"ธันวาผมอยากเข้าห้องน้ำ" มือน้อยกระตุกบอกบอดี้การ์ดระหว่างลงลิฟต์สองต่อสอง
"ถึงชั้นล็อบบี้ผมพาไปครับ" จนบอดี้การ์ดตอบออกไปแต่เหมือนว่าหนุ่มน้อยก็เริ่มจะไม่พอใจ
"แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมจะเข้าตอนนี้" มือเล็กกุมเป้าแล้วบิดส่ายไปมา ทำเอาธันวาเริ่มตัดสินใจไม่ถูกแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะกดลิฟต์ชั้นที่ใกล้ที่สุดตอนนี้ให้เขา
ติ๊ง!
ทันทีที่ประตูเหล็กเปิดออกเด็กชายก็สะบัดแขนแล้วรวบรวมแรงที่มีผลักคนตัวโตที่ตั้งตัวไม่ทันจนชิดขอบลิฟต์ ก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งหนีออกมา มุดผู้คนที่กำลังที่กำลังรอต่อคิวเข้ามาในลิฟต์
"นายน้อย!" ธันวาตะโกนเรียกเสียงลั่น หยัดตัวเองมายืนขึ้นได้ก็คว้าเจ้านายตัวเล็กได้เพียงอากาศ หมายจะรีบวิ่งตามไปให้ทันแต่ก็ต้องมาติดกับพนักงานหลายคนที่รุมแย่งกันเข้ามาในลิฟต์
"โถ่เว้ย! แจ้งนายว่านายน้อยหนีไปแล้ว" มือขวาแตะหูฟังบอกพรรคพวกที่เหลือ กว่าเขาจะได้ออกจากลิฟต์แน่นอนเด็กซนคงวิ่งไปไหนต่อไหน
"ว้าว…คนเยอะจัง ~" ไคเรนที่กดลิฟต์อีกตัวพยายามหนีไม่ให้ธันวาตามมาง่าย ๆ ตาเป็นประกายเมื่อเขาทอดสายตามองเหล่าพนักงานที่นั่งทำงานบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ บรรยากาศคร่ำเครียดตามประสาพนักงานออฟฟิศ แบบนี้สิเขาถึงจะหาคนมาเล่นด้วยได้ ถ้ามัวแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้องทำงานของคนเป็นพ่อหรือบ้านสวนของปู่แบบเดิม ๆ ก็น่าเบื่อหน่ายไม่ถูกใจเขาเลยสักนิด
ไคเรนรีบวิ่งเข้าหาผู้คนเหล่านั้นเพื่อพยายามหาคนเล่นด้วย แต่หลายคนก็เอาแต่ขะมักเขม้นจริงจังอยู่กับการทำงานจนไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคน
"เด็กที่ไหนเนี่ย ออกไปก่อนนะ พี่ต้องทำงาน" พนักงานสาวคนหนึ่งว่าด้วยใบหน้าคร่ำเครียด ก่อนที่ดันไคเรนออกแล้วเอื้อมมือรับสายจากโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง ไม่ยักเห็นจะมีใครจะสนใจหรือตื่นเต้นเหมือนกับเขาเลยสักคน คราวนี้เด็กน้อยจึงมองหาเป้าหมายใหม่ เริ่มมองคนที่ดูมีรอยยิ้มอารมณ์ดีที่สุด เพราะหวังว่าผู้คนเหล่านั้นคงใจดีมากพอที่อยากจะเล่นกับเขาด้วย และเมื่อเห็นเป้าหมายที่กำลังยืนชงกาแฟอยู่ไกล ๆ หัวเราะคิกคักกับโทรศัพท์ราคาแพง ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปหาอย่างไม่รีรอ
ว้าย!!!
คนชงกาแฟร้อนเสร็จหมาด ๆ หันมาโดยไม่ทันระวังประจวบเหมาะกับเด็กสี่ขวบที่วิ่งเข้ามา กาแฟที่อยู่ในถ้วยจึงลวกหกใส่เสื้อจนเธอต้องร้องกรี๊ดยกใหญ่ หญิงสาวที่มีรอยยิ้มในตอนแรกตอนนี้กลับเริ่มโวยวายยื่นไปคว้ากระดาษชำระรีบเช็ดเสื้อตัวแพงที่เพิ่งใส่ครั้งแรก และไม่วายที่จะส่งสายตามองตัวต้นเหตุที่กำลังเงยหน้ามองด้วยความสำนึกผิด
"ใครปล่อยลูกมาวิ่งเล่นแถวนี้เนี่ย!" หญิงสาวเปลี่ยนอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดเจน ไม่แค่นั้นยังส่งสายตามองเด็กไม่ชอบใจที่สุด เพราะคนคนเดียวที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพเปรอะกาแฟเช่นนี้
"มีอะไรหรือเปล่าคะ?" และในขณะนั้นหญิงสาวในชุดนักศึกษาฝึกงานยืนแถวนั้นได้ยินเสียงก็รีบเดินมาดูเหตุการณ์อีกคน ก่อนที่จะเห็นเด็กชายกำลังยืนประจันหน้ากับพี่ในแผนกเดียวกันจึงออกปากถามหวังจะช่วยอะไรได้บ้าง
"มาก็ดีแล้ว เธอเอาเด็กคนนี้ออกไปเลยนะ เสื้อฉันเลอะกาแฟหมดแล้วเนี่ย เพราะแกคนเดียว" พนักงานสาวสวยใส่อารมณ์สุดฤทธิ์ จะเด็กหรือคนแก่หน้าไหนเธอก็ไม่สนทั้งนั้น เพราะนี่มันเสื้อแบรนด์เนมคอลเลกชันลิมิเต็ดเพิ่งจะถอยออกมาด้วย ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้เธออารมณ์ปรี๊ดเข้าไปใหญ่
"เอ่อ…เจ้าเด็กมากับพี่มา" นักศึกษาฝึกงานกวักมือเรียกด้วยความใจดี ไคเรนที่ยืนนิ่งจึงรีบเดินไปหากำลังจะจับมือพากันเดินออกไปแต่เหมือนว่าอีกคนจะยังไม่จบง่าย ๆ
"เดี๋ยว…เป็นเด็กเป็นเล็กไม่มีใครบอกเหรอว่าทำผิดต้องขอโทษ"
"…" ไคเรนชะงักเท้าแล้วหันกลับมาเผชิญอีกครั้ง คราวนี้เขายืนเงียบไม่ยอมทำตามจนอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องพูดขึ้น
"เอ่อ…เดี๋ยวหนูคุยให้ค่ะ ว่าแต่เราชื่ออะไรหืม…" หญิงสาวย่อตัวลงไปคุยด้วยรอยยิ้มกว้าง
"ผมชื่อไคเรนครับ" เพราะแบบนั้นเด็กชายจึงชอบใจใหญ่บอกชื่อโดยไม่ต้องยื้อให้เสียเวลา
"ชื่อน่ารักจัง พี่ชื่อนานะนะคะ ไคเรนฟังพี่นะ เมื่อกี้ไคเรนวิ่งมาชนพี่เขาใช่ไหม?" เด็กน้อยพยักหน้าหงึก ๆ
"ไคเรนชนพี่เขาจนกาแฟหกเลอะหมดเลย ไคเรนผิดไคเรนต้องขอโทษพี่เขาโอเคไหมคะ ดูสิพี่เขาทำหน้ายักษ์แล้วเห็นไหม" ประโยคสุดท้ายนานะเด็กนักศึกษาฝึกงานวันแรกกระซิบบอกเสียงเบาที่สุด ทำเอาไคเรนหลุดหัวเราะร่าชอบใจกับคำพูดของเธอ พาลทำให้อีกคนที่โมโหโทสะยิ่งอาการหนักกว่าเดิม
"นี่…ฉันให้ขอโทษ ไม่ใช่หัวเราะ ไอเด็กบ้า!" พนักงานสาวว่าจบหมายจะกระชากร่างเล็กอย่างไม่พอใจ ทว่านานะกลับดันเด็กไว้ด้านหลังก่อนจะเป็นฝ่ายเผชิญหน้ากับพี่ในแผนกด้วยตัวเอง
"หนูว่าพี่อย่าเอาเรื่องเลยนะคะ น้องยังเด็ก น้องคงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ"
"เด็กแล้วยังไง เด็กฉันก็ตีสั่งสอนได้" ว่าแล้วเธอก็ง้างมือขึ้นสูงหมายจะฟาดลงบนใครสักคนในนั้น จะเด็กคนไหนในสองคนนี้เธอก็สามารถตบสั่งสอนได้ด้วยอายุงานที่นานกว่าทั้งนั้น แน่นอนว่าเธอเหนือกว่าใครในนี้ นานะจึงรีบกอดเด็กพาหลบหลังเธอเอาไว้แล้วหลับตาปี๋พร้อมรับแรงฝ่ามือที่กำลังจะกระทบบนใบหน้า
แต่แล้ว…
"ลูกผมให้ผมสั่งสอนเองดีกว่า"