ตอนที่ 17 ตัดหางปล่อยวัด
+++แทน+++
รถกระบะแบบสองตอนจำนวนสองคัน ถูกจอดเทียบไว้ใต้ต้นจามจุรียักษ์หน้าบ้าน วันนี้ไม่มีมื้อเย็นที่บ้าน เพราะทุกคนกำลังจะออกไปเที่ยวงานวัดตามที่ไอ้พี่โฬมบอกผมไว้เมื่อคืน ผมตื่นเต้นจนนั่งไม่ติดตั้งแต่เช้า
เกิดมาไม่เคยเที่ยวงานวัดจริง ๆ เลยสักครั้ง เคยมีจัดปาร์ตี้งานวันเกิดธีมงานวัด ที่ระบุว่าทุกคนที่มาร่วมงานจะใส่เสื้อผ้าสีแสบตามา แต่ก็นั่นแหละมันเป็นงานวัดแบบปลอม ๆ ที่พวกผมจัดขึ้น แต่นี่ผมกำลังจะได้ไปงานวัดของจริง พอจะได้ออกไปเที่ยวได้ไปเจอสาว ๆ ไอ้พวกเจ็ดลูกกรอกทุกคนก็ดูจะกระดี๊กระด๊ากันเป็นพิเศษ แต่ละคนแต่งตัวอย่างหล่อ แล้วมานั่งรอที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ตั้งแต่ห้าโมงครึ่ง
ผมแอบถามไอ้เต้ยมาเมื่อช่วงเที่ยง เห็นว่างานวัดประจำปีที่นี่จัดใหญ่โตทุกปีมีงานติดต่อกันหลายวัน แต่วันนี้เป็นงานคืนสุดท้ายคนก็จะเยอะเป็นพิเศษ
ผมไม่รู้ว่าผมควรแต่งตัวแบบไหน ต้องใส่เสื้อสี ๆ เหมือนที่เคยจัดงานวันเกิดหรือเปล่า เลยนั่งรออยู่บนห้อง คอยชะเง้อคอมองลงมาจากช่องหน้าต่าง ว่ามีคนมาหรือยังแล้วสังเกตว่าคนอื่นใส่เสื้อผ้ายังไง มันใส่เสื้อเชิ้ตปกติกันนี่นา ไม่เห็นมีใครใส่เสื้อสี ๆ แสบตาแบบที่พวกผมจัดงานวันเกิดเลย
ผมเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อเชิ้ตออกมาตัวหนึ่ง แบรนด์เนมตัวนี้ราคาหลายหมื่นเชียวนะ ผมจับคู่เสื้อผ้าจนมั่นใจว่าเป๊ะ ตั้งแต่หัวจนถึงเล็บตีน แล้วจึงเดินลงไปข้างล่าง
ไฟนีออนเป็นสี ๆ เขียว เหลือง น้ำเงิน ฟ้า แดง ปักเรียงตลอดทางเป็นรูปต่าง ๆ อย่างสวยงาม แค่ไฟทางเข้างานก็ดูน่าสนุกแล้ว ผมไม่ปกปิดอาการตื่นเต้นนี้เลยสักนิด
ตลอดทางผมนั่งหันซ้ายหันขวา ไม่หยุดรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ จนรถเข้ามาจอดภายในงานเรียบร้อยแล้ว กลุ่มของพวกเราดูจะเด่นสะดุดตาอยู่ไม่น้อย เพราะประกอบด้วยผู้ชายหน้าตาดี และหน้าตาโคตรดีมารวมตัวกันตามที่นัดหมายสิบเอ็ดหัวถ้วน ๆ
“อ๊ะ” ผมหันขวับไปทางไอ้พี่โฬมทันที เมื่อเห็นว่ามันกำลังทำอะไรกับผม
“เดี๋ยวหาย” ไอ้พี่โฬมตอบผมหน้านิ่ง
ผมอ้าปากค้างอยากจะด่ามันเหลือเกิน แต่เปลี่ยนใจหุบปากดีกว่า เดี๋ยวมันไม่พาเที่ยว ผมย่นหน้าใส่มัน แล้วยกข้อมือขึ้นมาดู มันเอาสายหนังเส้นหนึ่งทำเป็นปลอกข้อมือสวมใส่ให้ผมอย่างแน่นหนา ปลายสายอีกด้านมันถือไว้ นี่มึงเห็นกูเป็นหมาหรือไงวะห้ะไอ้เหี้ยพี่โฬม
“คนนะไม่ใช่ม้า” ผมค้อนใส่มัน แต่มันไม่สนใจผม
“ไม่ได้ว่าเป็นม้า ก็วันนี้คนเยอะเดี๋ยวเดินหลงไปจะทำยังไง เข้าไปข้างในได้แล้ว”
ไอ้พี่โฬมดันหลังผมให้เดินไปข้างหน้าคนอื่น ๆ ก็เดินๆ ไปทางเดียวกันเกาะกลุ่มกันไป เต้ย โอ๊ต ปืน และไอ้พี่ใบชาไปด้วยกัน ส่วนไอ้พี่ธีร์ เสก ไผ่ โดม ขุนไปด้วยกัน ส่วนผมกับคนเดินจูงนี่ก็เดินตามหลังไปต้อย ๆ
ผมหยุดแวะดูของหน้าตาแปลก ๆ หลายอย่างที่ไม่เคยเห็น มีอมยิ้มอันใหญ่เท่าจานข้าว ถ้าอมจนหมดอันไม่ฟันผุหมดปากเลยเหรอวะ ลูกชิ้นเหี้ยอะไรวะนั่น ลูกใหญ่เท่าลูกตะกร้อ กูถามจริง ๆ พวกมึงจะแดกกันยังไงวะลูกเดียวกินได้ทั้งบ้านเลยมั้ง
ที่ผมยืนตะลึงสะพรึงกลัวนานที่สุดคงเป็น ร้านขายสัตว์ประหลาดทอด ที่มันทำให้ผมยืนขาสั่นอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับ สารพัดสัตว์ปีกสารพัดหนอนทอดนอนเกลื่อนเต็มถาด ผมไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นมาก่อน ขาผมชาจนเดินต่อไปไม่ได้ ขนหัวลุกซู่
ยิ่งไปกว่านั้น ไอ้เหี้ยปืน ไอ้ชิบหาย มันวิ่งถือตัวอะไรทอดไม่รู้ยื่นมาใส่หน้าผม ผมมองมันด้วยความตกใจ ไอ้เหี้ยปืนมึงเป็นใครเนี่ย ไอ้สัด นี่มึงแดกอะไรอยู่ ไอ้เต้ย ไอ้โอ๊ตเดินเข้ามาหาผมยื่นตั๊กแตนทอดตัวใหญ่สุดในนั้นมาให้ผม
“ตัวนี้ใหญ่สุดแล้วครับคุณแทน ซัดเลยอร่อยมาก”
ผมยืนตะลึงทำหน้าสยดสยองใส่พวกมันทั้งสามคนอยู่พักใหญ่ แต่เห็นพวกมันกินกันอย่างอร่อยก็เลย เอานิ้วคีบไอ้ตั๊กแตนทอดเอาไว้ในมือ เพราะกลัวมันเสียน้ำใจ แล้วผมก็คีบค้างอยู่อย่างนั้น ผมเดินถือไอ้ตั๊กแตนทอดตัวนั้นไปจนทั่วงาน ทำใจให้เอามันเข้าปากไม่ได้จริง ๆ
ความวัวไม่ทันหาย ไอ้ชิบหายกลุ่มใหม่ก็เข้ามา ไอ้เหี้ยขุนเดินตรงมาทางผม ยื่นไม้อะไรไม่รู้มันบอกว่าเป็น อึ่งไชโย เสียบไม้มาตรงหน้าผม อึ่ง ครับ มันคืออึ่ง ไอ้ชิบหาย อึ่งตัวใหญ่ ๆ เป้ง ๆ กางแขน กางขา ทำท่ากระโดดค้างแข็ง โดนไม้หนีบ ติดแหง็กอยู่ตรงกลางไม้ละสามตัว
โอ้ยไอ้เหี้ย พวกมึงแดกอะไรกันเนี่ย ผมนี่แทบจะกระโดดถีบมันกลางงานวัด เมื่อเย็นพวกมันบอกว่าไม่ต้องกินข้าวเดี๋ยวไปหาอะไรกินที่งานวัด นี่คือสิ่งที่พวกมึงตั้งใจมาแดกกันเหรอ โอ๊ยพ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยแทนด้วย นี่กูใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้จริง ๆ เหรอวะ ฮือ กูอยากกลับบ้าน
“คุณแทนครับ” ไอ้เสกร้องทักมาทางผม
“ว่า” ผมทำหน้าขนลุกใส่พวกมัน เมื่อเห็นมันกินกันแต่ละอย่าง
“ไอ้ตัวนั้นคุณแทนจะถือไปจนถึงบ้านมั้ยครับ” ไอ้เสกหัวเราะชอบใจ ชี้มาที่ตั๊กแตนทอดในมือผม
“มึงจะแดกมั้ยละกูยกให้” ผมยื่นสัตว์ประหลาดทอดในมือไปให้มัน แต่มันส่ายหน้าหัวเราะชอบใจ ผมหันไปหาคนจูงสายหนังที่ข้อมือทันที
“อ้ะ กินมั้ย”
ผมยื่นไอ้ตั๊กแตนทอดตัวนั้นไปข้างหน้า แล้วคนตรงหน้าก็ยื่นหน้ามาอ้าปากงับมันไปทั้งตัว อี๋ไอ้พวกอมนุษย์ พวกมึงมันไม่ใช่คน ไอ้เหี้ยพี่โฬม มึงแดกไอ้ตัวนั้น แล้วถ้ามึงมาจูบกูนะ ไอ้เหี้ยพี่โฬมกูจะตบให้ปากแตกเลย
“ฮื้อ...” ผมอุทาน กูอยากร้องไห้นี่มันอะไรกันวะเนี่ย
“ลูกพี่ๆ ร้านเตี๋ยวไก่ที่เรากินประจำก็มานะไปกินปะ” ไอ้เต้ยวิ่งย้อนกลับมารายงานลูกพี่มัน
ทันทีที่พวกเราเดินเข้าร้าน สายตาทุกคู่ก็พุ่งมาที่พวกเราทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย ก็เริ่มจากความหล่อระดับนานาชาติของสามพระหน่อข้างๆ ผม คือไอ้พี่โฬมหน้าฝรั่ง ไอ้พี่ธีร์หน้าไทย และไอ้พี่ใบชาหน้าจีน จะนับผมมั้ยล่ะ
ไม่ต้องนับหรอกเพราะผมไม่หล่อ ไม่เคยมีคนชมผมว่าหล่อ มีแต่คนชมว่าผมเป็นผู้ชายหน้าสวย สวยกว่าผู้หญิง บางทีก็บอกว่าน่ารัก ชมว่ากูหล่อสักทีมันจะตายมั้ยวะ
ผมรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง เพราะร้านที่เข้ามาเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ธรรมดา ตอนอยู่บ้านคุณย่าเคยสั่งให้แม่บ้านทำเป็นมื้อเที่ยงอยู่หลายครั้ง ผมพอกินได้ ไม่ใช่ว่าชอบ แต่ก็ไม่ถึงกับเกลียด
โป๊ะ...อะไรอีกวะเนี่ย ชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้ามันคือดินแดนสนธยาสำหรับผมอีกแล้ว ผมเหลียวหันขวับไปมองชามของคนอื่นทันที ไม่ใช่มองแค่โต๊ะผม ผมมองไปอีกโต๊ะ อีกโต๊ะ และอีกหลาย ๆ โต๊ะ ผมหน้าเหวอขึ้นมาทันที หันไปหาคำตอบจากไอ้คนหน้าฝรั่งอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“อันนี้.............คือ”
ผมถามเสียงสั่นตกใจกับตีน ตีนครับตีน ตีนไก่หลายๆ ตีนวางพาดใส่มาในชามก๋วยเตี๋ยวของผม และของทุกคนจนล้นทะลัก ไหนเส้นก๋วยเตี๋ยวกู เห็นแต่ตีนเต็มชาม
“กินสิอร่อยนะ”
ผมเม้มปากแน่นยก มือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ มองดูคนอื่นกินอย่างเอร็ดอร่อย มึงเป็นลูกครึ่งอเมริกันจริงเหรอวะไอ้พี่โฬม กูเห็นแม่งแดกทุกอย่างที่ขวางหน้าเลย
“คุณแทน” เสียงใครสักคนเรียกผม ในขณะที่ผมกำลังใช้ตะเกียบคีบตีนไก่ปริศนาขึ้นมาจ้องดู
“กินได้ครับ อร่อยมาก”
ไอ้เต้ยกินให้ผมดูเป็นตัวอย่าง มันยัดตีนไก่เข้าปากไปทีเดียว เรียกว่านิ้วตีนหายเข้าปากมันไปหมดเลย ผมสะดุ้งผวามองมันน้ำตาแทบไหล ผมก้มลงดูตีนในมือแล้วก็ลองยก ๆ ขึ้นมาเอาลิ้นแตะ ๆ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ทำใจให้แดกตีนตรงหน้าไม่ลงจริง ๆ
หลังจากทุกคนกินตีนกันจนอิ่มแล้ว คงจะมีแค่ผมที่ยังไม่อยากโดนตีน ตอนนี้ที่แทบไม่ได้กินอะไรเลย มันจะมีอะไรที่คนปกติอย่างผมกินได้มั้ยวะ
ตอนออกจากร้านผมหันไปเห็นในหม้อต้มขนาดใหญ่ โคตรพ่อโคตรแม่ตีน มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ ทุกคนสั่งแต่ ตีน ตีน ตีน แล้วก็ตีน ผมมองจนเหลียวหลังก็ยังไม่เข้าใจ
ถัดมาอีกร้านเป็นร้านขนมจีนน้ำยาตีนไก่ คุณพระคุณเจ้า คำว่าตีนไก่ใหญ่กว่าคำว่าขนมจีน คือแน่นอนว่าร้านนี้เน้นตีนครับ ผมรีบวิ่งไปดู a lot of ตีน มากมายลอยเกลื่อนหม้อไปหมด
ผมเดินไปไหนก็ได้ตามใจผม เพราะมีคนถือสายจูงอยู่ ไปไหนได้ไม่ไกล สักพักไอ้พี่โฬมก็เดิมตามมายืนอยู่ข้าง ๆ ผมอยู่ดี เดินไปเดินมาก็หิวน้ำ ผมภาวนาในใจว่าคงไม่มีไอ้ชิบหายตัวไหนเอาน้ำประหลาดๆ มาให้ผมกินหรอกนะ โชคดีที่เป็นแค่น้ำตาลสดใส่แก้วมีหูหิ้ว น้ำตาลสดหวาน ๆ เย็น ๆ กินแล้วชื่นใจ
เดินไปได้สักพักก็ไปอยู่ในโซนของเล่นสนุกๆ เยอะแยะเต็มไปหมด ปาเป้า ปาโป่ง ยิงปืน สาวน้อยตกน้ำ นี่มันสวรรค์ชัด ๆ ผมอยากเล่นบ้างแต่ไม่มีตังสักบาท เฮ้อชีวิตคุณหนูอย่างกูรูดบัตรเครดิตจนชิน ซื้อเสื้อผ้าตัวละเป็นหมื่น แต่ตอนนี้ไม่มีตังติดตัวสักบาท ชีวิตบัดซบจริงๆ กู
“ขอเงินหน่อย”
ผมเขย่าแขนไอ้พี่โฬม แล้วถือวิสาสะเอื้อมมือไปข้างหลัง ล้วงเอากระเป๋าสตางค์ของไอ้พี่โฬมจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหลัง ออกมาแล้วยื่นให้คนหน้าฝรั่งตรงหน้า
“หยิบเอาสิ” ไอ้พี่โฬมยักคิ้วบอกผม
“ให้ใช้กี่บาท” ผมถามเสียงอ่อยๆ
“อยากได้เท่าไหร่ก็หยิบเอา”
ไอ้พี่โฬมบอก ป๋าจริงวุ้ย เดี๋ยวกูริบหมดกระเป๋าซะหรอก ผมหันไปยกนิ้วนับร้านเครื่องเล่นข้างหน้า หนึ่ง สอง สาม สี่ มันเกมละยี่สิบบาทผมคำนวณนับนิ้วไปด้วย แล้วก็จัดการเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตรใบละหนึ่งร้อยออกมาสามใบก่อนจะส่งคืนให้เจ้าของ
ผมวิ่งไปเกาะกลุ่มกับพวกไอ้ปืนเล่นปาโป่งกัน โป่งห่าอะไรวะเหนียวชิบหายปายังไงก็ไม่แตก เดี๋ยวถ้ากูกลับบ้านกูจะซื้อเอาไปจัดงานวันเกิดกูบ้าง ไอ้โป่งพวกนั้นก็แตกง่ายชิบหายสะกิดนิดสะกิดหน่อยแตก ที่นี่ปากันแทบตายไม่ได้เหี้ยอะไรเลย นอกจากขนมเซี่ยงไฮ้โง่ ๆ กลับมา หลังจากหมดเงินไปกับปาโป่งจนแบงค์ร้อยใบแรกหมดไป
ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปเล่นโยนกะละมังแทนเพราะคิดว่ามันง่ายสุด โอ้ยไอ้เหี้ย กูเอาแบงค์ร้อยเดินไปซื้อน้ำอัดลมแดกเองนี่ได้สามสี่ขวดเลยมั้งไอ้ชิบหาย โยนยังไงแม่งก็ไม่ได้สักที พอ ๆ
ผมเริ่มหมดความอดทน ดีที่พวกไอ้เต้ยอยู่ใกล้ ๆ คอยปลอบใจให้ผมอารมณ์เย็น ๆ ไม่อย่างนั้นได้เตะอะไรต่อมิอะไรพังพินาศไปแล้ว ผมหงุดหงิดอารมณ์เสียเดินดุ่ม ๆ ไปเพื่อไปให้พ้นๆ ไอ้ลานโยนกะลังมังนี่แบงค์ร้อยใบสุดท้ายในมือของผม
ผมกำลังใช้ความคิดว่าจะเอามันไปทำอะไรดี แล้วก็เจอเป้าหมายการช้อนปลาทอง ถ้าผมช้อนเอาปลาทองนี่ไปปล่อยในสระ ไอ้เหี้ยพวกนั้นมันจะแดกปลาทองของผมมั้ยนะ
ผมนั่งลงจ่ายเงินแล้วก็เล่นช้อนปลาทองอย่างสนุก แต่อีกแล้วนะ พวกมึงอีกแล้ว ไอ้ห่าเอ๊ยกระดาษส้นตีนอะไรวะ นี่มึงเอาไว้ช้อนปลาทองหรือกระดาษทิชชู่วะบางชิบหาย ช้อนตั้งนานไม่ได้สักตัว ผมโมโหและเริ่มหงุดหงิดแต่ครั้งนี้ไม่มีใครห้ามผม
ผมลุกขึ้นยืนหันไปรอบตัวไปไหนกันหมดวะ ผมยกกระตุกข้อมือตัวเองเพราะคนจูงสายหนังไม่เคยปล่อยให้ผมอยู่ห่างตัวนี่ สายขาด...ผมหันซ้ายหันขวาใจหายแวบในทันที ไอ้เหี้ยพี่โฬม มึงหลอกเอากูมาทิ้งในงานวัดเหรอไอ้สัด