุนตัวของเพื่อน
“หยาบคาย ห้ามพูดเรื่องอายุจ้ะ” ธิญาดาค้อนและเปิดประตูขึ้นไปนั่ง
“เชิญออกรถได้จ้ะคุณเพื่อน”
“แหม สั่งมาดคุณนายแบบนี้ ควรหาคนขับรถส่วนตัวนะยะ”
“ก็ยังหาไม่ได้ ตอนนี้เธอก็รับหน้าที่นี้ไปก่อนแล้วกัน สลับกับพี่ยะ” ธิญาดากล่าวถึงพี่ชายของยุพเรศที่มักจะอาสามารับน้องสาวทุกครั้งที่ว่าง เพราะกลัวว่ายุพเรศจะเมาจนขับรถไม่ได้ แล้วเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น
“ย่ะ ใช้แรงงานฉันกับพี่ชายเพลินเชียวนะยะ ยังดีเวลาไปทานข้าวได้ส่วนลด ไม่งั้นฉันไม่ยอม” ธิญาดายิ้มกับคำบ่นไม่จริงจังของเพื่อน ทุกครั้งที่เพื่อนและครอบครัวมาทานอาหารที่ร้าน เธอมักจะให้ส่วนลดเสมอ เพื่อตอบแทนกับการที่เพื่อนและพี่ชายคอยทำหน้าที่ขับรถให้บ่อยๆ เวลาที่ไปเที่ยวด้วยกัน
“งั้นก็ถือว่าวินวินอย่าบ่นค่ะ”
“นา ทำไมวันนี้เงียบจัง เป็นอะไรหรือเปล่า อย่าบอกนะว่าโดนผู้โดยสารด่ามาอีก” ยุพเรศเหลือบมองชนาภาที่นั่งข้างๆ ไม่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างเคย
“เปล่า ไอ้เรื่องนั้นน่ะฉันชินแล้ว ถือซะว่าเสียงนกเสียงกา เพียงแค่วันนี้รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้”
“แปลกยังไงเหรอ” ธิญาดาถามด้วยความเอาใจใส่
“มันรู้สึกใจโหวงๆ กับขนลุก”
“ปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำหรือเปล่า”
“ยัยยุบ้า ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นยังไง”
“ไม่สบายหรือเปล่านา ถ้าไม่ไหวยังไง พวกเรากลับกันก็ได้นะ เรื่องเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้” ธิญาดาบอกด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ป่วยหรอกเกรซ แค่รู้สึกแปลกๆ แบบไม่เคยเป็นมาก่อน”
“ไม่ใช่ไปติดโรคอุบัติใหม่อะไรมาอีกนะ ที่สนามบินยิ่งผู้คนร้อยพ่อพันแม่หลากหลายเชื้อชาติ ขอร้องล่ะนะ อย่าเพิ่งมีโรคใหม่ๆ อะไรมาตอนนี้เลย แค่โควิดนี่ฉันก็แทบร่างแหลกสลายกลายเป็นผุยผงแล้ว ขอพักหายใจหายคอบ้าง” ยุพเรศบ่นตามประสาพยาบาล ที่ต้องรับมือกับโรคระบาดตลอดสามปีที่ผ่านมา
“ไม่ใช่หรอกน่า ฉันอาจจะนอนน้อยไปหน่อย เพราะช่วงนี้ติดซีรีส์น่ะ อย่ากังวลไปเลย เดี๋ยวพอถึงที่เที่ยวก็หายเอง”
“ฉันก็ว่างั้น”
สามสาวเดินทางมาถึงสถานบันเทิงย่านทองหล่อในเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ ซึ่งมีนักเที่ยวมากันหนาตา สถานบันเทิงแห่งนี้มีขนาดเล็กกว่า Six Sense มาก แต่ก็เป็นที่นิยมของนักเที่ยวเช่นกัน เพราะราคาไม่แพง ต่างจาก Six Sense ที่เป็นผับหรูหรามีระดับสำหรับคนกระเป๋าหนัก
“ที่นี่พี่ๆ ที่ทำงานฉันแนะนำมา เห็นว่าดนตรีดี ฉันก็เลยอยากมาลอง” ยุพเรศบอกขณะเดินนำเข้าไปด้านใน เมื่อเข้ามาภายในเสียงดนตรี EDM ก็ดังกระหึ่ม นักท่องราตรีต่างโยกกายปล่อยอารมณ์กันสุดเหวี่ยง ระบบแสงสีเสียงถือว่าใช้ได้ แม้สถานที่จะเล็กกว่า Six Sense มากก็ตาม
ก้องเกียรติที่นั่งรอลูกค้าอยู่ที่โต๊ะถึงกับเขม่นตามอง เมื่อเห็นสามสาวท่าทางคุ้นตาเดินผ่านโต๊ะเข้าไป เขารู้สึกคุ้นเคยแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอสามสาวนี้ที่ไหนมาก่อน สักพักก็ถึงบางอ้อว่าสามสาวนี้คือกลุ่มเดียวกันกับที่เขาเจอที่ผับของศิระ เพราะพีรดนย์ถูกใจหนึ่งในแก๊งนี้จนจ้องตาไม่กระพริบ และตอนนี้เขาก็จำได้แล้วว่าสาวสวยเซ็กซี่ในเดรสเกาะอกสีน้ำตาลอ่อนคือคนเดียวกับผู้หญิงที่ส่งโน้ตเชิญชวนเพื่อนตัวเองในคืนนั้น ก้องเกียรติยิ้มร้ายและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเจ้าหล่อนเพื่อตั้งใจส่งไปให้ใครบางคน ชายหนุ่มนึกขอบคุณลูกค้า ที่เจาะจงอยากมาเที่ยวที่นี่แทน Six Sense ที่เคยไปมาหลายครั้ง ทำให้เขามีโอกาสได้ทำอะไรสนุกๆ เพื่อยั่วไอ้คนที่เพิ่งจะหัวเสีย เพราะโดนสาวเจ้าปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย ขนาดไปหาถึงที่ร้านยังไม่ออกมาพบ ทำให้พีรดนย์เสียเซลฟ์เป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธตัวเองแบบไร้เยื่อใยแบบนี้มาก่อน
‘ไอ้ดล ดูซิว่ากูเจอใคร’ ก้องเกียรติยิ้มเมื่อข้อความถูกเปิดอ่านแทบจะทันที
‘มึงอยู่ไหน’
‘เอ๊ะ…อยู่ไหนน้า’ ก้องเกียรติแกล้งประวิงเวลาเพราะรู้ว่าเพื่อนอยากรู้เต็มแก่ เพื่อที่จะตามมาหาเป้าหมาย
‘มึงอย่ากวนตีนไอ้ก้อง บอกมาว่ามึงเจอเขาที่ไหน’ ก้องเกียรติหัวเราะขำก่อนพิมพ์บอกชื่อสถานที่
‘เดี๋ยวกูไป ฝากดูไว้ด้วย’
‘ดูอย่างเดียวหรือให้กูเข้าไปเต้นเป็นเพื่อนเขาด้วย’
‘ไม่ต้องเสือก’ ก้องเกียรติส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะไปรัวๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าและรอดูอะไรสนุกๆ มากกว่าการนั่งรอลูกค้าเฉยๆ