ตอนที่ 11 มันจะไปยากอะไร

2817 คำ
ตอนที่ 11 มันจะไปยากอะไร หลังจากปิดประตูห้องนอนแล้ว ผมก็ยิ้มแก้มแทบแตก ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอาสิคนอย่างนายธันวาที่เอาแต่ใจมาทั้งชีวิต ผมรู้หรอกว่าทำแบบไหนคนจะสงสาร โดยเฉพาะคุณแม่ซึ่งรักผมมาก ป่านนี้คงรีบไปหาคุณย่าร่ำร้องขอมารับตัวผมกลับแล้ว ส่วนพวกข้างล่างนั่นเวลาผมดื้อ ๆ ก็มักจะยิ่งขัดใจผมไปเสียหมด โดยเฉพาะไอ้คุณพี่โฬม แล้วนี่ผมอุตส่าห์แกล้งทำตัวเชื่อง ๆ เป็นเด็กดีแบบนี้แถมยังเรียกคะแนนสงสารเพิ่มไปอีก หึ หึ เกิดเป็นผมนี่มันดีจริงๆ เลยนะมีแต่คนคอยตามใจ จริงๆ มันก็สนุกดีเหมือนกันนะเล่นอะไรแบบนี้ ผมยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ในห้อง ที่นี่ไม่มีแม่บ้านเลยแล้วเสื้อผ้าที่ผมใส่แล้วพวกนี้ ผมจะต้องทำยังไงกับมันนะ ปกติเวลาอยู่บ้านทุกวันแม่บ้านจะเข้ามาเก็บเสื้อผ้าของผมไปซักรีดให้ทุกวันไม่เคยมีค้างอยู่ในตะกร้าเลย แต่นี่ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่มันก็กอง ๆ สุมอยู่จนท่วมตะกร้าส่งกลิ่นเหม็นอับ ๆ จนผมเริ่มทนไม่ไหว “ซักผ้า” มันจะไปยากอะไร ผมถือตะกร้าผ้าที่มันใส่เสื้อผ้าของผมจนล้นเดินลงมาชั้นล่าง ผมเดินวนอยู่จนรอบบ้านแล้วก็เจอว่ามันมีเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่อยู่หลังบ้าน ผมจึงจับเอาเสื้อยัดใส่เข้าไปหนึ่งตัว แล้วก็อ่านวิธีใช้ใส่น้ำยาซักผ้า ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ไม่รู้ถูกหรือเปล่าแล้วก็กดให้เครื่องมันทำงาน พอเห็นว่ามันทำงานผมนี่โคตรรดีใจเลย รู้สึกว่าจริง ๆ ไอ้งานพวกนี้มันก็ไม่ได้ยากเลยนะ แต่ทำไมซักผ้าตัวนึงมันใช้เวลานานจังวะ ตัวนึงซักตั้งสี่สิบห้านาที มิน่าล่ะแม่บ้านถึงต้องมาเก็บเสื้อผ้าผมลงไปซักทุกวัน เพราะกว่าจะซักจนครบทั้งของคุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า คงต้องซักกันทั้งวัน ผมมองดูนาฬิกาข้อมือ แล้วก็เดินเตร็ดเตร่อยู่ภายในบ้านจนครบสี่สิบห้าที แล้วก็เอาเสื้อเชิ้ตออกมาตาก แล้วก็หยิบเสื้อเชิ้ตอีกตัวใส่เข้าไปใหม่ กดเดินเครื่องเหมือนเดิม แล้วก็จับเวลาอีกสี่สิบห้านาที กว่าจะซักหมดตะกร้าผมมานั่งนับเสื้อผ้าที่เหลืออีกตั้งสิบกว่าตัว ผมต้องซักจนถึงพรุ่งนี้เลยเหรอเนี่ย ผมหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากตู้ พลิกเปิดออกอ่านฆ่าเวลาสลับกับคอยวิ่งไปดูเครื่องซักผ้า ที่มันทำงานอยู่ มื้อเที่ยงคนชื่อเต้ยมากินข้าวเป็นเพื่อนผม แล้วก็เอานมมาให้ผมหลายขวด บอกว่าไอ้พี่ใบชาฝากมาให้ ผมนั่งคุยเล่นกับเต้ยไปเรื่อยเปื่อยจนได้เวลาไปเอาเสื้อออกจากเครื่องซักผ้า “คุณแทนจะไปไหนครับ” ไอ้เต้ยถามผม “ซักผ้าไว้จะไปเอาผ้าออกมาตาก” ผมยิ้มอย่างภูมิใจ “ห้ะ...ซักผ้า” ไอ้เต้ยกระพริบตาถี่ ๆ เหมือนไม่เชื่อผม “อื้ม” ผมพยักหน้าก่อนจะกระโดดโลดเต้นไปหลังบ้านอย่างอารมณ์ดี โดยมีไอ้คนชื่อเต้ยเดินตามมาติดๆ “คุณแทนครับ” ไอ้เต้ยเดินมาชะโงกหน้าเรียกผม หลังจากที่ผมตากเสื้อเชิ้ตตัวที่สี่เสร็จ แล้วหยิบเอาเสื้อนอนหนึ่งตัวใส่เข้าไปในเครื่องซักผ้าอีกครั้ง แล้วกดให้เครื่องทำงาน “ว่า...” ผมหันหน้าไปถาม “ทำไมคุณแทนแยกซักทีละตัวละครับ ถ้าจะแยกเสื้อขาว เสื้อสี แยกเสื้อ แยกกางเกงผมก็พอเข้าใจนะครับ แต่ทำไมแยกซักทีละตัวละครับ” ไอ้เต้ยถามผม ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน “ก็มันต้องซักทีละตัวไม่ใช่เหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย “ห้ะ..ซักทีละตัวแล้วเมื่อไหร่มันจะเสร็จละครับ” “ก็ในทีวีเวลามันโฆษณาเครื่องซักผ้า ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มมันก็ซักทีละตัวนี่ ไอ้ที่เครื่องนี่มันก็มีรูปเสื้อแค่ตัวเดียวเนี่ยเห็นมั้ย มันก็ต้องซักทีละตัวสิ” ไอ้เต้ยทำหน้าเหวอใส่ผมก่อนที่มันจะยกมือขึ้นมาปิดปาก แล้ววิ่งออกจากบ้านไปไหนไม่รู้ คนพวกนี้นี่ยังไงกันนะ หรือว่าไอ้เต้ยจะไประงับสติอารมณ์อะไรอยู่ ผมทำให้มันโกรธเหรอหรือว่ามันก็กำลังจะรอผมซักผ้าอยู่เหมือนกัน คงใช่ละมั้ง เพราะถ้าซักหมดตะกร้านี่พรุ่งนี้เช้าไม่รู้จะซักหมดหรือเปล่าเลย รอไปก่อนแล้วกันนะ วันพรุ่งนี่มึงค่อยมาซัก บ่ายสามโมงกว่าๆ ไอ้เหี้ยพี่โฬมกับไอ้เต้ยก็กลับเข้ามาที่บ้านอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้ากรุ้มกริ่มยิ้มแปลก ๆ ใส่ผม คนพวกนี้นี่ประหลาดแท้ ๆ “คุณแทนซักผ้าเสร็จหรือยังครับ” ไอ้เต้ยเอ่ยถามผม “ยัง อีกตั้งเยอะ ต่อไปนี้จะใส่เสื้อผ้าแค่วันละชุดพอขี้เกียจซัก” ผมตอบพร้อมทำหน้าเซ็ง ๆ สายตาของผมมองสำรวจข้าวของที่ไอ้เต้ยหอบหิ้วเข้ามาวางกองไว้ในครัวอย่างละเอียด ไส้กรอก เบคอน แฮม ชีส ไข่ไก่และอาหารอีกหลายอย่าง “ขอกินอันนี้ได้มั้ย” ผมหยิบไส้กรอกรมควันของโปรดของผมชูให้ไอ้เหี้ยพี่โฬมดู “ขอนะ นะ นะ นะ นะ นะ นะ” ผมอ้อนอย่างสุดฤทธิ์ “กินตอนนี้เดี๋ยวก็กินข้าวเย็นไม่ได้หรอก” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น เขาไม่ได้ดุผมเหมือนทุกครั้ง “ขอกินอันนึงก็ได้ แทนอยากกินนะครับ” ผมเดินเข้าไปดึงชายเสื้อของคนตัวโต กระตุกอยู่สองสามที แล้วก็สำเร็จ ไอ้เหี้ยพี่โฬมแกะแพ็คไส้กรอกดึงออกมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะเอายัดเข้าไปในไมโครเวฟ เปิดให้เครื่องทำงานสักพัก กลิ่นหอม ๆ ของไส้กรอกรมควันอันใหญ่ก็ลอยมาปะทะจมูกผม คนตัวโตใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกนั้นยื่นให้ ผมจึงรีบยื่นมือไปรับมาทันที แต่สักพักมันก็ชักมือหนี ผมมองหน้ามันด้วยอารมณ์ขุ่น ๆ “อื้อ...” ผมร้องอย่างขัดใจ เมื่อไอ้เหี้ยพี่โฬมไม่ยอมให้ผมดีๆ “....” เคยสอนไว้ว่ายังไง ไอ้คนตัวโตทักท้วงขึ้นมา สอนไรวะ อ๋อ.... “ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ ก่อนจะชูมือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าแล้วไอ้เหี้ยก็เป่าลมใส่ไส้กรอกของผมเบา ๆ ใช้ริมฝีปากแตะเบา ๆ ที่ผิวของไส้กรอกเหมือนเช็คดูว่ามันยังร้อนอยู่หรือเปล่า “อ่ะ...ไม่ร้อนเท่าไหร่แล้วกินได้ ค่อย ๆ กินล่ะ” ไอ้เหี้ยพี่โฬมส่งไส้กรอกในมือให้ผมพร้อมกับรอยยิ้ม ผมไม่ได้สนใจรอยยิ้มหรอก สนใจแค่ไส้กรอกในมือเท่านั้นแหละ มันอร่อยจริงๆ นะ +++โฬม+++ มื้อเที่ยงวันนี้ พวกผมกับหกลูกกรอกมานั่งกินข้าวกันใต้ต้นไม้ตรงคอกม้า ขาดไปคนหนึ่งคือไอ้เต้ยเพราะมันเอาข้าวไปส่งให้ไอ้น้องแทนที่บ้าน แต่สักพักผมก็เห็นมันควบม้าตรงมาทางพวกผมอย่างเร็ว มือมันกุมท้องตัวเองแน่นหรือว่ามันไม่สบาย พอมาถึงมันก็ระเบิดเสียงหัวเราะซะดัง แถมลงไปกลิ้งกับพื้นจนเสื้อผ้าเต็มไปด้วยหญ้าฟาง “มึงเป็นเหี้ยอะไรไอ้เต้ย ผีเข้าหรือไงมึง” ไอ้ปืนเอ่ยถามพยุงร่างเพื่อนสนิทให้ลุกขึ้นยืน ไอ้เต้ยกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง ไอ้พวกที่เหลือก็นั่งนิ่งรอฟังคำตอบ จนมันเล่าเรื่องไอ้น้องแทนซักผ้าให้ฟังจบพวกผมก็กลิ้งไปตาม ๆ กัน โอ้ยพ่อเอ๊ย อะไรจะซื่อขนาดนั้นวะ “นี่คุณแทนไม่รู้จริง ๆ เหรอวะ ว่าเครื่องซักผ้ามันซักได้ครั้งละหลาย ๆ ตัว ไอ้เหี้ยซักอย่างนี้เมื่อไหร่จะเสร็จวะ วันๆ นึงกูเห็นเขาเปลี่ยนตั้งหลายชุด” ไอ้โอ๊ตขำจนน้ำตาไหล “กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่ที่กูเห็นยังเหลืออีกเต็มตะกร้าเลยมึง กูว่าคงเสร็จพรุ่งนี้อะ” “มันมีจริง ๆ เหรอวะคนที่ไม่รู้ขนาดนี้” ไอ้ขุนเอ่ยถามเพราะมันสงสัยตั้งแต่กินแกงหอยแล้ว “เอาเถอะ ๆ ตอนนี้พวกมึงก็เห็นแล้วนี่ว่ามันมีคนแบบนี้จริง ๆ” ผมส่ายหัวไปมา พลางนึกไปถึงคนตัวเล็กที่อยู่ที่บ้าน พร้อมกับนึกถึงภาพที่น้องแทนกำลังนั่งเฝ้าเครื่องซักผ้าอยู่ ก็อดอมยิ้มไม่ได้ “ไอ้เต้ยเดี๋ยวเย็นนี้มึงเอาเสื้อผ้าเขาไปซักพร้อมของกูแล้วกัน ซักทีละตัวค่าน้ำค่าไฟกูคงจ่ายไม่ไหว เครื่องซักผ้ากูจะพังเอาซะด้วย” ผมออกคำสั่ง “ครับพี่” ไอ้เต้ยรับคำ “เดี๋ยวมึงเข้าเมืองกับกู ส่วนพวกมึงตอนนี้ไม่มีคนอยู่บ้านก็ช่วย ๆ กันสอดส่องดูด้วยไม่ใช่กลับมาพ่อมึงหนีไป กูจะไล่กระทืบเรียงตัวเลย” ผมหันมาชี้หน้ามันเรียงคน “ไม่ต้องห่วงครับกล้องวงจรปิดผมตั้งยี่สิบกว่าตัวรอบบ้านอีกอย่างกว่าจะเดินออกมาถึงคอกม้านี่ก็เหนื่อยตายแล้วครับ จากคอกม้ายังต้องมีคอกวัว คอกควายอีกทางไกลขนาดนั้นเป็นลมกลางทางก่อนพอดี”ไ อ้โดมเอ่ยขึ้น “กูไปละ” ผมและไอ้เต้ยควบม้าต่อไปอีกพอสมควรกว่าจะถึงโซนร้านอาหาร ที่นั่นมีรถยนต์ส่วนตัวของผมจอดอยู่ ผมเข้าไปรับรายการของ ที่ไอ้ใบชาต้องการซื้อแล้วขับรถออกไปโดยมีไอ้เต้ยเป็นผู้ติดตาม หลังจากเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ตามรายการจนมั่นใจว่าครบแล้ว ผมจึงกลับมาที่บ้าน เจ้าเด็กตัวร้ายกำลังนอนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ท่าทางนอนกระดิกเท้าอย่างสบายใจนั้นบ่งบอกว่าไอ้คุณน้องแทนคงอารมณ์ดีไม่น้อย พอเห็นหน้าปุ๊บภาพเด็กน้อยนั่งเฝ้าเครื่องซักผ้าก็ลอยเข้ามาในหัวผมปั๊บ ไอ้เต้ยก็คงเหมือนกันเพราะผมเห็นมันกลั้นยิ้มแทบตาย หลังจากเก็บของสดเข้าตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว เด็กเอาแต่ใจก็ร้องขออยากกินไส้กรอกรมควันเสียอย่างนั้น เออถ้าจะชอบจริงจัง ผมเลือกซื้อมาเพราะไอ้ธีร์เล่าให้ผมฟังว่า มันทำไข่กระทะให้น้องแทนกินวันก่อน แล้วสังเกตเห็นว่าน้องแทนชอบกินไส้กรอกมาก วันนี้ผมเชื่อแล้วเพราะเห็นเองกับตา ว่าสายตาเวลาเขาเห็นมันเป็นประกายแค่ไหน เย็นวันนี้ผมบอกให้ไอ้ใบชาทำหมูกระทะให้กิน เพราะว่าไม่ได้กินมานานแล้ว เตาย่างหมูกระทะแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้เตาถ่านถูกเอามาตั้งไว้กลางโต๊ะกินข้าว จำนวนสามเตา พอมันตั้งเตาน้องแทนมองเตาหมูกระทะตาปริบ ๆ งงสิครับ คงไม่เคยกินแบบนี้ อันที่จริงเตาย่างไฟฟ้าแบบไร้ควันผมก็มีนะ เพียงแค่อยากหาอะไรสนุก ๆ มาเล่นกันแก้เครียดท่านั้นเอง แล้วทุกคนก็ดูจะสนุกไปด้วยเหมือนกัน ไม่ต้องสงสัยครับ ทันทีที่น้องแทนปรากฏตัวรอยยิ้มของทุกคนก็เกลื่อนไปทุกใบหน้า เรื่องราวการใช้เครื่องซักผ้านั้น ถูกเล่าบอกต่อไปยังเพื่อนรักของผมทั้งสองคน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมอนุญาตให้ทุกคนดื่มได้ และเป็นที่รู้กันว่าเจ้าพวกนี้เวลาดื่มไม่ได้เกะกะเกเรทำตัวมีปัญหา โดยเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าผม เหล้าพื้นบ้านแบบไทย ๆ สองกลมตั้งอยู่ท้ายโต๊ะ โดยมีไอ้เสกเป็นมือชง “คุณแทนดื่มมั้ยครับ” ไอ้เสกมือชงตะโกนถามมาจากท้ายโต๊ะ “จัดมา...” เสียงใส ๆ เอ่ยขึ้นพร้อมพยักแล้วเอื้อมมือไปรับแก้วเหล้ามาดื่มก่อนจะเบ้หน้า “แฮ่...เหล้าไรเนี่ย” ไอ้น้องแทนถามทำท่าสะดุ้งไปทั้งตัว “เหล้าไทยครับ อาจจะไม่ละมุนลิ้นแต่รับรองว่าเมาพับหลับคาโต๊ะได้ง่าย ๆ นะครับคุณแทน” ไอ้ปืนร้องบอกเป็นเชิงเตือน “เมาไม่กลัว กลัวไม่เมา เหล้าไม่เข้มเราไม่นอน” คนตัวเล็กยักคิ้วแจกยิ้มไปทั่วโต๊ะ แล้วส่งแก้วให้มือชงต่อแก้วที่สองทันที น้องแทนมองดูเตาหมูกระทะตรงหน้า แล้วก็คอยมองดูว่าคนอื่นทำยังไงแล้วก็ทำตามบ้าง เออ...ก็ฉลาดดีเลียนแบบเก่ง ถึงได้ซักผ้าทีละตัวตามโฆษณาในทีวีไง เพราะความที่ตัวเล็กกว่าคนอื่น บ่อยครั้งที่น้องแทนต้องยืนขึ้นเพื่อให้สามารถใช้ตะเกียบคีบหมูกระทะได้ถนัด คีบๆ กินๆ ไป ประเดี๋ยวก็สะดุ้งเพราะมันหมูกระเด็นใส่ สักพักก็ร้องโวยวายเพราะหมูที่ย่างบนเตามันไหลลงไปกองในช่องใส่น้ำซุป ดูไปดูมาก็ตลกและน่ารักดี “โอ๊ะ...ครบแล้ว” เสียงร้องอย่างตกอกตกใจของน้องแทนทำให้ทุกคนชะงัก “อะไรครบ ครับน้องแทน”ไอ้ใบชาเอ่ยถามยิ้มๆ “ครบสี่สิบห้านาทีแล้วเดี๋ยวแทนมานะ ไปตากผ้าแป๊บนึง” แล้วไอ้ตัวยุ่งก็วิ่งอ้อมไปหลังบ้านเร็วจี๋ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียงหัวเราะดังลั่นโต๊ะอาหาร หลายคนเอามือกุมท้อง บางคนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ไอ้ธีร์ล้มตัวลงไปซบไอ้เต้ยข้างๆ ขำอย่างหนัก ไอ้เสกขำจนตัวโยน “ไอ้ชิบหายนี่มึงยังไม่บอกน้องมันอีกเหรอ มึงนี่มันเหี้ยกันจริง ๆ เลยนะ” ไอ้ใบชาหัวเราะจนน้ำตาไหล “มึงก็บอกเองสิไอ้สัด กูไม่กล้าบอกกลัวน้องมันเสียใจอุตส่าห์ซักมาทั้งวันเลยนะมึง" ไอ้ธีร์ตอบไอ้ใบชา “ผมก็ไม่กล้าบอกพี่ชา ผมกลัวคุณแทนโมโหทุบเครื่องซักผ้าพังขึ้นมาทำไงอ่ะ” ไอ้เต้ยเอ่ยขึ้นบ้างมันหัวเราะจนตัวโยนไปหมด “ใครจะไปกล้าบอกวะพี่” ไอ้ปืนพูดขึ้นบ้าง สักพักคนตัวเล็กก็เดินกลับมาด้วยท่าทางเหนื่อย ๆ “ซักผ้าเหนื่อย ทำไมไม่ให้ไอ้เต้ยมันซักให้ล่ะครับน้องแทน” ไอ้ใบชาวางระเบิดแล้ว ผมเห็นไอ้ธีร์เอาตะเกียบขึ้นมากัดเพราะกลั้นขำอย่างหนัก ไอ้เต้ยเอามือจิกขาตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ยิ้ม ไม่ให้หัวเราะ ไอ้ขุน ไอ้เสกก็เอามือทึ้งหัวตัวเองเอาไว้แน่น ไอ้โดมมันแกล้งหันหน้าหนีออกไปจากวงหมูกระทะ แล้วยกแขนตัวเองขึ้นมากัด ส่วนไอ้โอ๊ตแม่งมุดใต้โต๊ะไปแล้วครับ “เต้ยจะซักให้เหรอ” คนตัวเล็กหันขวับไปถาม ไอ้เต้ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ดังฮึก “ครับ ซักให้ได้ครับ” ไอ้เต้ยไม่กล้าเงยหน้าสบตาใครเลยคงกลัวจะหลุดขำออกมา “แต่ว่ามันยังเหลืออีกหลายตัวเลยนะ” คนตัวเล็กตอบเสียงอ่อน ผมได้แต่เม้มปากแน่นยกมือขึ้นมาลูบหน้าลูบตาตัวเองก่อนจะสาดเหล้าลงคอเพื่อให้หลุดออกจากวังวนนี้ไปสักที “ครับไม่เป็นไรครับ ผมซักได้” ไอ้เต้ยฮึบได้สำเร็จในที่สุด “อ่อ...ผมไม่ได้เอาแต่ใจนะ นายเต้ยเขาจะช่วยผมเอง”ใบหน้าหวานที่ตอนนี้แดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หันมาทางผม ดวงตาคู่สวยหวานเริ่มฉ่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ “อืม” ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด “อยู่กันตั้งหลายคนทำไมไม่ซื้อเครื่องซักผ้าให้มันหลาย ๆ เครื่องหน่อยล่ะ” ไม่ไหวแล้วโว้ย ผมลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินออกไป ตรงเข้าบ้านก่อนที่จะทนไม่ไหวระเบิดขำออกมากลางโต๊ะ “กูไม่ไหวแล้ว กูเจ็บท้อง” ไอ้ใบชานั่นเองที่เดินตามมาตบไหล่ผม “มึงคิดว่ากูไหวเหรอไอ้สัด เด็กอะไรวะซื่อชิบหาย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม