ตอนที่ 24 คำบอกรัก

2698 คำ
ตอนที่ 24 คำบอกรัก +++แทน+++ “ไอ้เหี้ยขุน.......เอ้ย......ขุน......พี่ขุน..........ไอ้เหี้ยเอ้ย.......ไม่ชินปากเลยวะ ไอ้สัดแม่ง” ผมร้องเรียกไอ้ขุนพ่อครัวหัวป่าของฟาร์มไว้ ขณะที่มันเอาข้าวเที่ยงมาส่งให้ผม “เรียกธรรมดา ๆ เหมือนเคยก็ได้ครับคุณแทน ผมเข้าใจ” ไอ้ขุนยิ้มร่า “อืม ขุนกู...ผม ... แทน ... โว้ยทำไมมันยากจังวะ” ผมเริ่มหงุดหงิดเพราะเริ่มทำตัวไม่ถูกจริง ๆ เพราะปกติผมปากร้ายอย่างกับอะไรดี แล้วนี่อยู่ ๆ จะให้เปลี่ยนไปพูดเพราะ ๆ เลยก็ดูกระดากยังไงชอบกล “เรียกเอาที่คุณแทนสบายใจเถอะครับ คุณแทนกระดากปาก ผมก็จั้กจี้หูเหมือนกัน” ไอ้ขุนบอกผม “คือกูอยากกินต้มยำปลาช่อนแบบเมื่อวานอีก มึงยังมีปลาช่อนเหลืออีกหรือเปล่า” ผมถามมันเพราะเมื่อวานนี้มันอร่อยจริง ๆ นะครับ น้ำต้มยำแบบใส ๆ รสชาติแซบโคตร ๆ ผมไม่เคยกินที่ไหนอร่อยเท่าที่ไอ้ขุนทำเลย ขนาดในร้านอาหาร ภัตตาคารหรู ๆ ก็สู้ไม่ได้เลย “ไม่มีปัญหาครับเดี๋ยวผมทำมาให้” ไอ้ขุนยักคิ้ว “ไม่เอากูอยากให้มึงสอนกูทำ กูอยากทำเอง” ผมรีบบอกเจตนาความตั้งใจของผมให้มันฟังทันที “ห้ะ คุณแทนนี่นะครับจะทำกับข้าวเอง” มันร้องเสียงดังทำตาโตเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง “มึงจะตกใจอะไรขนาดนั้น มาอยู่นี่กูก็หัดทำอะไรเองตั้งหลายอย่าง จะเพิ่มทำต้มยำปลาอีกอย่างมันจะผิดตรงไหนวะ ตกลงมึงจะสอนกูหรือไม่สอน” ผมเริ่มหงุดหงิดยกมือขึ้นมาเท้าเอวมองหน้ามัน “สอนสิครับสอน แล้วคุณแทนจะไปทำที่ร้านพี่ชาหรือว่าจะให้ผมมาสอนที่บ้านครับ” ไอ้ขุนถาม “ที่บ้านนี่แหละไม่อยากไปวุ่นวายที่ร้านไอ้พี่ชา” เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น บ้านไอ้พี่โฬมไฟไหม้ไม่เป็นไร แต่กูก็ยังไม่อยากไปเผาร้านไอ้พี่ชาให้ชิบหายวายป่วง ตอนเย็นประมาณเกือบๆ ห้าโมงเย็นไอ้ขุนก็ขี่มอเตอร์ไซค์พร้อมหอบหิ้วอะไรมาเต็มสองมือ ไอ้ขุนเดินเข้ามาในครัวแล้วจัดแจงเตรียมของทุกอย่าง “ไม่เอาสิ กูให้มึงมาสอนกู ไม่ได้ให้มึงมาทำให้กูแดก” ผมร้องทักบอกมันทันที เมื่อเห็นมันกำลังจะลงมือทำอะไรกับปลาสักอย่าง “คุณแทนจะทำเองทั้งหมดตั้งแต่ต้นเลยหรือครับ” ไอ้ขุนเบิกตาโต “ก็เออสิวะ” ผมตอบมันทันที “โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มจากนี่เลยครับ คุณแทนเอาปลาสามตัวนี้มาล้างน้ำเลยครับ ล้างแค่พอเอาเมือกมันออกนิดหน่อยพอนะครับ เดี๋ยวเราต้องมาขอดเกล็ดปลา” ไอ้ขุนอธิบายผมรีบทำตามมันบอกทันที “คุณแทนลงน้ำหนักมือหนักกว่านี้หน่อยก็ได้ครับ ปลามันตายแล้วมันไม่เจ็บหรอกครับ” ไอ้ขุนยืนจ้องผม ซึ่งกำลังใช้ความอดทนและความพยายามอย่างหนักในการขอดเกล็ดปลา นี่เป็นการทำกับข้าวครั้งแรกในชีวิตของผมเลยนะครับ มันเลยดูทุลักทุเลเอามาก ๆ ไม่เคยนึกไม่เคยฝันเลยว่าปลาที่กิน ๆ อยู่นี่แม่งมีวิธีการทำที่โคตรยุ่งยาก “โอ๊ย” ผมร้องเสียงหลง เมื่อมีดบาดเข้านิ้วมือเป็นครั้งที่สี่ หลังจากใช้มีดหั่นปลา และพยายามหั่นแง่งข่าให้มันเป็นแว่นๆ ไอ้ข่าเวรนี่ก็ดิ้นไปดิ้นมาไม่หยุดนิ่งเลย มึงต้องเป็นข่าที่มีชีวิตไอ้สัด หั่น ๆ อยู่แม่งก็ดิ้นกระโดดหนีมีดผมตลอด ไอ้ขุนให้ผมเตรียมเด็ดใบมะกรูด หนามมะกรูดแม่งก็ทิ่มมือผมจนเป็นรูเลือดไหลซิบ ๆ ไปสองสามรู สิบนิ้วมือของผมตอนนี้ มันมีพลาสเตอร์ยาแปะจนรอบไปหมดเกือบจะครบทุกนิ้วก็ว่าได้ ผมใช้เวลาเตรียมของสำหรับทำต้มยำโดยมีไอ้ขุนเป็นคุณครูยืนกำกับอยู่ข้าง ๆ มาสองชั่วโมงแล้ว จนตอนนี้ก็ปาเข้าไปทุ่มนึง ซึ่งมันเลยเวลาทานข้าวปกติของพวกเราไปแล้วครับ “คุณแทนรอให้น้ำเดือดก่อนนะครับ” ไอ้ขุนบอกผม ผมนี่ยืนรออย่างใจจดใจจ่อ ไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเลย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้พวกหกลูกกรอกที่เหลือ กับลูกพี่มันทั้งสามคนมายืนอยู่ในครัวจนแน่นไปหมด “พวกมึงมายืนทำเหี้ยอะไรกันเยอะแยะไปหมด” ผมยกทัพพีในมือชี้หน้าไอ้ปืน “ก็พวกผมมาให้กำลังใจคุณแทนไงครับ แล้วก็รอกินข้าวด้วยครับหิวแล้ว” ไอ้ปืนตอบพร้อมกับหัวเราะ “พวกมึงอย่าเร่งกูได้มั้ย กูกดดัน กูตื่นเต้น ไป ๆ ออกไปกันเลยนะพวกมึง ก่อนที่กูจะจับพวกมึงยัดลงหม้อลงมาต้มแทนปลาช่อน” ผมเอ่ยปากไล่ แล้วหันหน้าไปหาไอ้ขุนเชฟชาวบ้านต่อ “มันร้อนหรือยัง” ผมเอ่ยถามชะโงกหน้าเข้าไปดูน้ำในหม้อ “คุณแทนสังเกตดูครับ ถ้าเกิดว่ามันมีพรายน้ำแบบฟอง ๆ ผุดขึ้นมาแบบนี้ แสดงว่าน้ำมันร้อนแล้ว คุณแทนก็ใส่เครื่องต้มลงไปได้เลยครับ “โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย” ผมร้องสะดุ้งเพราะน้ำร้อนกระเด็นใส่ตอนที่ผมโยนเนื้อปลาลงหม้อ “เฮ้ย คุณแทนอย่าโยนอย่างนั้นสิครับ ต้องค่อย ๆ ใส่ลงไป” ไอ้เชฟขุนทำให้ดู ก็ใครจะไปรู้วะ เห็นน้ำมันเดือด ๆ ไอร้อนก็ขึ้น กูก็ไม่กล้าเข้าใกล้เลยโยนแม่งลงไปเลย ที่ไหนได้น้ำร้อนกระเด็นลวกมือกูจนแสบไปหมด “คุณแทนใจเย็น ๆ นั่นเกลือนะครับ เบา ๆ” ไอ้ขุนคว้ามือพร้อมสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อผมคว้าขวดใส่เกลือขึ้นมาทำท่าจะเทลงหม้อ “ก็เมื่อกี้มึงบอกให้กูใส่เกลือ” ผมเอียงคอถามมัน “ครับใส่เกลือ แต่ไม่ใช่เทลงไปทั้งขวดครับ ต้องค่อย ๆ ใส่ ค่อยๆ ปรุงนะครับ” ไอ้เชฟขุนสอนผมปรุงทีละขั้นตอน ผมเพิ่งรู้ว่ากับข้าวแต่ละอย่างนี่ กว่าจะได้แดกแม่งวุ่นวายชิบหาย ตอนเตรียมก็ยาก ตอนทำก็ยาก ผมพาลนึกไปถึงเมื่อก่อนนี้ ที่ผมเรื่องมากอยากกินนั่นอยากกินนี่ตามใจ แล้วด่าทออาละวาดโวยวายใส่พวกแม่บ้านแม่ครัว ที่ทำอะไรไม่ทันใจผม พอนึกขึ้นมาได้ก็รู้สึกหวิว ๆ ในใจแปลกพิกลเหมือนกัน +++โฬม+++ เมื่อเย็นผมได้ยินไอ้พวกลิงทั้งหลายบอกว่า ไอ้ขุนกำลังสอนน้องแทนทำต้มยำปลาช่อนในครัว จึงไปยืนดูอยู่ห่าง ๆ พอเข้าไปเห็นคนตัวเล็กที่กำลังยืนฟังไอ้ขุนอธิบายนั่นนี่อย่างตั้งใจ ใบหน้าหวานดูแน่วแน่ ไม่มีแววของเด็กดื้ออยู่เลย ที่มือมีร่องรอยพลาสเตอร์ยาแปะอยู่เต็มไปหมด เหมือนเป็นหลักฐานว่านี่คงเป็นผลงานชิ้นแรกของน้องแทนแน่ ๆ พวกผมไปยืนลุ้นอยู่ไม่นาน เจ้าตัวแสบก็โบกมือและออกปากไล่พวกผมออกมารอข้างนอกจนได้ “ปกติต้มยำหม้อเดียวไอ้ขุนทำไม่เกินชั่วโมงก็เสร็จ นี่สามชั่วโมงแล้วนะ กูหิวจนตาลายแล้วเนี่ย” ไอ้ปืนนั่งเอาคางเกยไปกับโต๊ะตามองกับข้าวตรงหน้าตาละห้อย “ถ้าหิวมึงก็แดกไปก่อนสิ” ไอ้ไผ่ยื่นตีนไปเตะหน้าแข้งเพื่อนที่ใต้โต๊ะ “ไม่เอาอ่ะ กูอยากรอคุณแทน เห็นดื้อ ๆ แบบนั้นเมื่อกี้เห็นหน้าตาโคตรเอาจริงเอาจังเลย น่ารักดี” ไอ้ปืนว่า “แหม คุณแทนอะนะ ถึงจะเอาแต่ใจไปบ้างแต่เวลาจะลงมือทำอะไรขึ้นมาจริงๆ จังๆ ก็ตั้งใจมากนะเว้ย” ไอ้เต้ยพูดขึ้นมาบ้าง “แหม...ใช่สิเดี๋ยวนี้มึงกับคุณแทนสนิทกันนิ กูเห็นเอะอะอะไรก็มาหาแต่คุณแทน ห้องหับไม่กลับมึงนี่นะ” ไอ้เสกร้องขึ้น ไอ้เต้ยก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตา “กูก็แค่แวะมาดูคุณแทนเฉย ๆ” ไอ้เต้ยตอบเสียงเบา “อืม กูเชื่อ” ไอ้พวกลูกกรอกยิ้มล้อเลียนไอ้เต้ย เกือบสองทุ่ม หม้อต้มยำปลาช่อนถูกไอ้ขุนยกออกมาจากในครัว กลิ่นต้มยำหอมฉุยลอยมาเตะจมูกพวกผมจนท้องร้อง ก็ไม่อยากจะอวยคนน่ารักแต่มันหอมจริง ๆ ครับ ไอ้ขุนจัดการตักต้มยำใส่ชามมาวางไว้กลางโต๊ะ ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของทุกคน แล้วบรรดาเปรตหิวโหยก็ตักน้ำต้มร้อน ๆ ซดดังโฮกใหญ่ “..........” น้องแทนยังไม่ยอมกิน ได้แต่นั่งจ้องคนอื่น ๆ เหมือนกำลังลุ้นอยู่ว่ารสชาติมันจะถูกใจคนกินหรือเปล่า แต่ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีใครพูด ไม่มีใครกล้าหันมาสบตาเจ้าคนตัวเล็กสักคน จนตอนนี้เจ้าตัวเริ่มหน้าเสีย แล้วก็หน้าหงิกงอขึ้นเรื่อย ๆ น้องแทนเอื้อมมือไปตักน้ำต้มขึ้นมาจ่อริมฝีปากช้า ๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วก็ยกซดเข้าปาก “........” น้องแทนหันหน้ามาหาผม ทำหน้างง ๆ “เย้...” เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังเกรียวขึ้นมารอบโต๊ะจนน้องแทนสะดุ้ง “อร่อยมากครับคุณแทน นึกว่าจะกินไม่ได้ซะแล้ว ไอ้ปืนตะโกนมาจากท้ายโต๊ะ “โธ่ ไอ้ชิบหาย พวกมึงแกล้งกูเหรอ” น้องแทนหันไปค้อนให้ไอ้พวกที่เหลือนิดหนึ่งแล้วก็นั่งยิ้มหน้าบาน “อืม...วันหลังถ้าขาดเชฟ พี่คงต้องมายืมตัวน้องแทนแล้วนะครับ นี่ฝีมือใกล้เคียงไอ้ขุนเลยนะ” ไอ้ใบชาร้องทักหลัง “ก็ถ้าพี่ชาอยากแต่งร้านใหม่เมื่อไหร่ก็บอกแทนละกัน จะไปช่วยเผาร้านให้” น้องแทนตอบยิ้ม ๆ ตักข้าวใส่ปากอย่างอร่อย “อร่อยมั้ย” น้องแทนกระแทกไหล่มาหาผมพร้อมกับยักคิ้วให้ “อร่อย...เก่งมากครับ” ผมยกมือขึ้นมาลูบหัวคนตรงหน้าเบา ๆ เอียงคอมองคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู "นี่เป็นอาหารจานแรกที่แทนทำเลยนะ" น้องแทนยิ้มแก้มปริ นั่งจ้องชามต้มยำอย่างภูมิใจ "เก่งมาก" ผมลูบผมเส้นบาง ๆ นุ่ม ๆ ของคนตัวเล็กอย่างเบามือ" น้องแทนนิ่งไปนาน เหมือนเจ้าเด็กดื้อจะกำลังใช้ความคิดกับอะไรบางอย่างในใจ สีหน้าเรียบนิ่งไปนาน มือทั้งสองจับช้อนส้อมเขี่ยข้าวในจานเล่นไปมา สักพักก็หยุดนิ่งแล้วก็นั่งเหม่อมองไปไม่มีจุดหมาย ผมเห็นหลายคนเริ่มจับสังเกตได้และดูละแอบ ๆ มองกันอยู่เงียบ ๆ “น้องแทนเป็นอะไรหรือเปล่า พวกพี่ไม่ได้แกล้งชมนะต้มยำนี่อร่อยจริง ๆ” ไอ้พี่ธีร์เอ่ยขึ้นมันก็คงมอง ๆ อยู่เหมือนกันเพราะน้องแทนดูนิ่งผิดปกติ “เปล่าครับ แทนแค่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” น้องแทนตอบผมเรียบ ๆ แต่รู้ว่าเบื้องหลังคำว่าไม่มีอะไรนั้น มันต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูไม้บานใหญ่ แล้วผลักมันให้เปิดออก ผมเข้าออกห้องนี้จนชิน และรู้ว่าเจ้าของห้องไม่เคยล็อคประตูห้องเลยสักครั้ง น้องแทนนั่งกอดเข่าใช้คางเกยหัวเข่าตัวเองอยู่ที่ปลายเตียง สายตาเหมือนจะเหม่อลอยไปไม่มีจุดโฟกัส “ทำอะไรอยู่ครับ” ผมเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ คนตัวเล็กกว่าแล้วถามอย่างอ่อนโยน “คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” น้ำเสียงของคนนั่งข้าง ๆ ผมทำให้ผมรู้สึกกังวลใจขึ้นมา เพราะน้องแทนไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน แม้กระทั่งตอนที่เพิ่งถูกส่งมาอยู่ที่ฟาร์มแห่งนี้ใหม่ ๆ ก็เถอะ “ไอ้อะไรเรื่อยเปื่อยที่แทนว่า มันคือเรื่องอะไรครับไหนบอกพี่สิ” ผมโอบแขนไปกับไหล่บาง แล้วรั้งให้คนตัวเล็กซบลงมาที่อกผม น้องแทนเอนตัวลงมาแล้วเอื้อมแขนทั้งสองข้างโอบกอดเอวผมไว้ “คิดถึงบ้าน” ประโยคเดียวสั้น ๆ แต่ทำให้ผมใจหาย “อยากกลับบ้านเหรอ” ผมรู้สึกจุกๆ ข้างในอกยังไงบอกไม่ถูกมันตื้อ ๆ แปลบ ๆ ชอบกล “เปล่า แทนแค่คิดถึงเมื่อก่อนนี้ แทนทำนิสัยแย่ ๆ ใส่คนอื่นเยอะแยะเลย แทนนิสัยเสียมากใช่มั้ย” เจ้าเด็กดื้อเงยหน้าขึ้นมาหาผม ช้อนสายตามองจนผมใจสั่น อย่ามายั่วยวนกันบ่อยนักเลยแค่นี้อกผมก็จะระเบิดอยู่แล้ว “พูดตามตรงก็ใช่ เป็นเด็กนิสัยเสีย ดื้อ เอาแต่ใจ อารมณ์ร้อน ชอบทำลายข้าวของ พูดจาหยาบคาย ไม่ฟังเหตุผล” ผมกระชับร่างนั้นเข้ามาแน่นอีกนิด พร้อมกับฝั่งจมูกลงบนเรือนผมสีดำสนิท ที่ส่งกลิ่นหอมแชมพูราคาแพง จนผมรู้สึกหวิว ๆ ที่ท้องน้อยอีกแล้ว “หึ” คนตัวเล็กพ่นลมออกมาฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียด “เออ...แทนมันไม่มีดีสักอย่างอยู่แล้วนิ” เจ้าเด็กดื้อผลักอกผมแรง ๆ ขืนตัวจะลุกหนีไป “ใครบอกว่าไม่มีดี พี่ยังไม่ได้พูดเลยสักคำ” “ก็ไอ้ที่ด่าแทนเมื่อกี้นั่น ยังเหลือข้อดีอะไรให้พูดถึงอีกล่ะ” น้องแทนพยายามจะลุกหนีจากผม “อย่างอื่นพี่ไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ น้องแทนเป็นเด็กดื้อ เด็กเอาแต่ใจ....ที่พี่...รัก นี่ครับ”.... "หือ ว่าไงนะ" น้องแทนชะงักหันมาทางผมทำสีหน้าตื่นๆ "ฟังไม่ถนัดเหรอ พี่บอกว่า...พี่รักน้องแทนนะครับ" ผมย้ำอีกครั้ง "พูดบ้าอะไรเนี่ย" น้องแทนหน้าแดงซ่านไปหมด น่าหมั่นเขี้ยวจริง ๆ ให้ตายเถอะ ผมจับคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตักผมได้สำเร็จอีกครั้ง แล้วไม่ต้องรอให้หัวใจ และความต้องการของตัวเองรอนาน ผมโน้มใบหน้าหวาน ๆ นั้นเข้าหาตัว แล้วมอบจูบดูดดื่มให้คนตรงหน้าอย่างเรียกร้องและเร่งเร้า น้องแทนยอมให้ผมจูบแต่โดยดี ใบหน้าหวานๆ หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ผมจัดการถอดเสื้อนอนลายทางเจ้าของห้องออกไปให้พ้นตัว แล้วตักตวงความหอมหวานจากเรือนร่างบอบบางนั้นอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจถี่ ๆ ของทั้งผมและน้องแทนดังสอดประสานกันอยู่ดังไปทั่วห้อง แม้เป็นเพียงการปลุกเร้าอารมณ์ที่ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าการใช้มือและปาก ก็ช่วยให้เราสองคนไปสู่จุดสุดยอดทางอารมณ์แล้ว แต่มันก็ทำให้ทั้งผมและน้องแทนมีความสุขร่วมกันมากจริง ๆ ตอนนี้น้องแทนอ่อนระทวย จนเหมือนขี้ผึ้งเหลวในมือผม แต่ก็ยังใจแข็งไม่ยอมผมอยู่ดี ร่างบางที่นอนซุกกับอกผมหลับไปแล้วคงเพราะความเพลีย จากที่วันนี้เล่นสนุกมาเกือบตลอดทั้งวัน แล้วผมยังเอาแต่ใจรีดน้ำน้องแทนออกมาจนได้สองรอบ ซึ่งเจ้าตัวก็คงเพลียหนักกว่าเดิมไปอีก “ใจแข็งจังนะไอ้ตัวเล็ก” ผมจูบซับลงบนพวงแก้มนิ่ม ๆ นั้นอีกครั้ง แล้วตัดใจให้น้องแทนได้นอนพัก เอาเป็นว่าตอนนี้คงต้องอดใจรอไปก่อน ถ้าน้องแทนยินยอมเมื่อไหร่ วันนั้นผมจะเอาคืนให้สมกับที่ต้องพยายามข่มใจตัวเองในวันนี้เลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม