ตอนที่ 12 หลักฐานมัดตัว
+++แทน+++
วันนี้ผมต้องคอยเหลือบมองนาฬิกาบ่อย ๆ กลัวลืมเวลาเดี๋ยวจะซักผ้าไม่เสร็จ นี่ขนาดซักมาตั้งแต่เช้าแล้วนะยังไม่เสร็จสักที เห็นทีจะต้องใช้ไม้ตายซะแล้ว
มื้อค่ำวันนี้ดูแปลกตาจริง เพราะมีเตาไฟมีถ่านแดงๆ ร้อนอยู่ข้างบนเป็นเตาหมูกระทะโค้ง ๆ นูน ๆ ผมเคยเห็น แต่ไม่เคยกิน ปกติกินปิ้งย่างในห้างหรือในภัตตาคารมันไม่มีแบบนี้ เตาแบบนี้กินยาก ปิ้งยากชะมัด เพราะปิ้ง ๆ อยู่เดี๋ยวมันก็ไหลลงไปกองรวมกันในช่องน้ำซุปเฉย แถมปิ้ง ๆ ไปมันก็ทั้งดีด ทั้งกระเด็นใส่ผมจนแสบไปทั้งตัว
วันนี้มันดีจริง ๆ นะ เพราะไอ้เหี้ยพี่โฬมมีเหล้ามาเลี้ยงด้วย เหล้าอะไรไม่รู้ขวดสวย ๆ ฉลากลายไทยแต่แรงโคตร กินทีบาดลึกจนคอแทบขาด บอกได้เลยว่าถึงใจมาก กินแรก ๆ ก็บาดคออยู่หรอกแต่พอกินไปสักพักเริ่มคุ้นละ
เมื่อถึงกำหนดเวลา ไปเอากางเกงนอนออกจากเครื่องซักผ้า ผมก็ลุกขึ้นเดินอ้อมไปทางหลังบ้านเพื่อตากกางเกงนอน เสื้อเชิ้ตที่ตากไว้เมื่อเช้าแห้งแล้วล่ะ ตอนนี้เหลือเสื้อผ้าอยู่อีกหลายตัวในตระกร้า กูซักแบบนี้ชาติไหนจะเสร็จวะเนี่ย
“ซักผ้าเหนื่อย ทำไมไม่ให้ไอ้เต้ยมันซักให้ล่ะครับน้องแทน” ไอ้พี่ใบชาเอ่ยถามผม ผมหันไปเลิกคิ้วสูง เข้าทางกูพอดี
“เต้ยจะซักให้เหรอ” ผมรีบไปถามทันที นี่มันเข้าทางผมเป๊ะ ไอ้เต้ยสะอึกดังฮึก นี่เขาคงกลัวผมอาละวาดกันอยู่ใช่มั้ย ถึงไม่มีใครสบตาผมเลย
“ครับ ซักให้ได้ครับ” ไอ้เต้ยไม่กล้าเงยหน้าสบตาผม
“แต่ว่ามันยังเหลืออีกหลายตัวเลยนะ”ผมทำเสียงอ่อนเสียงหวานให้ดูน่าสงสารที่สุด ส่วนคนนั่งข้างๆ ผมนี่ก็ไม่รู้เป็นอะไรยุกยิก ๆ คงคิดจะสั่งห้ามไม่ให้ไอ้เต้ยช่วยผมซักผ้าละสิ
“ครับไม่เป็นไรครับ ผมซักได้” ไอ้เต้ยยิ้มให้ผมมันต้องอย่างนี้สิไอ้แทนมึงมาถูกทางแล้วเว้ย
“อ่อ...ผมไม่ได้เอาแต่ใจนะ ไอ้เต้ยเขาจะช่วยผมเอง” ผมรีบหันไปหาคนข้าง ๆ ทันที เพื่อยืนยันว่าผมเปล่าเอาแต่ใจนิสัยเสียนะ ก็ไอ้เต้ยเสนอตัวมาช่วยผมเองนี่
“อืม” เสียงตอบสั้น ๆ ห้วน ๆ เชอะคงจะแอบคิดอะไรชั่ว ๆ ในหัวเอาไว้แกล้งผมอีกแน่ ๆ เลย
“อยู่กันตั้งหลายคนทำไมไม่ซื้อเครื่องซักผ้าให้มันหลายๆ เครื่องหน่อยล่ะ” ผมแอบรำพึงออกมาเบา ๆ เผื่อว่าเจ้าของบ้านตัวโตได้ยิน แล้วคิดจะซื้อเครื่องซักผ้าเพิ่มอีกสักสองสามเครื่องอย่างน้อยให้มันซักได้ทีละหลาย ๆ ตัวหน่อยก็ยังดี
