ไคโรมองตามลูกน้องที่อยู่ ๆ ก็เปิดประตูห้องประชุมด้วยอาการตื่นตัว จนเขาพยักหน้าเป็นการอนุญาตลูกน้องจึงตัดสินใจเดินไปกระซิบถึงธุระด่วนที่ต้องขัดขวางการประชุมสำคัญ
"วันนี้เลิกประชุมแค่นี้นะครับ ขอบคุณทุกคน" เพียงได้ฟังเท่านั้นท่านประธานใหญ่ก็รีบหยัดขึ้นติดกระดุมเสื้อ กล่าวลาผู้ถือหุ้นที่ใบหน้ายังเกิดคำถามมากมาย ด้วยประเด็นการหารือยังไม่ถูกจัดการเวลาการประชุมก็ยังไม่หมดตามกำหนดการทำทุกคนเริ่มไม่เข้าใจ แต่เขาไม่ได้มีเวลามากพอจะตอบคำถามเหล่านั้น เท้ายาวรีบก้าวเท้าออกจากห้องประชุมอย่างไม่สนใจใคร
"ธันวาอยู่ไหน" ระหว่างยืนรอลิฟต์ไคโรกล่าวถามเสียงเข้ม ขณะที่ลูกน้องอีกสองคนได้แต่ยืนก้มหน้าตามหลัง
"กำลังตามหานายน้อยที่วิ่งออกไปครับ"
ติ๊ง!
เท่านั้นเขาก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์โดยลูกน้องรีบกดชั้นปลายทางที่ธันวาคอยรายงานการหายไปของลูกชายอย่างใจเย็น แน่นอนว่าเขาไม่ค่อยห่วงลูกชายตัวดีมากนัก แต่แค่เป็นห่วงคนรอบตัวที่กำลังจะถูกสร้างปัญหาโดยลูกชายของเขามากกว่าและคนที่จะจัดการได้เห็นทีก็คงเป็นเขาเท่านั้น
"เจอตัวแล้วครับนาย" ธันวาที่ยืนรอหน้าสำนักงานของพนักงานแผนกหนึ่งยืนรวบมือพร้อมรายงาน เขาไม่กล้าแม้จะสบตาเพราะสำนึกในความผิดที่ทำตามคำสั่งไม่สำเร็จ
"ก่อปัญหาอีกใช่ไหม?"
"ครับ" เพียงเท่านั้นไคโรก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เป็นไปอย่างที่เขาคิดไม่มีผิด ไม่ว่าลูกชายไปที่ไหนก็จะเกิดปัญหาป่วนคนอื่นอยู่ทุกครั้งไป
"ผมชื่อไคเรนครับ" ประโยคนั้นแว่วเข้าหูท่านประธานที่ใกล้เดินมาถึงเหตุการณ์ที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ และจำเสียงได้ดีว่าเป็นเสียงของตัวปัญหาที่ทำเขาต้องถ่อมาถึงที่นี่
"ให้จัดการเลยไหมครับ" ธันวาว่าจบหมายจะเข้าไป ทว่าไคโรกลับยกมือห้ามไว้ แล้วยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองสถานการณ์จากไกล ๆ อย่างคนใจเย็น
"ดูไปก่อน"
"ครับนาย"
"ชื่อน่ารักจัง พี่ชื่อนานะนะคะ ไคเรนฟังพี่นะ เมื่อกี้ไคเรนวิ่งมาชนพี่เขาใช่ไหม?" เด็กน้อยพยักหน้าหงึก ๆ ไม่มีอิดออด ทำเอาคนเป็นพ่อแปลกใจไม่น้อย น้อยคนนักที่จะเห็นไคเรนยอมเชื่อฟังในครั้งเดียว
"ไคเรนชนพี่เขาจนกาแฟหกเลอะหมดเลย ไคเรนผิดไคเรนต้องขอโทษพี่เขาโอเคไหมคะ" เสียงหวานนั้นทำเขายกยิ้มเล็ก ๆ เด็กฝึกงานคนนั้นดูเข้าใจการเข้าหาเด็กเป็นอย่างดี ไม่แปลกใจที่ไคเรนดูจะไม่ต่อต้านแถมยังหัวเราะร่าให้อีก
"นี่…ฉันให้ขอโทษ ไม่ใช่หัวเราะ ไอเด็กบ้า!"
