ตอนที่ 19
ห้วงเวลาคู่ขนาน
“เมื่อคืนฉันฝันเห็นผู้หญิงชื่อจำปา นายฮ้อยรู้จักรึไม่?”
ธารทิพย์เอ่ยถามอย่างร้อนรน ด้วยเธอมานั่งรอนายฮ้อยเป็นเวลานานพอควรตั้งแต่เก็บของที่เพิงเสร็จ ครั้นจะปรี่ไปถามก็เห็นว่าเขากำลังคุยกับผู้ช่วยทั้งหกอย่างเป็นงานเป็นการ จึงได้แต่เก็บความฉงนของตัวเองไว้ในใจเพื่อรอให้เขากลับมายังเพิง
“แม่จำปารึ คนที่เป็นเมียพ่อครูไกรศรใช่รึไม่?”
นายฮ้อยเพลิงถามกลับ คิ้วหนาเข้มของเขาเลิกสูงขึ้น
“ใช่ๆ นายฮ้อยรู้จักรึ แม่จำปาเป็นใครกัน?”
ชายหนุ่มอึ้งไปเพียงครู่ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา และสาวเท้ามานั่งย่อกายลงข้างๆกับเธอ
“ข้าก็ไม่เคยเห็นนางเช่นกัน รู้แต่ว่าเป็นเมียของพ่อครูไกรศรลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อข้า อาศัยอยู่ที่บ้านตาดแดดเมืองประทายสมันต์”
คำบอกนั้นทำให้นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลเข้มของหญิงสาวเบิกโพลงอย่างมีความหวัง
“เช่นนั้นรึ? หากเรารู้ว่าทั้งสองอยู่ที่ไหน กลับจากทัพความเราก็ไปหาได้นะซิ พาข้าไปหน่อยได้รึไม่ข้าอยากจะคุยกับพ่อครูไกรศรและแม่จำปา ข้าอยากรู้ว่าทั้งสองเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไรกัน?”
เหมือนแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์จะเห็นอยูรำไรแล้ว
เธอจึงขยับกายเข้ามาเบียดชิดร่างหนาของนายฮ้อยและเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน ด้วยตระหนักว่าเขาคือบุรุษแห่งไฟอย่างที่หลวงพ่อบอกไว้จริงๆ
นายฮ้อยหลุบตาลงต่ำเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มและกลิ่นกายหอมอ่อนจากหญิงสาว
“ไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด ข้าเคยไปแล้วและได้ไปนั่งคุยกับไกรศรแล้ว เขาเป็นเพียงเด็กแปดขวบที่ยังไม่รู้เรื่องราวอันใดเลย และลุงเพลี๊ยะพ่อของเขาก็ตายไปนานแล้ว”
อะไรนะ!! พ่อครูไกรศรอายุเพียงแปดขวบ
นี่เธอถูกดึงเข้ามาในภพนี้ผิดช่วงเวลาหรืออย่างไร?
“จะ..จริงรึ?”
ความจริงธารทิพย์เคยอ่านนิยายย้อนเวลาและทะลุมิติมาหลายเรื่องพอสมควร การย้อนเวลาของตัวละครเอกค่อนข้างจะมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน และไปยังห้วงเวลาที่เหมาะสม ไม่ใช่ในกรณีเช่นที่เธอเจอในตอนนี้
“จริง และเด็กไกรนั่นก็ไม่รู้เรื่องราวของจำปาด้วย”
นายฮ้อยผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง
“ละ..แล้ว นายฮ้อยพอรู้อะไรเกี่ยวกับพ่อครูไกรศรบ้าง รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันบ้าง พอจะเล่าให้ฟังได้รึไม่?”
ธารทิพย์ถามเขาด้วยน้ำเสียงเว้าวอน ว่ากันว่าสิ่งที่มนุษย์เราสงสัยที่สุดนั้นหาใช่เรื่องราวลี้ลับของจักรวาลหรือสิ่งอื่นใด แต่ทุกคนล้วนสงสัยในตัวเองทั้งนั้น ดังนั้นความทรมานที่แสนเจ็บปวดสุดคือการที่เราไม่รู้ตัวตนของเขาเลย
และตอนนี้เธอเองก็ปรารถนาใคร่รู้ในสิ่งนี้ยิ่งนัก
“ข้ารู้เพียงว่า ..ข้าจะได้เจอเอ็ง”
มือหนาเอื้อมจับมือนิ่มของเธอมาบีบเบาๆ ก่อนจะส่งสายตาว้อนวอนให้หญิงสาว แม้คำบอกของเพื่อนสนิทพ่อและหมอสรวงจะดังก้องอยู่ในหู ทว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะรับรู้ก่อนวัยเบญจเพศ เพราะนั่นจะนำมาซึ่งความอันตรายสู่ตัวเขาและเธอ
“แค่นั้นเองรึ?”
ธารทิพย์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนเกือบชิดใบหน้าหล่อเข้ม ด้วยแน่ใจว่าเขาต้องรู้อะไรมากกว่านี้และยังคงปิดบังเธอไว้อย่างแน่นอน
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะบอกสิ่งที่ข้ารู้ในเวลาที่เหมาะสม และสิ่งที่ข้าไม่รู้ข้าเองก็กำลังหาคำตอบอยู่เหมือนกัน”
นิ้วเรียวแข็งกดไล้ยังริมผีปากอิ่มจิ้มลิ้มของเธอช้าๆ มืออีกข้างไล้ยังเอวคอดของเธอ นั่นทำให้หญิงสาวตระหนักได้ว่าเธอได้อยู่ในวงแขนของเขาแล้ว และคำตอบของคำถามที่เธออยากจะรู้ก็คงจะไม่ได้รับเช่นเคย
“งั้นฉันขอถามอีกคำถามเดียวได้รึไม่?”
เธอยันกายหนาออกห่าง ต่อรองด้วยน้ำเสียงหวานระริก
“อืม ลองถามดูซิ”
“ฉันจะมีโอกาสได้กลับไปภพของตัวเองมั้ย และถ้ามีจะต้องทำยังไงบ้างนายฮ้อยพอจะรู้รึไม่?”
ในเมื่อเขาเป็นบุรุษแห่งไฟ! เป็นผู้ที่จะนำทางเธอ เขาต้องรู้แน่นอน ว่าหนทางในการกลับภพปัจจุบันที่ไม่ใช่แค่ไปในความฝันนั้นทำอย่างไร? และหากเป็นเช่นนั้นเธอก็จะได้ไม่ต้องสงสัยเรื่องราวของพ่อครูและแม่จำปาอีกต่อไป
ขอเพียงเธอได้กลับบ้านหาพ่อแม่และไปเรียนต่อเท่านั้น
“เอ็งอยากกลับรึ?”
น้ำเสียงของนายฮ้อยเข้มขึ้น ดวงตาของเขาดำมืดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำนี้จากปากจิ้มลิ้มของหญิงแห่งลำน้ำมูล
“อยากซิ! ที่นี่ไม่ใช่บ้านของฉันเสียหน่อย”
“รู้ได้ไงว่าไม่ใช่บ้านเอ็ง บางทีภพเดิมที่เอ็งจากมาอาจจะไม่ใช่บ้านของเอ็งก็ได้”
ไม่นะ!! ทำไมนายฮ้อยพูดเช่นนี้
พ่อกับแม่และบ้านของเธออยู่ในยุคปัจจุบัน
“.....”
“หือ”
“งั้นฉันกลับไปเพิงดีกว่าจ้ะ เห็นว่าสายๆ เคลื่อนทัพแล้ว นายฮ้อยจะได้จัดการธุระส่วนตัวได้”
เธอบอกเขาเสียงสั่นระริก เมื่อรู้สึกได้ว่าลมหายใจอุ่นร้อนเริ่มรวยรดรินอยู่ข้างแก้ม ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาใยเธอต้องเหมือนถูกต้อนและโอนอ่อนกับสัมผัสวาบหวามกับเขาตลอด
ไม่ได้นะ! ธารทิพย์บอกตัวเอง
“เดี๋ยวซิ”
รอยยิ้มมุมปากหยักได้รูปของนายฮ้อยกว้างขึ้น นัยน์ตาคู่สีนิลเข้มมองเธออย่างลุ่มลึก เมื่อร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนทำท่าจะขยับออก ในยามนี้เธอคงไม่รู้ว่าเขาพยายามข่มใจและสะกดกั้นอารมณ์ดิบในกายตัวเองมากมายแค่ไหน
หน้าหล่อเข้มโน้มลงใกล้และฝังสันจมูกโด่งยังซอกคอขาวสูดดมกลิ่นหอมละมุนที่เขาคะนึงหามาทั้งคืนเข้าไปเต็มปอด
“อ๊ะ..”
ขนอ่อนในกายเธอเริ่มลุกชูชันอีกครั้ง
“ชอบที่ข้าทำแบบเมื่อวานรึไม่?”
เขากระซิบถามเสียงแหบพร่า มือหนารวบร่างเล็กของเธอให้ขึ้นมาบนตักตัวเอง จนธารทิพย์ผวาเล็กน้อยต้องโอบแขนรอบลำคอที่มีผมหนานุ่มของเขาไว้
“นายฮ้อยชอบทำรุ่มร่ามกับฉัน”
ธารทิพย์ตำหนิเขาเบาๆ ด้วยท่าทางสับสน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยวงแขนตัวเองออกแต่อย่างใด หนำซ้ำยังเบียดทรวงอกอวบอิ่มจนแนบกับอกกำยำแน่นเครียด
คำพูดของเธอสวนทางกับการกระทำยิ่งนัก
“ความจริงข้าอยากทำยิ่งกว่านี้เสียอีก”
มือหนาไล้ยังแผ่นหลังของเธอเบาๆ และจ้องมองเข้ามาในดวงตาของเธออย่างล้ำลึกราวจะแทรกผ่านเข้ามาสำรวจความคิดภายในของเธอขณะนี้
“....”
“แต่เมื่อยังทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้าคงทำได้เพียงสร้างความคุ้นเคยทีละนิดกับทุกส่วนในเรือนร่างเอ็ง ..ที่สักวันจะต้องเป็นของข้า”
ธารทิพย์ตัวแข็งทื่อทันทีเมื่อได้ยินคำนั้น มือไม้ของเธอคล้ายไร้เรี่ยวแรง หัวใจเริ่มเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
เหตุใดเขาจึงเอ่ยเช่นนี้
สักวันร่างกายเธอจะเป็นของเขา ...อย่างงั้นเหรอ?
*****************