บทที่ 3
วันวิสาขับรถตามเทอร์รี่มาที่คฤหาสน์เคฮิลล์ นัยน์ตากลมโตมองไปที่ประตูอัลลอยด์สีทองสไตล์ยุโรปที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองคล้ายกับนางเอกนิยายเรื่องหนึ่ง
นางสาวพจมาน สว่างวงศ์ที่กำลังจะก้าวเข้าไปอยู่ในบ้านทรายทอง
ต่างกันก็ตรงที่เธอมีกระเป๋าใบโตทันสมัย ไม่ได้ถือชะลอม และเธอก็ขับรถมา ไม่ได้เดินเข้ามาเหมือนพจมานก็เท่านั้นเอง
ประตูบานใหญ่ค่อยๆ เลื่อนเปิดอย่างอัตโนมัติ รถยนต์ยุโรปสีดำคันหรูของเทอร์รี่เคลื่อนตัวเข้าไปก่อน จากนั้นจึงเป็นรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นของวันวิสาที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวตามเข้าไป ก่อนรถทั้งสองคันจะไปหยุดที่โรงจอดรถ
เทอร์รี่ก้าวลงมาจากรถแล้วเดินอ้อมมาที่รถของวันวิสาที่จนแล้วจนรอดเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมลงมาจากรถเสียที จนมือหนาต้องเคาะกระจกด้านข้างคนขับเพื่อกดดัน วันวิสาจึงยอมก้าวลงมาจากรถพร้อมคว้ากระเป๋าสะพายใบโตติดมือลงมาด้วย
คนตัวเล็กลงมายืนข้างรถ ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้ร่างสูงที่กำลังยืนหน้าบึ้งตึง
“คุณเทอร์รี่เปลี่ยนใจไหมคะ ไม่ต้องให้ฉันอยู่กับคุณตลอดเวลาหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณต้องการให้ฉันรับใช้อะไร แค่โทร.กริ๊งเดียว ฉันสัญญาว่าจะมาปรากฏตัวต่อหน้าทันทีเลยค่ะ”
“ทีแรกผมก็คิดว่าคุณจะเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนกับว่าคุณจะเข้าใจอะไรยากจนเกินไปแล้วล่ะสินะ”
เทอร์รี่บอกเสียงเย็น เล่นเอาคนฟังขนลุกเกรียวกราว ร่างสูงไม่ได้แค่พูดเพียงอย่างเดียว ยังจงใจขยับตัวเข้าหาเธอ
เท้าเล็กต้องถอยหนีจนแผ่นหลังบอบบางชิดกับประตูรถของตัวเอง โดยมีร่างสูงยืนจ้องเธอห่างไปเพียงไม่ถึงคืบ
“เข้าใจแล้วค่ะ” ปากเล็กขยับบอก พร้อมๆ กับเบนหน้าหนี เมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดใบหน้าเธอจนแทบไหม้
“งั้นก็ดี แล้วอย่าให้ผมได้ยินอะไรแบบนี้อีก” ร่างสูงยอมเคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาออกห่าง ก่อนจะขยับตัวถอยออกห่างจากคนตัวเล็กสองสามก้าว ทำให้วันวิสาหายใจหายคอสะดวกมากขึ้น
“ค่ะ” วันวิสาพยักหน้ารับคำหงึกๆ ก่อนจะรีบสาวเท้าตามเข้าไปในคฤหาสน์หลังงาม
วันวิสาใจเต้นตึ้กตั้ก เมื่อเทอร์รี่พาเธอมาหยุดที่ห้องรับแขก โซฟาบุหนังตัวยาวมีชายและหญิงที่มีอายุอานามพอควรใบหน้าของท่านทั้งสองมีส่วนคล้ายเทอร์รี่อยู่ไม่น้อย ถ้าให้เธอเดาก็คงจะเป็นบิดาและมารดาของเขาอย่างแน่นอน
“นั่นพาสาวน้อยที่ไหนมาด้วยจ้ะ” บัวแก้วเอ่ยถามบุตรชาย ร้อยวันพันปีไม่เคยพาสาวที่ไหนมาบ้านมาก่อน
เทอร์รี่หันมาทางคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง ก่อนจะใช้สายตาคมเข้มเป็นเชิงบอกให้เธอมายืนใกล้ๆ วันวิสารีบสาวเท้ามายืนเยื้องอยู่ด้านหลังของร่างสูง โดยเว้นระยะห่างจากแผ่นหลังกว้างสองสามก้าว
“นี่พ่อกับแม่ของผม”
“สวัสดีค่ะ” ทันทีที่เทอร์รี่บอก วันวิสารีบยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าอย่างนอบน้อม พร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้ท่านทั้งสอง
“สวัสดีจ้ะหนู” บัวแก้วรับไหว้และเอ่ยทักทายกลับอย่างใจดี โดยที่โอลิเวอร์ก็ยิ้มตอบกลับมาให้วันวิสาเช่นกัน
เทอร์รี่พยักเพยิดหน้าให้วันวิสาพาตัวเองมานั่งที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบิดามารดาของเขา เมื่อร่างเล็กนั่งเรียบร้อยแล้ว เขาจึงทรุดตัวนั่งโซฟาตัวเดียวกันกับเธอเว้นระยะห่างระหว่างกันพอควร
“น้ำขิงเป็นผู้ช่วยของพี่บีบี้ เธอจะมาช่วยดูแลผมครับ”
เทอร์รี่บอกเสียงเรียบ วันวิสาสะดุ้งตัวน้อยๆ นอกจากเธอจะเซ็นสัญญาตัวร้ายอยู่ในตำแหน่งผู้รับใช้แล้ว เธอยังได้ควบตำแหน่งผู้ช่วยของพี่บีบี้ด้วยหรือนี่ ว่าแต่พี่บีบี้คือใคร ใช่คนที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาหรือเปล่านะ
วันวิสาทำเพียงส่งยิ้มแหยๆ ไปให้บัวแก้วกับโอลิเวอร์ ซึ่งทั้งคู่ก็พยักหน้ารับราวกับเข้าใจเสียเต็มประดากับสิ่งที่ลูกชายบอก
“แล้วลูกจะให้หนูน้ำขิงพักที่ไหน”
“ห้องเล็กทางปีกซ้ายครับ” ร่างสูงตอบคำถามของบัวแก้วเพียงเท่านั้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จนวันวิสาต้องลุกยืนตามเขาไปด้วย “ผมขอตัวพาน้ำขิงไปที่ห้องก่อนนะครับ”
“จ้ะ”
เมื่อบัวแก้วเอ่ยอนุญาต เทอร์รี่จึงเดินนำหน้าออกไป โดยมีคนตัวเล็กรีบสาวเท้ารัวๆ เดินตามหลังของเขาไปอย่างเร่งรีบ โอลิเวอร์กับบัวแก้วหันมาสบตากัน
“คุณมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างคะ” บัวแก้วเอ่ยปากถามผู้เป็นสามี
“เรื่องนี้ผมว่าคงต้องถามลูกชายตัวดีของคุณเองแล้วล่ะ” โอลิเวอร์บอกยิ้มๆ ทั้งคู่รู้ดีว่าห้องเล็กทางปีกซ้ายของคฤหาสน์เป็นห้องที่ติดกับห้องของเทอร์รี่และที่สำคัญยังมีประตูเชื่อมถึงกันอีกด้วย
เทอร์รี่พาวันวิสามาที่ห้องเล็กที่อยู่ทางปีกซ้ายซึ่งอยู่ติดกับห้องของตนเอง ร่างสูงเปิดประตูออกกว้างแล้วผายมือเชิญให้เธอเข้ามาด้านในคนตัวเล็กยืนเก้ๆ กังๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนจะขยับเท้าเข้ามาด้านในเมื่อถูกมองด้วยสายตาคมดุ
ร่างสูงก้าวตามเข้ามาด้านในหลังจากคนตัวเล็กเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ประตูถูกเปิดกว้างไว้แล้วเขาก็เดินมาซ้อนอยู่ด้านหลังของเธอที่ยืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้อง ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้น
“พอจะอยู่ได้ไหม”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งตัวหน่อยๆ ก่อนจะตอบตะกุกตะกัก โดยไม่หันมามองร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังแบบหายใจรดต้นคอ เล่นเอาเสียเธอขนลุกเกรียวกราวไปทั้งร่าง
“ดะ…ได้ค่ะ แต่ให้ฉันมาอยู่ด้วยแบบนี้จะไม่เป็นการสิ้นเปลืองหรือคะ”
“คุณว่าไงนะ” ทั้งที่ได้ยินคนตัวเล็กพูดอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอจะระคายเคืองหูจนเขาต้องถามย้ำ
“ปะ…เปล่า ไม่มีอะไรค่ะ”
“ก็ดี…อย่าเข้าใจอะไรให้มันยาก ถ้าไม่อยากไปขุดหาของเก่า…ในซังเต” คำขู่ของคนตัวโต ทำให้วันวิสาสะดุ้งจนตัวโยน ก่อนจะเอ่ยถามเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ละ…แล้วพี่บีบี้นี่เป็นใครคะ”
เทอร์รี่ยังไม่ตอบในทันที ร่างสูงเดินอ้อมมาเผชิญหน้ากับเธอ ก่อนริมฝีปากหยักได้รูปจะขยับบอกในสิ่งที่เธอถาม
“พี่บีบี้เป็นผู้จัดการของผมเอง อีกไม่นานคุณคงได้เจอ”
“ค่ะ” วันวิสาพยักหน้าหงึกๆ เป็นการรับรู้
คนตัวโตก้มมองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือ เห็นว่าตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่มตรงแล้ว และทั้งเธอกับเขาก็ยังไม่ได้ทานมื้อค่ำ
“จัดของๆ คุณให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็ออกไปพบผมด้านนอก ผมจะพาไปทานมื้อค่ำ”
เสียงทุ้มสั่งแค่นั้น ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกไปด้านนอก โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูให้เธอด้วย วันวิสารีบกุลีกุจอยัดข้าวของที่มีอยู่น้อยนิดเข้าไปในตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อินสีขาวหลังใหญ่ เธอใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ข้าวของที่เตรียมมาก็เข้าที่เข้าทาง ร่างเล็กจึงรีบออกไปด้านนอก เพราะไม่อยากเสียมารยาทให้เจ้าของบ้านต้องคอยนาน
วันวิสาเปิดประตูออกมาก็พบว่าเทอร์รี่ยืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว เธอจึงร้องบอกเบาๆ เพราะร่างสูงยืนหันหลังให้เธออยู่
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ร่างสูงหันมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้เธอเดินตามเขาไป
เทอร์รี่พาวันวิสามาที่โต๊ะอาหาร ตอนนี้ค่อนข้างเงียบเพราะคนอื่นๆ เข้านอนกันหมดแล้ว
“คนอื่นๆ ไปไหนกันหมดแล้วหรือคะ”
“เข้านอนกันหมดแล้วล่ะ ปกติแล้วที่นี่จะทานอาหารค่ำตอนทุ่มตรง อ้อ…ส่วนอาหารเช้าก็ประมาณเจ็ดโมงเช้า”
วันวิสาพยักหน้ารับ พร้อมๆ กับที่บันทึกข้อมูลใส่สมองน้อยๆ ของเธอไว้
ทั้งคู่จัดการอาหารค่ำที่มีคนเตรียมเอาไว้อย่างเงียบกริบ โดยเฉพาะวันวิสาที่กินอาหารได้เพียงไม่กี่คำ ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอรักการกินเป็นชีวิตจิตใจ แต่สถานการณ์ ณ ตอนนี้ ทำให้เธอกลืนอะไรไม่ค่อยลงจริงๆ
นัยน์ตาสีเทาที่จับตามองคนตัวเล็กอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว เห็นอีกฝ่ายกินอาหารได้ไม่ถึงครึ่งก็อดที่จะสงสารไม่ได้ แต่อย่างว่า…คนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษไม่ใช่หรือ