ตอนที่ 23 งอนแล้วต้องง้อ
หลังจากอาหารถูกลำเลียงมาวางจนเต็มโต๊ะ เพราะมีอาหารจากครัวส่วนกลางด้วย ไอ้เต้ยก็จัดการส่งกระดองปูนาขนาดใหญ่ให้น้องแทน แล้วเริ่มต้นสาธิตการกินเหมือนเดิม
เดี๋ยวนี้ไอ้เต้ยขยับมานั่งติดกับน้องแทนแล้ว เพราะไอ้ธีร์ย้ายฝั่งไปนั่งติดไอ้ใบชาเป็นการถาวร มันบอกผมว่าอยู่ไกลมือน้องแทนหน่อยดีกว่าเพื่อความปลอดภัย และที่สำคัญมันสาธิตการกินอะไรประหลาด ๆ สู้ไอ้เต้ยไม่ได้ น้องแทนทำตามที่ไอ้เต้ยสอนเหมือนเดิม ดูคนตัวเล็กจะมีความสุขกับการได้กินมันปูนาหอม ๆ ร้อนๆ คลุกกับกับสวยร้อน ๆ มาก
“อ๊า....อร่อยจัง” น้องแทนหลับตาพริ้มเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างฟิน
“ผมยกให้คุณแทนหมดนี่เลยนะครับ” ไอ้เต้ยผลักจานปูนาย่างมาไว้ตรงหน้าน้องแทน
“หือ ได้ไงหาด้วยกัน จับด้วยกันก็ต้องแบ่งกันสิของอร่อย ๆ กินคนเดียวไม่สนุกเลย”
น้องแทนลุกขึ้นยืน เอามือหยิบกระดองปูนาที่หงายหน้าขึ้น เผยให้เห็นมันข้างในสีเหลืองนวลน่ากิน ยื่นส่งให้ในจานไอ้เต้ยชิ้นหนึ่ง ให้ไอ้ขุนชิ้นหนึ่งแล้วแจกคนอื่นจนหมด
“ส่วนพวกพี่สามคนอดกิน” คนตัวเล็กหันมาทางผมและเพื่อนผมอีกสองคน ยักคิ้วยักไหล่อย่างกวน ๆ
“อ่าวทำไมล่ะครับน้องแทน” ไอ้ใบชาร้องท้วงยิ้ม ๆ
“ช่วยก็ไม่ช่วย จะมากินของคนอื่นได้ยังไง ดูสิพวกแทนลงไปจับปลา จับปูกันตัวดำปิ๊ดปี๋ แทนต้องสระผมตั้งสามรอบกว่าหัวจะหายเหม็นขี้โคลน ยังจะหน้าด้านมาขอส่วนแบ่งอีกเหรอ” ไอ้น้องแทนยืนเท้าเอวยักคิ้วใส่ไอ้ใบชา
“ครับ ๆ ไม่กล้าแย่งหรอกครับ” ไอ้ใบชายกมือทำท่ายอมแพ้
“อันนี้ต้มยำปลาช่อนตัวที่คุณแทนจับได้ ลองชิมดูสิครับไอ้ขุนต้มแซ่บมากๆ คุณแทนต้องชอบแน่ๆ” ไอ้เต้ยตักพุงปลาช่อนชิ้นใหญ่ใส่ลงไปบนจานข้าวน้องแทน
“โว้ว...”
น้องแทนร้องเสียงดังออกมาอย่างมีความสุข หลังจากซดน้ำต้มยำร้อน ๆ เข้าไปสองช้อน ก่อนจะเอนตัวไปพิงไหล่ไอ้เต้ยคลอเคลียเหมือนลูกแมว
“เป็นไงครับคุณแทนอร่อยมั้ย” ไอ้ขุนยักคิ้วยิ้มอย่างภูมิใจ
“มึงนี่สุดยอดเลยไอ้ขุน” น้องแทนยิ้มจนตาหยี ส่วนไอ้ขุนยิ้มจนหน้าบาน
“เรื่องทำอาหารเนี่ยยกให้มันเถอะครับ ยิ่งกับแกล้มในวงเหล้าล่ะก็เด็ดทุกจาน” ไอ้ปืนพูดเสริม
“กูเชื่อแล้ว ว่าพวกมึงนี่นะ นอกจากสรรหาสารพัดของแปลกมาแดกกันไม่หยุดแล้วเนี่ย ยังทำอร่อยด้วย กูไม่เคยกินต้มยำปลาช่อนมาก่อนเลยนะนี่เป็นครั้งแรก เนื้อแม่งหวานสัดๆ กูชอบ โห...ทำไมไม่เคยมีใครบอกกูมาก่อนเนี่ย ว่าปลาช่อนมันอร่อยขนาดนี้” น้องแทนกินไปสาธยายไปไม่หยุด ท่าทางจะชอบมากจริง ๆ
“ไอ้ปืน งานประจำปีจังหวัดมึงเตรียมม้าเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” ผมถามไอ้ปืนที่กำลังนั่งแทะหัวปลาอยู่อย่างเอร็ดอร่อย
“เรียบร้อยครับลูกพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะเข้าไปดูพื้นที่ที่ทางจังหวัดเขาจัดให้เราครับ” ไอ้ปืนยิ้มให้ผม
“งานวัดเหรอ” คนตัวเล็กนั่งข้าง ๆ ผมหันขวับมาทันที
“เป็นงานประจำปีของจังหวัด ฟาร์มเราได้ไปร่วมงานด้วยแล้วก็มีไปคล้องวัว กับขี่ม้าโชว์อยู่ทุกปีเป็นการประชาสัมพันธ์ฟาร์มไปด้วยในตัว” ผมอธิบาย
“ไปด้วยได้มั้ย” น้องแทนส่งสายตาอ้อน ๆ มาให้ผม
“ทำตัวดี ๆ จนกว่าจะถึงวันงาน แล้วค่อยมาพิจารณาอีกทีว่าจะให้ไปหรือเปล่า” ผมบอกออกไปยิ้ม ๆ
ใจจริงก็ตั้งใจว่าจะพาไปเปิดหูเปิดตาอยู่แล้ว เพราะหลายวันมานี่น้องแทนไม่ดื้อไม่ซนเหมือนช่วงแรก ๆ อารมณ์ก็ไม่ร้อน ไม่เหวี่ยงเท่าไหร่ถึงจะมีอารมณ์เสีย หงุดหงิดอยู่บ้างแต่ไม่ทำลายข้าวของอะไรให้แตกหักเสียหายแล้ว
“เอ้า นี่ยังไม่ดีอีกหรือไง” น้องแทนเอี้ยวตัวมาเผชิญหน้ากับผมตรง ๆ เริ่มขึ้นเสียงดัง
“ก็ดี แต่ยังไม่ดีพอ” ผมตอบ
“อะไรวะ ต้องดีขนาดไหนถึงจะพอ แทนอุตส่าห์ไม่ขว้างอะไรทิ้งมาตั้งหลายวันแล้วนะ เตะของพังก็แทบไม่มีเลย ไม่เชื่อลองถามไอ้พวกนี้ดูสิ” น้องแทนยกมือขึ้นมากอดอกขึ้นหน้าย่น
“ก็ยังพูดไม่เพราะเลย ขึ้นมึง ขึ้นกูกับพี่ ๆ เขาตลอด แทนอายุน้อยกว่าพี่ ๆ เขาตั้งหลายปีทำไมไม่พูดดี ๆ กับพี่เขาล่ะ” ผมพูดขึ้นเน้นใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล เพราะต้องการให้น้องแทนรับฟังและทำตามแต่โดยดี
“....” น้องแทนนิ่งไม่ตอบ เม้มปากเข้าหากันแน่นทำหน้าเหมือนสำนึกผิด ก่อนจะหันหน้าไปหาทุกคนแล้วก็เบ้ปากเหมือนคนถูกขัดใจ
“ก็มันเรียกจนชินไปแล้วนิ” น้องแทนก้มหน้าจนคางชิดคอ สีหน้าสลดลง
“เอาเป็นว่าช่วงนี้พี่จะรอดูความประพฤติแทนแล้วกันนะ ถ้าทำตัวดีพี่จะพาไปด้วย แต่ถ้าเกเรก็อยู่เฝ้าบ้าน” ผมยกมือขึ้นโคลงหัวคนตัวเล็กตรงหน้าเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ไม่อยากให้ไปก็บอกดี ๆ ก็จบแล้ว ไม่ต้องพูดมากขี้เกียจฟัง” คนเจ้าอารมณ์ลุกพรวด แล้วเดินฟึดฟัดหายเข้าไปในบ้าน โดยไม่หันหลังกลับมามองพวกผมที่นั่งหน้าเหวอกันอยู่ เฮ้อ เด็กเอ้ยเด็กน้อย ขี้ใจน้อย เจ้าอารมณ์ไม่ฟังเหตุผลอะไรเลยจริงๆ
“เอาน่ามึง เดี๋ยวค่อยไปง้อ กูเชื่อว่ามึงง้อสำเร็จแน่นอน” ไอ้ธีร์ยักคิ้วให้ผมเหมือนรู้ทัน จริง ๆ พวกมันทุกคนก็รู้ทันผมหมดแหละแค่ไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง
เมื่อเด็กดื้อของผมงอนก็ต้องรีบง้อสักหน่อย ทิ้งเอาไว้นานไม่ดี ผมเดินตามหลังเจ้าคนขี้ใจน้อยจนมาถึงในห้องนอน
“ตามมาทำไม ไม่ต้องย้ำหรอกว่าไม่อยากให้ไป” คนเจ้าอารมณ์ยกมือกอดอกหันหลังใส่ผม
“พี่ยังไม่ได้พูดเลยว่าจะไม่ให้ไป” ผมเดินเข้าไปโอบกอดคนตัวเล็กจากข้างหลัง
“ไม่ต้องมากอด ห้ามกอด ไม่ให้กอด ไม่ให้จูบ จะไปไหนก็ไปเลยไป” น้องแทนหันมาเอามือผลัก และพยายามดันผมออกจากห้อง
“ดีกันนะครับ ไม่งอนนะ” ผมรวบข้อมือคนตัวเล็กแล้วดึงมาหอมแก้มฟอดใหญ่
“โอ้ย ไอ้พี่โฬมปล่อยเลย” น้องแทนขัดขืนพยายามเบี่ยงหน้าหลบผม
“หายงอนก่อนแล้วพี่จะปล่อย”
“ประสาทหรือไงหรือว่าผีเข้า ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยนะ”
น้องแทนสะบัดหน้าใส่ผม ผมเดินหน้าพร้อมกับดันให้คนในอ้อมกอดเดินถอยหลังไปจนสุดที่เตียงนอน แล้วล้มตัวผลักคนตัวเล็กให้ลงไปนอนบนเตียงเบา ๆ
“ไอ้เหี้ยพี่โฬม” น้องแทนตีอกผมแรงๆ หลายครั้ง
“เห็นมั้ยด่าพี่อีกแล้ว” ผมก้มลงหอมแก้มคนพูดคำหยาบหนึ่งที
“ไอ้เหี้ยพี่โฬม”
คนตัวเล็กยังไม่ยอมหยุดด่าผมอยู่ดี ผมก้มลงหอมแก้มน้องแทนอีกฟอดหนึ่ง กลิ่มหอมอ่อน ๆ ปลุกพลังความเป็นชายผมให้ตื่นตัวอีกแล้วในเวลานี้
“ด่าอีกแล้ว”
“จะด่าจนกว่าจะหยุดแกล้งนั่นแหละ” น้องแทนยกมือขึ้นมาดันอกผมให้ออกห่าง
“งั้นพี่ก็จะหอมแก้ม แล้วก็จะจูบจนกว่าแทนจะเลิกด่าพี่” ผมตอบยิ้ม ๆ ครั้งนี้ไม่ใช่หอมแก้มแต่เป็นการลงโทษเด็กดื้อชนิดที่เรียกว่าเด็กดื้อของผมมืออ่อนขาอ่อนทีเดียว
ผมก้มลงจูบเน้น ๆ ที่ริมฝีปากสีชมพูนั่นอย่างเนิบนาบแผ่วเบา ช้า ๆ บางครั้งก็รุกเร้าหนักหน่วง เสียงครางในลำคอของน้องแทนดังออกมาเป็นระยะ ๆ ลมหายใจขาดเป็นห้วง ๆ
“พอแล้ว ๆ ไม่ด่าแล้ว” น้องแทนก้มหน้างุดๆ หลบสายตาผม
“ไม่ด่าอีกหน่อยเหรอ” ผมก้มลงกระซิบที่ข้างหูซึ่ งตอนนี้มันแดงแปร๊ดออกสีชมพูเข้ม
“ไปกลับห้องพี่ไปได้แล้วแทนจะนอน” คนตัวเล็กพลิกตัวหนีพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวจนมิด
“ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ฝันดีนะครับ”
ผมบอกลาทั้ง ๆ ที่ใจจริงแล้วอยากอยู่นอนกอดร่างบางนั้นจนถึงเช้า แต่ก็เอาเถอะ เจ้าตัวเล็กของผมยังหงุดหงิดอยู่เดี๋ยวจะเหวี่ยงขึ้นมาอีก คืนนี้ปล่อยไปก่อนแล้วกัน