นี่คงเป็นครั้งแรกที่คนสองคนที่อยู่ในฐานะต่างกันมากอย่างเด็กฝึกงานและเจ้าของบริษัทที่ยืนประจันหน้ากันในห้องทำงานกว้างขวาง แถมยังมีความผิดติดตัวมาด้วยโดยตอนนี้ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักอย่าง มีแต่ความเงียบปกคลุมแผ่ซ่านทั่วห้องทำเอาคนทำผิดอย่างนานะและไคเรนได้แต่ยืนก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
"อธิบายให้แด๊ดฟังได้ไหมไคเรน" ไคโรพยักพเยิดไปยังกองขนมตรงหน้าที่กำลังกลายเป็นหลักฐานชั้นดี มัดตัวคนทำผิดคำสั่งพ่อของเขาอย่างแน่นหนา
"ผมขอโทษครับ" ไคเรนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด ทำนานะที่ยืนข้าง ๆ ปรายสายตามองเด็กชายตัวเล็ก
"ทั้งหมดเป็นความผิดของหนูเองค่ะ หนูเป็นคนซื้อให้เอง ท่านประธานอย่าว่าอะไรคุณไคเรนเลยค่ะ" สุดท้ายเธอก็ปล่อยให้ความผิดทั้งหมดตกเป็นของเด็กไม่ได้ เพราะจริง ๆ แล้วมันเป็นความคิดของเธอแต่แรก ถึงจะเสี่ยงถูกไล่ออกแต่อย่างไรก็ปล่อยผ่านที่จะไม่พูดความจริงไม่ได้
"นาน่าไม่ผิดครับ ผมผิดเอง" แต่อีกคนก็สวนขึ้นมาด้วย จับมือนาน่าของเขาไว้แน่นปกป้องอีกคนจนคนเป็นพ่อชะงัก ปกติไคเรนไม่ใช่คนที่จะปกป้องใครแบบนี้
"ความผิดนาน่าเอง ไคเรนบอกแล้วแต่นาน่าไม่เชื่อเอง ไม่เป็นไรนาน่าจัดการเอง" นานะกระซิบบอกเด็กชายเสียงเบา ส่ายหัวไม่ให้เขาออกตัวแทนอีก
"ผมไม่อยากให้นาน่าถูกไล่ออก" จนไคเรนตอบกลับเธอมาบ้าง ตลอดการยืนเกี่ยงกันยอมรับผิดของทั้งสองอยู่ในสายตาของไคโรตลอดเวลา
จนกระทั่ง...
ปึก! ชายหนุ่มทุบโต๊ะขึ้นมาคนตัวเล็กทั้งสองก็สะดุ้งโหยงพร้อมกัน
"ผิดทั้งคู่นั้นแหละ" ทันทีที่เสียงทุ้มดังขึ้นคนทั้งสองก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง ก่อนที่จะเป็นนานะที่พึมพำออกมาเบา ๆ
"จะอะไรนักหนานะ แค่กินไอติมกับกินขนมเอง" แน่นอนว่าเธอตั้งใจไม่อยากให้เขาได้ยิน แต่เหมือนว่าเธอจะพลาดไปนิด เพราะทันทีที่เงยหน้าขึ้นไคโรก็จ้องหน้าเธอเขม็งคงได้ยินเสียงพึมพำนั้นหมดแล้ว
"ไคเรนเป็นเด็กท้องผูกง่ายตั้งแต่เด็ก อาหารที่กินจึงต้องผ่านการคัดสรรมาอย่างดีโดยผมหรือแพทย์ประจำตัวของเขา" คำอธิบายของไคโรทำเธอยิ่งรู้สึกผิด ถ้ารู้ว่าเด็กชายมีโรคประจำตัวติดมาด้วย เธอก็คงไม่เสนอให้เขาฝ่าฝืนคำสั่งของคนเป็นพ่อเด็ดขาด
"นะ หนูขอโทษค่ะ นาน่าขอโทษนะไคเรน" ประโยคแรกเธอเอ่ยกับท่านประธานของบริษัท ส่วนประโยคหลังก็ย่อตัวลงไปคุยกับเด็กชายด้วยความสำนึกผิดไม่หยุด
"ผมไม่โกรธนาน่าครับ" เด็กชายลูบมือบางที่เอื้อมมาจับ การกระทำของเขายังทำไคโรและธันวาอึ้งไม่หยุด ตั้งแต่ที่ได้รับคำสั่งให้ตามอยู่ห่าง ๆ เขาก็มีเรื่องแปลกประหลาดรายงานไคโรตลอดเวลา แน่นอนว่าถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองก็คงไม่เชื่อว่าคนอย่างลูกชายจะมีใครเอาเขาอยู่
"แด๊ดครับ" ไคเรนผละสายตาจากพี่สาวคนสวยที่เขายกตำแหน่งให้ ก่อนจะปรายมองคนเป็นพ่อสีหน้าเรียบ
"ผมจะยอมกลับบ้านปู่ทันทีแต่แด๊ดห้ามไล่นาน่าของผมออกจากงาน"
"ไคเรนทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ" นานะรีบออกปากพูด เขายังเป็นเด็กไม่เหมาะที่จะใช้คำขู่กับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพ่อของเขายิ่งไม่สมควรทำ ถึงวิธีนี้จะเป็นการช่วยไม่ให้เธอโดนเรียนซ้ำอีกปีก็ตาม
อย่างไรเธอก็ผิดจริง ๆ
"ผมไม่อยากให้นาน่าถูกไล่ออก ผมอยากเล่นกับนาน่าอีก" เด็กชายทำตาปริบ ๆ เบะปากเล็ก ๆ เพราะคิดว่าตัวเองจะเป็นต้นเหตุทำให้ใครถูกไล่ออกอีกครั้ง ยิ่งเป็นคนที่เขาเริ่มชอบด้วยก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ
"เรื่องนี้นาน่าจัดการเอง ไคเรนรีบกลับบ้านปู่ก่อนนะคะ" นานะพยายามยิ้มสดใสให้เขาเห็นว่าเธอจัดการทุกอย่างเองได้ แม้ข้างในจะหวั่นใจว่าจะโดนไล่ออกมากก็ตาม
"แต่ว่า-"
"เป็นเด็กดีนะคะ เชื่อนาน่าสิ" เด็กชายยังพูดไม่จบก็ถูกเธอรีบตัดบท จนไคเรนพยักหน้ายอมทำตามแต่โดยดี
"ครับนาน่า" ไคโรพยักหน้าให้บอดี้การ์ดมือขวาพาลูกชายออกไป ก่อนจากกันไม่วายที่ทั้งสองจะมองตามกันสุดสายตา สุดท้ายภายในห้องก็เหลือเขาและเธอเพียงแค่สองคน
ตึกตึก
ตึกตึก
ยิ่งเป็นอย่างนั้นนานะก็ยิ่งตื่นเต้นใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ความหล่อทอประกายของท่านประธานไม่สามารถทำให้ความน่ากลัวของเขาลดลงมาได้เลย ยิ่งเคยได้ยินมาว่าเขาเป็นคนเด็ดขาดและเข้มงวดกับงานมากขนาดไหนเธอก็ยิ่งกลัวจนขนกายลุกซู่ทั่วเรือนร่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็จะปล่อยให้ตัวเองเรียนไม่จบไม่ได้ ยังมีอีกหลายอย่างที่เธอจะต้องทำหลังจากนี้ ถ้าชีวิตไม่เป็นไปตามแผนเธอต้องเสียใจตลอดชีวิตแน่นอน
"คะ คือหนูขอโทษอีกครั้งนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจ ท่านประธานอย่าไล่หนูออกเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูเรียนไม่จบแน่ ๆ ค่ะ" นานะตัดสินใจยกมือขอร้องอ้อนวอนคนตรงหน้า ก่อนที่จะเงยหน้ามองก็เห็นคนเป็นประธานจ้องเธอนิ่ง ๆ ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของเขาได้เลยสักนิด
"ทำของอะไรใส่ลูกผมหรือเปล่า?"
"คะ!?" นอกจากอารมณ์แล้วก็คงจะเป็นคำพูดของเขาที่คาดเดาไม่ได้เหมือนกัน ทำของเหรอ เขากำลังคิดอะไรอยู่กัน
"นะ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ หนูไม่ยุ่งกับของพวกนั้นแน่นอน" เมื่อตั้งสติได้นานะก็รีบเอ่ยอธิบาย เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดไปถึงไหน แต่เรื่องนั้นไม่เคยอยู่ในหัวเธอเลยสักนิด
"ทำไมไคเรนถึงยอมเชื่อฟังเธอทุกอย่าง ปกติเขาไม่ใช่คนยอมใครง่าย ๆ คุณไปขู่อะไรลูกผมหรือเปล่า?"
"เมื่อกี้ทำของ แล้วหาว่าฉันขู่อีก คิดว่าฉันเป็นคนแบบไหนกันนะ" นานะเผลอพึมพำตามความคิดอีกครั้ง ทำหน้าขมวดเริ่มไม่พอใจกระทั่งเห็นหน้าท่านประธานเธอก็รีบเปลี่ยนสีหน้าทันที
"หนูไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ คุณไคเรนไม่ใช่เด็กหัวอ่อน"
"ก็จริง ลูกผมไม่ใช่เด็กหัวอ่อน แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเชื่อคนแบบคุณได้"
"คนแบบฉันเหรอคะ?" คราวนี้คนโดนต่อว่าเริ่มเก็บความรู้สึกไม่อยู่ เธอเอียงคอมองเขาอย่างเอาเรื่อง นับว่าเป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาหลอกด่าเธอไม่หยุด
"ผมเห็นแก่ที่ลูกชายผมขอไว้ ครั้งนี้ผมจะให้โอกาสคุณ"
"..." แทนที่นานะจะดีใจแต่เธอกลับยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นเดิม ถ้าไม่ติดว่าเป็นท่านประธานที่กุมอำนาจในมือ ป่านนี้เธอคงจะขึ้นเสียงไม่พอใจใส่เขาไปแล้ว
"คิดอะไรอยู่เหรอครับ หรือไม่พอใจ?" เมื่อเขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง คนไม่พอใจก็รีบดึงสติกลับมา อย่างไรการอดทนอดกลั้นให้ได้ฝึกงานต่อเป็นทางเลือกที่ต้องทำ เธอจะเก็บความไม่พอใจครั้งนี้เอาไว้ เพราะอย่างไรนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาและเธอคงจะได้โคจรมาเจอกันอีก
"เปล่าค่ะ" เจ้าของใบหน้าสวยคลี่ยิ้มกว้าง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขาสองคน
"ถ้างั้นเชิญครับ" มือหนาผายมือทางประตูห้องทำงาน
"ค่ะ" ก่อนที่นานะจะกระแทกเสียงพร้อมรอยยิ้มแล้วรีบหมุนตัวเดินออกไป
"ไม่อยากจะอยู่นักหรอก" ไม่วายจะพึมพำส่งท้าย ขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เจอกับเขาอีกแล้วกัน...
...
...
อีกด้านของไคเรนที่เข้าไปในบ้านที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น ที่นี่เป็นบ้านสวนที่เป็นบ้านของคุณปู่หรือเคย์สันที่อาศัยอยู่ลำพัง โดยมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดแต่ไม่ได้ประจำอยู่ที่บ้าน เพราะเขาเป็นประเภทรักความสันโดษตั้งแต่ที่คนรักเสียชีวิตไม่กี่ปี จะมีก็แต่หลานรักที่จะถูกส่งตัวมาอยู่ด้วยบ่อย ๆ เท่านั้น
"หลานปู่เป็นอะไร ทำไมถึงได้หน้าบึ้งอย่างนั้น" เคย์สันผละสายตาจากต้นกล้วยไม้ที่กำลังตัดแต่งกิ่งเสริมความสวยงาม ก่อนจะมองหลานรักของเขาที่ใบหน้าบูดบึ้งและมักจะเป็นประจำทุกครั้งที่ทะเลาะกับคนเป็นพ่อหรือลูกชายคนเดียวของตน
"ปู่ครับทำไมผมถึงไม่มีแม่" มือที่กำลังถือกรรไกรชะงักกึก
"ทำไมอยู่ ๆ ถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา ทะเลาะกับพ่อเพราะเรื่องนี้หรอกเหรอ?" เคย์สันลงมานั่งกับหลานชาย สีหน้าเขาประหลาดใจมากทั้งที่หลานชายไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
"เปล่าครับ ผมไม่ได้ทะเลาะกับแด๊ดสักหน่อย" ไคเรนว่าจบก็เบือนหน้าหนี คนเป็นปู่แท้ ๆ จึงส่งสายตาไปมองธันวาที่น่าจะให้คำตอบเขาได้ดีกว่า
"นายน้อยได้เจอกับเด็กฝึกงานที่บริษัทครับ ผมคิดว่านายน้องคงอยากได้เธอเป็นแม่" มือขวาเอ่ยตามที่เห็น และคิดว่าคงดีถ้าได้คนที่เขาถูกใจจริง ๆ มาเป็นแม่ของเขาหรืออาจจะเป็นภรรยาของท่านประธานในอนาคตก็จะยิ่งดี
"อย่างนั้นเองเหรอ หลานปู่ชอบเธอขนาดนั้นเชียว?" เคย์สันหัวเราะชอบใจ เขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพราะโอกาสที่หลายชายจะถูกชะตากับใครไม่ได้มีบ่อย ๆ
"ครับปู่ ผมอยากเล่นกับนาน่าอีก"
"นาน่าคงเป็นชื่อของเธอสินะ"
"ครับ"
"แล้วเป็นคนเดียวที่ทำให้หลานปู่พูดเพราะ ๆ มีหางเสียงแบบนี้ด้วยหรือเปล่า"
"ใช่ครับคุณท่าน เธอออกปากนิดเดียวนายน้อยก็ยอมทำตามทุกอย่างเลยครับ" คำถามนี้ไม่ต้องถึงไคเรนที่เป็นคนตอบ แต่ธันวาเสนอตัวตอบขึ้นมาทันที ถ้าได้เคย์สันเข้ามาช่วยน่าจะทำให้นายน้อยของเขาสมหวังมากขึ้น
"ปู่ชักจะถูกใจนาน่าของหลานแล้วสิ หลานอยากให้เธอมาอยู่ที่บ้านของหลานไหม"
"อยากครับปู่" ไคเรนหูตาวาววับทันที
"ถ้างั้นหลานต้องทำตามปู่ รับรองว่าหลานจะได้แม่เลี้ยงแน่นอน"
"แม่เลี้ยงเหรอครับ" ก่อนที่รอยยิ้มพวกนั้นจะหายไปเหลือแต่ความงุนงงในคำพูดของผู้ใหญ่มาแทนที่ โดยปกติต้องเป็นพี่เลี้ยง...แต่ทำไมครั้งนี้ปู่เขาถึงได้พูดเช่นนี้...
"ใช่แม่เลี้ยงของหลาน..."