"หนูว่าพี่อย่าเอาเรื่องเลยนะคะ น้องยังเป็นเด็ก น้องคงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ"
"เด็กแล้วยังไง เด็กฉันก็ตีสั่งสอนได้" มือที่ง้างขึ้นสูงทำเขายืนนิ่งไม่ได้อีกต่อไป ไคโรเดินเข้าหาสถานการณ์ที่เริ่มตึงเครียดกว่าเดิม ก่อนที่จะเอ่ยประโยคเข้มที่ทำให้ทุกคนในนั้นต่างยืนนิ่งตัวแข็งทื่อในทันที
"ลูกผมให้ผมสั่งสอนเองดีกว่า"
"แด๊ด!/ท่านประธาน!" ทั้งสองอุทานพร้อมกันแต่บริบทแตกต่างออกไป พนักงานสาวรีบลดมือลงยกมือไหว้คนมาใหม่ตัวสั่นเทา ยิ่งคำว่าแด๊ดที่กระแทกใส่หน้า เธอแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นมีความผิดมหันต์
ทว่าคนที่ดูจะงุนงงที่สุดก็คงจะเป็นนักศึกฝึกงานที่ยืนนิ่งสนิท เพิ่งจะฝึกงานวันแรกแน่นอนว่าประธานบริษัทเธอเคยได้ยินเพียงแค่ชื่อ แต่วันนี้ดันมายืนตัวเป็น ๆ ตรงหน้าแถมยังเจอในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้ จากที่กอดคอเด็กน้อยที่คิดว่าคงหลงมาจากไหนสักทางก็เริ่มลดมือลงช้า ๆ ศักดิ์ของเขาเป็นถึงลูกประธานบริษัทคงจะไม่ใช่เรื่องดีที่เธอจะกอดคอเขาเป็นเด็กทั่วไป
"คะ คือท่านประธานคะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นลูกท่านประธาน" จากคนอวดดีอยากสั่งสอนเด็กก่อนหน้า ในตอนนี้เธอกลับเป็นคนหนึ่งที่เสียงติดขัดจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ใบหน้าไร้รอยยิ้มจนเริ่มซีดเผือกก้มหน้ามองปลายเท้าที่มีหัวใจตกไปอยู่ตรงนั้น
"ถึงจะไม่ใช่ลูกผม คุณก็ไม่ควรทำ เพราะมันดูเหมือนพนักงานบริษัทผมไม่มีวุฒิภาวะ" ท่านประธานว่าเสียงเข้ม ในฐานะของท่านประธานเขาไม่ได้คิดจะเข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากกว่า อย่างที่บอกว่าเขาค่อนข้างรู้จักลูกชายตัวเองมากพอที่จะไม่ตัดสินตามอำเภอใจ แต่การรับมือของพนักงานสาวคนนี้ทำเขารับไม่ได้ เพราะมันยังมีอีกหลายวิธีที่จะจัดการโดยไม่ต้องใช้กำลังอย่างที่พนักงานฝึกงานทำ มันดูมีความคิดมากกว่าเธอที่บรรจุเป็นพนักงานเสียด้วยซ้ำ
และในฐานะของความเป็นพ่อที่รักลูกมาก เขาไม่เคยแม้แต่จะตีเบา ๆ กับลูกเลยสักครั้ง แค่คิดจะใช้กำลังก็ไม่เคย แล้วเธอเป็นใครกันถึงสามารถใช้วิธีแบบนั้นสั่งสอนลูกเขาได้
"ฉันผิดไปแล้วค่ะท่านประธาน ฉันขอโทษค่ะ" พนักงานสาวคอหดเหลือไม่กี่นิ้ว
"ธันวาทำเรื่องรายงานผู้อำนวยการแผนกแล้วไล่พนักงานคนนี้ออกจากบริษัทมีผลทันที" การกระทำเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารเธอเลยสักนิด จะในฐานะไหนเขาก็ไม่สามารถเก็บเธอเป็นพนักงานในบริษัทอีกต่อไปได้ แน่นอนว่าคนอย่างประธานไคโรขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาดและไร้การปราณี เพียงเท่านั้นพนักงานสาวก็แทบยืนไม่อยู่ทำเอานานะนักศึกษาฝึกงานที่ยืนอยู่ด้วยจิตใจห่อเหี่ยวไปตามกัน แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียงมากพอที่จะช่วยเธอได้ กว่าจะเข็นตัวเองมาถึงปีสี่ได้เธอไม่มีความกล้ามากกพอเอาตัวเองไปเสี่ยงแทนคนอื่นขนาดนั้น
"ก่อปัญหาทำให้คนอื่นต้องถูกไล่ออกอีกครั้งแล้ว จะกลับกับแด๊ดได้หรือยัง?" ไคโรปรายสายตามองลูกชายที่ยังยืนนิ่งและรู้สึกผิด สถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับเขาไม่รู้กี่ครั้ง ทั้งเต็มใจลาออก ถูกไล่ออก เขาทำมาหมดและสำนึกผิดทุกครั้ง แต่เด็กก็คือเด็ก ผ่านไปไม่กี่วันก็ลืมไปหมด พร้อมก่อปัญหาให้คนเป็นพ่อไม่รู้จบ
"ผมอยากกลับแล้วครับแด๊ด" คนหมดสนุกว่าจบก็เดินคอตกไปหาคนเป็นพ่อ แต่เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ก็รีบวิ่งกลับไปกอดพี่คนสวยที่เขาถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก
"พรุ่งนี้ผมจะมาเล่นกับนาน่าอีกนะครับ" เด็กน้อยเอ่ยเสียงใสตามประสา ทำเอาคนถูกกอดเริ่มเกร็งกับสายตาของท่านประธานที่จ้องมาไม่หยุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ย่อตัวลงมาคุยกับเด็กน้อยไปด้วย
"ได้สิ แต่ไคเรนต้องเป็นเด็กดีนะ พี่ไม่ชอบเล่นกับเด็กดื้อ"
"ครับ ผมจะเป็นเด็กดีครับ" ไคโรแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนเข้ากับลูกชายตัวเองได้ดีขนาดนี้ และดูเหมือนว่าเจ้าลูกชายจะชอบเธอเป็นพิเศษเสียด้วย ไม่เคยเห็นรอยยิ้มเห็นฟันเรียงซี่แบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว