ตอนที่ 4 ไม่ได้โกหก NC
มิรินไม่มีทางเลือก แม้จะอยากร้องไห้แทบตายแต่ตอนนี้เธอก็ทำใจให้เข้มแข็ง คิดเสียว่าคืนนี้ พรุ่งนี้ และช่วงหนึ่งเธอคงอยู่กับเขาที่นี่ได้ เขาคงไม่ใจร้ายเกินไป
หญิงสาวขยับตัวไปยืนบนพื้น ถอดเสื้อยืดตัวบนออกด้วยความรู้สึกอับอาย ใบหน้าสะสวยขึ้นสีระเรื่อมันร้อนผ่าวไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะเครื่องดื่มมึนเมาที่เธอเพิ่งดื่มมันเข้าไปครั้งแรกหรือเพราะการแก้ผ้าต่อหน้าเขา
ใต้หล้าไม่ได้หันมามองเธอ เขาทำเหมือนไม่สนใจ ดวงตาคมจับจ้องไปยังจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่เบื้องหน้าทั้งที่ตอนนี้เขาไม่ได้เปิดมันเลยด้วยซ้ำ
เธอถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ก่อนจะขยับไปนั่งขดตัวอยู่บนโซฟาเพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไร จนกระทั่งเขาหันหน้ากลับมามองเธอจึงรู้สึกเนื้อตัวมันชาวาบเพราะสายตาคู่นั้น
“ขยับมา” เขาออกคำสั่งแล้วกระชากแขนเธอเข้ามาใกล้จนร่างแบบบางเสียหลักเซมา เขาก็จับตัวเธอมานั่งบนตักเขาในท่าหันหน้าเข้าหัน
สายตาที่แสนอันตรายมองสำรวจสิ่งที่ที่เหนือความคาดหมาย จริงอยู่ว่าเขาเจอผู้หญิงมามากมาย แต่ไม่คิดว่าผู้หญิงที่แต่งตัวเฉิ่มอย่างแม่นี่จะซ่อนอะไรเอาไว้ขนาดนี้ ทั้งผิวขาว ๆ น่ากัด ทั้งก้อนนุ่มนิ่มบนและล่างที่มันทำให้มีสัดส่วนโค้งเว้าน่ามอง
กูคงบ้าไปแล้วที่เห็นว่ายายลูกหมาตกอับนี่...น่าเอา
“อ๊ะ!” มิรินร้องเสียงหลงเมื่อถูกมือหนาคว้าก้อนเนื้อไขมันที่เกินตัว เขาบีบมันอย่างไม่ออมแรง ไม่คิดว่าเธอจะเจ็บหรืออายเลยสักนิด “จะ เจ็บ”
“หึ ทำเหมือนไม่เคย” เขาหัวเราะกับมารยาหญิงที่เคยเจอมานับครั้งไม่ถ้วน ผู้หญิงหลายคนชอบแสดงละครเหมือนว่าไม่เคย เหมือนว่าเป็นครั้งแรก ทั้งที่ก็ง่ายจนรู้ว่าเคยมีประสบการณ์
ชอบทำเหมือนผู้ชายโง่เต็มทน
“รินไม่เคยทำจริง ๆ” เธอสารภาพความจริงเพราะนี่มันคือครั้งแรกที่ต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่น
“รู้ไหมว่าฉันเกลียดคนประเภทไหนที่สุด” เขาถามเสียงเรียบพร้อมกับยิ้มมุมปากมองใบหน้าสดสวยที่อยู่ห่างกันแค่คืบจนได้กลิ่นหอมจาง ๆ จากครีมอาบน้ำที่เจ้าตัวคงพกมันมาเองเพราะเขารู้สึกว่ามันไม่ใช่ของตัวเอง
“...”
“คนโกหก ตอแหล”
“ไม่ได้โกหก จริง ๆ” เธอบอกเสียงสั่นเพราะขณะที่เขาพูดอยู่นั้นเขากำลังขยำหน้าอกเธอไปด้วยโดยไม่คิดจะอ่อนโยนเลยสักนิด
แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเลือกแล้ว
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะเลื่อนฝ่ามือลงไปด้านล่างอย่างใจร้อน ไม่ใช่เพราะอยากลุ้นแต่จะทำให้คนตรงหน้ารู้ว่าการโกหกมันไม่ใช่เรื่องดี “ถ้าเธอยังโกหกไม่เลิก”
เขาหยุดพูดแค่นั้นก่อนจะเลื่อนฝ่ามือลงไปกอบกุมอวัยวะที่ไวต่อความรู้สึก เธอขยับสะโพกหนีฝ่ามืออุ่นอ้าวนั้นแต่ก็ถูกเขากดให้นั่งลง ก่อนที่มือของเขาจะค่อย ๆกรีดกรายไปตามรอยแยก
“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“ทำไมกลัวฉันรู้เหรอว่า...”
“อ๊ะ เจ็บ!”
เขาพูดไม่ทันจบประโยคเธอก็ร้องลั่นออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บเมื่อถูกปลายนิ้วเรียวยาวนั้นแทรกเข้ามาในช่องทางคับแคบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ปลายนิ้วเข้าไปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นก็รับรู้ได้ถึงความคับแน่นที่เขาไม่เคยพบเจอ
“เธอ” เขาเอ่ยออกมาคำหนึ่งแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรต่อจากนั้น
ขณะที่มิรินกำลังซบหน้าลงกับบ่ากว้างเพราะความตกใจและความอับอาย ฝ่ามือเล็กขยำลงบนเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งของเขาที่ใส่อยู่ ระบายความรู้สึกเจ็บและอีกความรู้สึกที่ไม่เคยพบพาน
“พี่ช่วยทำเบา ๆ ได้ไหม มันเจ็บค่ะ” เธอไม่กล้าขยับใบหน้าออกมาเพราะตอนนี้รู้สึกอายเต็มทนกับการที่เขาเอานิ้วนั้นเข้ามาในตัวเธอ
“อืม” เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะครางตอบในลำคอ
ขยับเรียวนิ้วของเขาออกมาเปลี่ยนเป็นคลี่คลึงที่กลีบกุหลาบไม่แรงไม่เบาไม่เสียทีเดียว แต่ก็สร้างความรู้สึกชื่อหนึ่งที่มิรินไม่เคยรู้จักขึ้นมา มือเล็กขยับใบหน้าสวยออกมาจากไหล่กว้าง ทัดผมราวสลวยขึ้นไปทัดใบหูก่อนจะหลุบตาลงมองมือเขาด้วยความอยากรู้
เธอไม่เคยรู้จักเซ็กส์ ไม่เคยสนใจมัน ชีวิตเธอไม่ได้มีเวลามากพอมาสนใจเรื่องนี้ มิหนำซ้ำตอนนี้เธอยังแทบจะไม่มีชีวิตรอดอยู่แล้ว แต่ต้องใช้ร่างกายเพื่อแลกกับลมหายใจที่ต้องอยู่ต่อ เพื่อสู้กับอนาคตตัวเอง
“ดื่มเข้าไป” เขาใช้มืออีกข้างหยิบแก้วที่มีเครื่องดื่มมาให้เธอ
มิรินคิดว่าถ้าดื่มมันเข้าไปมาก ๆ ดื่มจนเธอเมาไม่รู้เรื่อง อาจจะไม่ทำให้เธอเจ็บ ไม่ต้องคิดมากอีกแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงรับมันมาแล้วดื่มมันเข้าไปจนหมดแก้ว แม้ว่ารสชาติของมันจะไม่ได้อร่อยเลยก็ตาม ความขมบร่าไหลลงผ่านลำคอ กล้ำกลืนฝืนทนเช่นเดียวกับชีวิตของเธอตอนนี้ วินาทีต่อมาก็รู้สึกร้อนวาบจนถึงช่วงท้องจนทรมาน
คนร่างสูงยิ้มมุมปากเขาเห็นทั้งความโง่งม ความซื่อจนเซ่อ ความไร้เดียงสาจากผู้หญิงคนนี้ แต่เขาไม่ใช่คนดีอะไร ไม่ใช่คนขี้สงสาร ต่อให้อีกคนจะตกระกำลำบากมาจริง ๆ ก็ไม่ใช่หน้าที่เขาที่ต้องเห็นใจ
ในเมื่ออีกฝ่ายมีข้อเสนอที่พอจะรับได้ เขาก็แค่รับมันไว้ ไม่ต่างอะไรกับเรื่องธุรกิจ ที่พ่อแม่เคยสอนมาตั้งแต่เด็ก
นิ้วเรียวค่อย ๆ กรีดกรายไปตามรอยแยกที่เวลานี้เริ่มมีของเหลวผุดซึม เขาลากผ่านกลีบกุหลาบที่กำลังผลิบาน ชอนไชเข้าสู่ช่องทางรักคับแคบอีกครั้ง
“อื้อ~” มิรินเผลอส่งเสียงน่าอายเมื่อเขาเริ่มรุกรานเข้ามาในร่างกายเธออีกหน แม้ครั้งนี้มันจะไม่รวดเร็วเหมือนก่อนหน้านี้มีเวลาให้เธอปรับตัว ได้รู้ถึงความเป็นตัวเองที่ไม่เคยลอง
ทว่ามันก็ยังรู้สึกเจ็บแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตรงนั้นเลย
เขาขยับเรียวนิ้วเข้าออกช้า ๆ มีนำสีใสเป็นตัวนำทางให้หล่อลื่นและลดแรงเสียดสีที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เกิดเป็นความรู้สึกื่นเข้ามาแทนที่
ดวงตาคมหลุบมองอวัยวะเบื้องล่างที่สวยสดงดงามอย่างพอใจเขาเพิ่มจังหวะจ้วงแทงขึ้นเรื่อยๆจนหญิงสาวที่นั่งอยูบตัเริ่มดิ้นพล่านส่งเสียงครางออกมาอย่างลืมตัว
แม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่มีประสบการณ์ และเขาก็ดูออกว่าจริงแต่สัญชาตญาณก็ทำให้อีกฝ่ายเปิดเปลือยความต้องการทางเพศออกมาเป็นเสียงครวญครางและขยับตัวร่อนเข้าหามือเขาที่กำลังรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่หวงห้าม
เขาผละมือออกจากตัวเธอ ใบหน้าสวยหวานแลดูผิดหวังจนเขาต้องยิ้มมุมปาก คิดว่าคนตรงหน้าคงถูกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เข้าเล่นงานแล้วถึงได้ลืมอาย
ใต้หล้าขยับตัวเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะผลักเธอให้นอนลงบนโซฟาใหญ่ทั้งที่ยังตกใจกับสิ่งที่เห็น
มิรินลอบ กลืนน้ำลายลงคออีกครั้งเมื่อบางสิ่งบางอย่างปรากฏต่อสายตา สิ่งที่เธอเพิ่งเคยเห็นของจริงครั้งแรกวันนี้ มันน่ากลัวกว่าคิดไว้
คนร่างสูงแอบหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เขาล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนก่อนจะนั่งลงและสวมเครื่องป้องกันขนาดของตัวเอง เธอมองไม่ออกว่าของเขามันไซส์เท่าไร ไอ้เรื่องที่เพื่อนเคยคุยกันเล่น ๆ ก็ไม่เคยสนใจ
แต่ที่รู้ตอนนี้คือเธอไม่คิดว่ามันจะเข้ามาในตัวเธอได้แน่ มันใหญ่มาก ใหญ่เกินกว่าที่ร่างกายเธอจะรับไหว
“คือว่า”
พูดอะไรไม่ออกเมื่อเขาขยับตัวเข้ามาใกล้ ขยับขึ้นคร่อมตัวเธอเอาไว้แล้วทำในสิ่งที่เธอตกใจ มีบางสิ่งบางอย่างกำลังถูไถไปตามรอยแยกของเธอ
มิรินตัวสั่นสะท้าน ร้องเสียงหลงเมื่อถูกความอลังการของเขากดเข้ามาในความคับแคบ มันเจ็บจนทำเธอเกร็งไปทั้งตัว
“อึก เจ็บ”