+++โฬม+++
เวลามื้อค่ำวันนี้ล่วงเลยมาจนห้าทุ่มกว่าแล้ว เพราะมันมีเหล้าเข้ามานั่นเอง น้องแทนท่าทางจะเมาหนัก เพราะว่าตั้งตัวไม่ตรง แล้วโงนเงนเอนตัวมาซบลงที่ไหล่ผมหลายครั้ง หันไปซบไอ้ธีร์ก็หลายที ผมจึงบอกให้ทุกคนเก็บโต๊ะ แล้วแยกย้ายไปนอน ผมอุ้มเอาคนเมาไว้ในอ้อมแขนแล้วก็พากลับขึ้นไปส่งบนห้อง
“อื้อ...”
เสียงคนเมาร้องอย่างขัดใจ เมื่อผมพยายามจะเช็ดตัวให้ คนเมาไม่รู้เรื่องสะบัดหน้าไปมา มือไม้สะบัดสะเปะสะปะก่อนจะวางราบแผ่ไปกับเตียงนอน ใบหน้าหวานนั้นแดงก่ำ ริมฝีปากที่เคยชมพูระเรื่อเปลี่ยนเป็นสีแดง ริมฝีปากเผยอออกน้อย ๆ ดวงตาทั้งสองปรือขึ้นเล็กน้อย
“ไอ้เหี้ยพี่โฬม” เสียงเรียกชื่อผม ดังเล็ดลอดออกมา สรุปไม่รู้ว่าจะเรียกชื่อผม จะนับถือผม หรือจะด่าผมกันแน่
“ครับ” ผมตอบรับเสียงสั่น ไม่ใช่แค่เสียง แต่ตอนนี้ใจผมสั่นไปหมด มันปวดตึงไปหมดนี่มันอะไรกันวะ
“ลุกอ่ะ”
เสียงอู้อี้ของคนเมาฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ดูเหมือนอยากจะลุกจากเตียง น้องแทนผงกหัวขึ้นมาแต่ทำไม่สำเร็จ สองสามวินาทีเรียวแขนบอบบางก็เกี่ยวเข้าที่เอวผม มือบาง ๆ เกาะกุมเข็มขัดและขอบเอวกางเกงยีนส์ผม แล้วดึงรั้งลงมาจนตัวผมล้มทับร่างบางนั้นจมหายไปกับเตียง
“อื้อ”
คนตัวเล็กใต้ร่างผมคงพยายามจะลุก และดิ้นออกหนีออกจากร่างของผม ที่โถมทับเขาเอาไว้ คนเมาจึงกางแขนกางขาออก
คนตัวเล็กที่เมาจนแทบไม่ได้สติ โอบแขนเข้ามาใต้รักแร้ผม ดึงรั้งผมไว้เหมือนจะพยายามลุกขึ้นนั่ง ขาทั้งสองข้างชันขึ้นมันแยกกางออกจน ให้ตายเถอะ
ตอนมีสติดี ๆ ก็ทำให้ผมปั่นป่วน พอเมานี่ก็ทำให้ผมแทบคลั่งจริง ๆ ท่อนขาเรียวสองข้างแยกออกจากกัน ชันขึ้นแล้วเจ้าของร่างบางนั้นก็พยายามจะลุกขึ้นนั่ง คนเมาพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างลำบาก มันจะลุกขึ้นได้ยังไง ในเมื่อผมคร่อมร่างนี้เอาไว้อยู่ ร่างบางที่เกี่ยวไปเกี่ยวมาลูบคลำผมไปจนทั่ว ทุกสัมผัสจากร่างนั้นไม่ว่าจะมือ แขน ขา แล้วบั้นเอวที่ดันตัวขึ้นมาปะทะร่างผมมันทำให้ผมแทบคลั่ง
ตลอดระยะเวลาสามสิบปี ที่ผมโตและใช้ชีวิตมา บอกเลยว่าผมไม่ได้มีรสนิยมทางเพศแบบรักเพศเดียวกัน ผมเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงผ่านมาหลายคน และที่เคยมีสัมพันธ์แบบชั่วครั้งชั่วคราวก็เยอะ
ผมไม่ได้รังเกียจหรืออคติใดๆ กับพวกตุ๊ด พวกเกย์เพราะคิดว่ามันคงเป็นความชอบของพวกเขา และอีกอย่างมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ความรู้สึกของผมในเวลานี้มันจะใช่เหรอ ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่น้องแทนเข้ามาที่นี่
หลายครั้งที่เด็กคนนี้ทำให้ผมหวั่นไหว ทำให้ผมใจสั่น ทำให้ผมเริ่มสับสนในตัวเอง ผมแค่ชอบผิวขาว ๆ ของน้อง ผมแค่ชอบตาโต ๆ คู่นี้ ชอบริมฝีปากบาง ๆ ที่เอาแต่พ่นคำหยาบคายใส่ผม ด่าทอผมเสีย ๆ หาย ชอบมือเล็ก ๆ นิ้วเรียว ๆ ที่เอาแต่ขว้างปาข้าวของ สมบัติที่ผมหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงมันพังไปเพราะมือบางคู่นี้ แต่แค่ความชอบนี้มันจะเป็นเครื่องบ่งชี้เหรอว่าผมชอบเพศเดียวกัน ผมพินิจใบหน้าหวานนั้นนิ่ง พลางใช้นิ้วมือเกลี่ยแก้มขาวอมชมพู ที่แดงระเรื่อนั้นเล่นอย่างเพลิดเพลินและสนุกมือ หวานมั้ยนะ มันจะเป็นยังไงนะถ้า
“.........” ลมหายใจอุ่น กรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์ทำเอาผมสติแทบเตลิด
“อื้อ..”
ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ ริมฝีปากบาง ๆ ช่างนุ่มนิ่มและหวานฉ่ำเหลือเกิน ริมฝีปากบางนั้นเผยอขึ้นรับจูบจากผม ถึงจะดื้อดึงแสนพยศบ้าง แต่เจ้าของริมฝีปากนั้นขัดขืนผมอยู่เพียงชั่วครู่ แล้วก็ยินยอมให้ผมตักตวงเอาความหอมหวานนั้นอย่างว่าง่าย
ผมคงโลภมากจนเกินไป แต่ใครล่ะจะห้ามใจได้ เมื่ออยู่ในสถานการณ์อันสุดจะหักห้ามนี้ ผมสูดกลิ่นอันหอมหวานนั้นเข้าไปเต็มปอด แก้มขาว ๆ นั้นนุ่มนิ่ม
ลมหายใจอุ่น ๆ กรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์เข้ม ๆ ปลุกให้ผมตื่นไปทั้งตัว ผมซุกใบหน้าของผมลงกับซอกคอขาว สูดกลิ่นไอความเอาแต่ใจของน้องแทนเข้าไป ก่อนจะจูบซับไปทั่ว ขบเม้มติ่งหูนิ่มและดูดมันเบา ๆ เสียงคนตัวเล็กครางในลำคอ ไม่รู้ว่าพอใจหรือขัดใจ แต่มันทำให้ผมไม่อยากผละจากไป
ผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนนั้นออก แผงอกขาวมีปื้นแดง ๆ ตั้งแต่ลำคอลงมา เพราะฤทธิ์เหล้าไทยเมื่อช่วงค่ำ ผมจูบอย่างหื่นกระหาย มันหยุดไม่ได้แล้วจริง ๆ ผมเม้มปากจูบลงบนตุ่มไตสีชมพูสดทั้งซ้ายขวา ร่างของคนเมาบิดเร่าไปมาอย่างทรมาน มือเรียวบางเลื่อนขึ้นมาขยุ้มหัวผมไว้ ผมลากลิ้นสาก ๆลงมาตามแผงอก ลำตัว หน้าท้อง และหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงยีนส์สีขาว ผมรู้ว่าคนเมาก็คงมีอาการไม่ต่างจากผม เพราะเจ้าคนตัวเล็กนี่ก็ตื่นตัวเต็มที่แล้วเหมือนกัน
ใครไหวก็ไปก่อนเลยแต่ผมไม่ไหว ผมจัดการปลดกางเกงของคนเมาออก แล้วเหวี่ยงมันออกไปกองอยู่ที่พื้นห้องปลายเตียง บอคเซอร์สีฟ้าอ่อนถูกแท่งเนื้อที่อยู่ด้านล่างดันจนมันตุงขึ้นมาอยู่ตรงหน้าผม
ผมก้มหน้าลงไปสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม และกลิ่นเหงื่อเฉพาะของเจ้าเด็กตัวแสบคนนี้ ผมใช้สันจมูกเขี่ยมันเล่นผ่านเนื้อผ้าบางเบา ดูมันคงชอบละมั้ง เพราะมันขยายตัวเต็มที่ ตั้งชันขึ้นมาอวดอยู่ต่อหน้าท้าทายผม
ผมใช้ริมฝีปากงับมันเล่นเบา ๆ คนเมาแอ่นสะโพกขึ้นมารับผมจนผมแทบบ้า มือบางขยุ้มหัวผมไว้ท่อนขานั้นยกขึ้นมาพาดไว้บนไหล่ทั้งสองของผม โว้ย ... จะบ้าตาย
“อย่า...”
เสียงคนเมาร้องโวยวาย ดึงสติผมกลับมา คนเมาดิ้นเร่าๆ มือไม้ปัดป่ายไปทั่ว ผมถอนหายใจหนัก ๆ แล้วดึงเอาผ้าห่มขึ้นมาห่มให้คนเมาแล้วรีบออกจากห้องไปอย่างไวที่สุด ขืนอยู่ต่อผมคงห้ามใจไม่อยู่แน่ ๆ
+++แทน+++
เครื่องดื่มบำรุงตับถูกยื่นส่งมาไม่หยุด นี่พวกมึงคิดจะมอมเหล้ากูกันหรือไงวะ แดกจนตับกูปลิ้นออกมาข้างนอกแล้วมั้งเนี่ย ในหัวของผมมึนตื้อไปหมด เมาสัดปลัดไม่ต้องบอก กูรู้ตัวดี เหล้านี่เมาสัด
ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน มารู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของผมก็สัมผัสอยู่กับเตียงนอนนุ่ม ๆ แล้ว ไอ้เตียงนี่ก็แปลก นอนคืนสองคืนแรกรู้สึกว่ามันโคตรแข็งเลย แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ต่างกับเตียงนอนราคาหลักแสนที่บ้านของผม ตอนนี้อะไรก็ได้ขอแค่ให้ผมได้นอนเถอะ เมาชิบหาย
ใครไม่รู้มาวุ่นวายอยู่กับเสื้อผ้าของผม ถอดออกก็ดีนะร้อนจะตายอยู่แล้ว ปวดฉี่ ผมรู้สึกว่าตัวเองต้องไปห้องน้ำเพื่อระบายน้ำออก หลังจากดื่มเข้าไปอย่างหนัก แต่ไม่รู้ทำไมลุกขึ้นนั่งไม่ได้สักทีใครมานอนทับกูไว้เนี่ย ไอ้สัดเอ๊ย กูปวดเยี่ยว
ปากของผม ร่างกายของผม จูบเหรอ ผมเมาหนักจนฝันเลอะเทอะอะไรอย่างนี้นะ แล้วนั่นอะไร ใครมาทำอะไรกับกางเกงผม อะไร...ใครไม่รู้ รู้แค่มันรู้สึกดีชะมัด ดีจนไม่อยากให้หยุด อารมณ์เสียวซ่านวาบหวิวแบบนี้
“อย่า...” อย่าเพิ่งหยุดสิ กำลังรู้สึกดีสัดๆ หยุดทำไมวะ ผมหงุดหงิด
ผมลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เช้าแล้ว อาการเมาค้างอย่างไม่ต้องสงสัย ในหัวนี่มึนตึ้บไปหมด ผมยกมือขึ้นมาทุบหัวตัวเองหนัก ๆ สองสามที คงสายมากแล้ว เพราะทุกทีเวลาผมดื่มหนัก ๆ วันรุ่งขึ้นกว่าจะตื่นก็ปาไปเที่ยงหรือบ่ายโมงเลย
ผมลุกขึ้นจากเตียง ได้ยินเสียงคนคุยกันดังอยู่ข้างล่าง ผมชันตัวลุกขึ้นชะโงกหน้าเปิดผ้าม่านออกดู จึงเห็นว่าข้างล่างเพิ่งจะตั้งโต๊ะสำหรับมื้อเช้า ผมคว้าเอานาฬิกาข้อมือหัวเตียงมาดูเจ็ดโมงสิบนาที นี่ผมกลายเป็นคนตื่นเช้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
เสื้อ กางเกง เฮ้ย ใครถอดเสื้อผ้าผมวะ ผมโครงหัวไปมาพยายามคิดทบทวนเรื่องราวเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ผมยกแก้วสุดท้ายชนกับไอ้พี่ธีร์และคนอื่น ๆ ฝันเมื่อคืนหรือไม่ใช่ฝัน หรือกูเสี้ยนเกินไป บ้าบอ ใครจะมาทำอย่างนั้น ที่นี่ก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว วิ่งเข้าห้องน้ำเพราะปวดฉี่จนจะทนไม่ไหวแล้ว
ผมเดินลงมาที่โต๊ะอาหาร อาการมึนหัวยังไม่สร่างเมาปรากฏชัดเจน ไอ้พี่ธีร์ กับไอ้พี่ชาส่งยิ้มให้ผม ผมยิ้มแห้งกลับไป มึนหัวชะมัดเหล้าอะไรวะ ทำไมมันเมาค้างได้ขนาดนี้ ผมยกมือทั้งสองขึ้นมาวางค้ำหัวตัวเองไว้ ไอ้เต้ยยกเอาชาวข้ามต้มร้อน ๆ ควันฉุยมาวางตรงหน้าผม
“ข้าวต้มร้อน ๆ จะได้หายเมาค้าง”
ไอ้พี่ใบชายิ้มให้ผม ผมเหยียดแขนยาวไปกับโต๊ะพร้อมกับฟุบลงไปเอาหัววางพาดไปกับแขนสายตามองชามข้าวต้มแบบหมดแรง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเมาหนักขนาดนี้เลย
“ลุกขึ้นมากินดีๆ” เสียงทุ้ม ๆ ดังมาจากคนนั่งข้างขวาของผม
“ก็มันเมาค้างนี่” ผมบ่นอุบอิบในลำคอ
เอาวะแดก ๆ แล้วขึ้นไปนอนต่อดีกว่า ผมยืดตัวตรง ตักข้าวต้มขึ้นกิน ตามองไปตรงข้ามเห็นไอ้พี่ใบชานั่งตาเหลือก ตาค้างอยู่ นี่กูทำอะไรผิดอีกหรือไงวะ
“...” ผมเอียงคอมองไอ้พี่ใบชานิ่ง ก่อนจะก้มลงสำรวจตัวเอง
กูใส่เสื้อกลับด้านหรือเปล่าวะ ก็ปกตินี่หว่า หรือว่าเซ็ตผมไม่ดี ผมก้มลงสำรวจตัวเองแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปจ้องตอบสายตาไอ้พี่ใบชาอีกที ไอ้พี่ใบชาอมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์สัดๆ ก่อนจะหันไปทางไอ้พี่โฬม มันแอบส่งซิกอะไรกันวะ
ผมหันขวับไปหาเจ้าของบ้านซึ่งนั่งอยู่ข้างขวาของผม ไอ้พี่โฬมหลบสายตาผม เหมือนคนแอบไปทำเรื่องเลว ๆ มาแล้วกลัวโดนจับได้ ไอ้พี่โฬมยกกาแฟขึ้นดื่มอึกใหญ่ ผมยกมือขึ้นมาเท้าคาง แล้วหันไปข้างซ้ายขวับหนึ่ง ไอ้พี่ธีร์สะดุ้ง สายตาล่อกแล่ก เลิ่กลั่ก
“เอ่อ...เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ยแทน พี่เห็นเมาหนักเลยนี่” ไอ้พี่ใบชา
“หลับสนิทจนนึกว่าตายเลยล่ะ เหล้าอะไรเมาสัด” ผมบ่นอุบอิบ ตักข้าวต้มร้อน ๆ ขึ้นมาเป่าเบา ๆ สองสามที แล้วยัดใส่ปากเคี้ยว
“อืม...แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า” ไอ้พี่ใบชาถามผมซ้ำสายตาแปลก ๆ พิกล
“เป็นอะไรล่ะพี่ เมาอย่างหมา นี่ตื่นมาทีแรกผมยังคิดว่าเหลือแต่วิญญาณเลย ว่าแต่เมื่อคืนแทนขึ้นไปห้องได้ไงอ่ะ” ผมถามหันไปรอบโต๊ะ
“ก็ช่วย ๆ กันแบกขึ้นไปน่ะ” ไอ้พี่ธีร์ตอบ
“ครั้งหน้าไม่ต้องจับแทนแก้ผ้าก็ได้นะ นี่เล่นถอดซะหมดขนาดนั้น ไม่ต้องถอดก็นอนได้ หนาวจะตายห่า”
พรื้ด แค่ก แค่ก เสียงคนสำลักข้าวต้มและไอสลับกันดังอยู่รอบโต๊ะ ผมพูดอะไรผิดวะ ผมจ้องคนตรงหน้าอย่างสงสัยหันซ้ายหันขวา จนรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่มีใครปกติดีสักคน
“เอ่อ...ผมไปทำงานก่อนนะพี่ วันนี้มีทัวร์มาลง” ไอ้ปืนวิ่งแน่บไปคว้าสายจูงม้าดีดตัวขึ้นม้าสีดำสนิทของมัน แล้วห้อออกไปอย่างไว
“เอ่อ..พวกผมไปก่อนนะพี่” พวกไอ้เสกลุกลี้ลุกลน
ไอ้พวกนี้มันต้องมีอะไรแน่ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ผมนั่งตักข้าวต้มกินไปช้า ๆ ไม่ได้เร่งรีบ เพราะตอนนี้ทั้งโต๊ะเหลือแค่ผม ไอ้พี่ใบชา แล้วก็ไอ้พี่โฬม ซึ่งยังนั่งคอแข็งอยู่กับที่ ผมลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินอย่างหมดแรงกลับขึ้นห้องไปนอนต่อ