ตอนที่ 18 เด็กหลง
+++โฬม+++
คนตัวเล็กดูท่าทางอารมณ์ดี อาการตื่นเต้นไปกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหันมองทางนั้น ทางนี้ไม่อยู่นิ่งเลย มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุข
ภาพของไอ้พวกตัวแสบที่ขยันกันแกล้งไอ้น้องแทน ทั้งพากันสรรหาของแปลกๆ มาให้ลองกิน ไม่ว่าจะเป็นตั๊กแตนทอด จิ้งหรีด หนอนรถด่วนสารพัด ผมกลั้นขำแทบตายตอนที่เห็นไอ้น้องแทนหน้าซีดเหวอขั้นสุด
ตอนไอ้ขุนเดินถืออึ่งไชโยมาให้ ตอนแรกนึกว่าจะเหวี่ยงใส่ไอ้พวกทโมนนั้นซะแล้ว แต่ผิดคาด ไอ้น้องแทนไม่เหวี่ยงไม่วีนเลยสักนิด จนพวกเราพากันเข้าไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่ ที่บอกเลยว่าร้านนี้เขาเด็ดจริง ๆ พอก๋วยเตี๋ยวมาวางตรงหน้าพวกผมก็ซัดกันเต็มที่ครับ แต่คนข้างๆ ผมนี่สินั่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ น่าสงสารจริง ๆ นะครับ
ไอ้พวกตัวแสบก็พากันแกล้งไม่หยุด มีไอ้เต้ยช่วยสอนวิธีการกินให้ แต่ไอ้น้องแทนก็ดูยังยังหวาดๆ อยู่ไม่ยอมกิน ผมเห็นยกๆ หยิบๆ ขึ้นมาดมๆ เอาลิ้นแตะๆ แล้วก็เอาวางลงไปในชามตามเดิม ดูไปดูมาก็น่าสงสาร
ไอ้น้องแทนวิ่งเข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ดูคึกคักสุด ๆ แต่ก็ไม่เคยไปไหนไกล แป๊ป ๆ เดี๋ยวก็วิ่งกลับมาหาผม หรือถ้าไปไกลจนสายหนังตึงผมก็เป็นฝ่ายเดินไปหา
“ขอเงินหน่อย”
คนตัวเล็กเขย่าแขนผมเร่า ๆ ขอเงินผม เออผมก็ลืมไปว่าไอ้น้องแทนไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท เจ้าตัวแสบเอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าสตางค์ของผม แล้วยื่นส่งมาให้ผม
“หยิบเอาสิ”
ผมบอกอนุญาต ไม่ได้หวงแค่เห็นว่าน้องแทนยื่นกระเป๋าสตางค์ส่งมาให้ผม และต้องการให้ผมเป็นคนหยิบเงินส่งให้เอง ก็อนุมานได้ว่าเด็กคนนี้มีนิสัยเช่นไร เห็นแสบ ๆ ร้าย ๆ แต่จะว่าก็ว่าเถอะ เนื้อในแล้วเด็กคนนี้น่ารักอย่าบอกใครเชียว
“ให้ใช้กี่บาท” เสียงใส ๆ เอ่ยถาม พร้อมกับเอียงคอมองผมอย่างน่ารัก
“อยากได้เท่าไหร่ก็หยิบเอา” ผมตอบยื่นมือไปลูบหัวคนตรงหน้าเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
ผมยืนอมยิ้มให้กับน้องแทนที่หันหลังกลับ ยกนิ้วขึ้นมานับร้านอะไรอยู่ ก่อนจะยกนิ้วมือตัวเองขึ้นมาเหมือนกำลังคิดว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ พอคำนวณเสร็จแล้วคนน่ารักของผมก็เปิดกระเป๋าหยิบเอาแบงค์ร้อยออกจากกระเป๋าผมไปสามใบ มักน้อยจัง ทีแรกผมคิดว่าจะหยิบไปอย่างน้อยก็ต้องแบงค์พัน ผิดคาดจริงๆ
ผมกับสองเพื่อนสนิทเดินตามหลังคอยดูไอ้พวกเด็กๆ เล่นนั่น เล่นนี่กันอย่างสนุก ไอ้ธีร์เดินอยู่กับผมส่วนไอ้ใบชามันไปยืนปาโป่งอยู่กับไอ้เต้ย ผมเดินตามหลังไอ้น้องแทนไปสักพักก็เจอกับกลุ่มสาววัยรุ่นเดินเข้ามาขอเบอร์กับขอถ่ายรูป ไอ้ธีร์ชอบใจใหญ่แจกเบอร์ถ่ายรูปสนุกมันล่ะ ผมเดินต่อไปอีกสามสี่ก้าวก็รู้สึกแปลก ๆ เชือก
“แทน” ผมหมุนรอบตัว ยกสายหนังในมือขึ้นมาดูปลายสายว่างเปล่าร่องรอยเหมือนมีใครเอากรรไกรมาตัดทิ้ง
“อะไรมึง” ไอ้ธีร์หันมาถามผม หน้าเหวอไปอีกคนเมื่อเห็นว่าสายเชือกอีกข้างถูกตัด
“อะไรกันมึง” ไอ้ใบชากับบรรดาเจ็ดลูกกรอกผมเดินกลับมา
เมื่อทุกคนรับรู้ว่าไอ้น้องแทนหายไป ก็อลหม่านละครับงานนี้ แยกย้ายออกตามหากันให้วุ่นไปหมด ผมออกเดินตามไปทั่ว กวาดสายตามองไปทั่วทุกร้าน น้องแทนไปอยู่ไหนหรือว่าแอบหนีไปแล้ว ไม่จริงหรอก น้องแทนไม่มีวันหนีผมไปในเวลาแบบนี้ พวกเราเดินหากันจนทั่วงานก็ไม่มีใครเห็นไม่มีใครเจอเลย
“พี่หรือว่าคุณแทนจะกลับไปรอเราที่รถ” ไอ้ปืนเสนอความคิด
“งั้นมึงไปรอที่รถเผื่อคุณแทนไปที่รถ ที่เหลือหาต่อใครเจอโทรบอกกูด้วย” ผมสั่งพร้อมกับออกเดินตามหาต่ออย่างไม่ลดละ
ผมเดินย้อนกลับไปทางเดิม ที่เราเดินผ่านไปแต่ก็ไม่เจอ พวกไอ้ธีร์ไปที่ส่วนประชาสัมพันธ์ ให้ทางเจ้าหน้าที่ออกประกาศตามหาแต่ก็ไม่ได้เรื่อง จนเวลาผ่านไปจนตีหนึ่งผู้คนเริ่มบางตาร้านค้าหลายร้านเริ่มปิดและเก็บของ
“ไม่เจอเลยหวะ” ไอ้ใบชา ไอ้ธีร์ส่ายหัวคนอื่นก็เดินกันคอตก
“แจ้งความดีมั้ยครับ” ไอ้เสกเอ่ยถาม
“ไอ้ควาย ยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงตำรวจยังไม่รับแจ้ง นี่เพิ่งหายไปสามชั่วโมง” ไอ้เต้ยด่าเพื่อน
“แม่งเอ๊ย”
ผมหงุดหงิดอารมณ์เสีย นึกโกรธตัวเองที่สะเพร่าจนทำให้น้องแทนหาย ไม่ใช่แค่น้องแทนหาย มันเหมือนผมทำหัวใจทั้งดวงของผมหายไปด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
ถ้าหายไปเพราะหนีไปเอง ผมก็ห่วงว่าจะไปกับใครเพราะที่ผ่านมาน้องแทนไม่ได้ติดต่อใครเลย มาเป็นอาทิตย์แล้ว หรือจะมีคนพาไป แล้วคนที่ไปด้วยเป็นคนดีหรือเปล่า ไว้ใจได้หรือเปล่า แล้วถ้าไม่ได้ตั้งใจหนีแต่เป็นเพราะพลัดหลงกันจริงๆ ผมก็ยิ่งห่วง สมองผมปวดหนึบไปหมด
“ไอ้ปืนโทรกลับมาบ้างหรือเปล่า” ผมหันไปถามใครก็ได้ที่พอจะให้คำตอบผมได้
"ไม่มีครับคุณแทนไม่ได้กลับไปที่รถ” ไอ้โอ๊ตตอบผม
“กูว่าเรากลับไปตั้งหลักกันที่บ้านมั้ย นี่เขาก็เก็บร้านกันหมดแล้วนะ มึงเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” ไอ้ธีร์ ตบบ่าผมเบาๆ นาฬิกาบอกเวลาตีสอง ผมถอนหายใจแล้วพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเดินกลับผมก็ยังคงสอดส่ายสายตาไปทั่ว คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน
“พวกพี่กลับกันก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวพวกผมอยู่หาต่ออีกสักรอบ เผื่อว่าคุณแทนจะไปไหนแล้ววนกลับมาที่นี่ จะได้เจอพวกเรารออยู่” ไอ้ขุน กับไอ้โดมเสนอผมพยักหน้าให้มันสองคนก่อนจะเดินกลับไปที่รถ
ไอ้ปืนยืนรออยู่ที่หน้ารถ มันชะเง้อมองไปทางนั้นทางนี้ จนเมื่อพวกผมไปถึงมันคงพอเดาได้ว่าไม่มีใครตามหาน้องแทนเจอ
“ไม่รู้ป่านนี้ไปอยู่ไหน หลงไปทางไหนนะคุณแทน” ไอ้ปืนถอนหายใจ
ผมเปิดประตูรถขึ้นนั่งประจำที่คนขับสตาร์ทรถ โดยมีไอ้พวกเด็ก ๆ ขึ้นรถกันอย่างเนือย ๆ ก่อนจะเคลื่อนรถออกมาผมยังสอดส่ายสายตามองหาไปทั่ว ในใจยังคาดหวังว่าคนตัวเล็กของผมจะเดินออกมาแล้วด่าผม ตีผมเหมือนที่เคย ๆ
+++แทน+++
“ไอ้เหี้ยพี่โฬมมึงกล้าทิ้งกูเหรอ ไอ้สัด ไอ้เหี้ย ไอ้ระยำ ไอ้ชาติหมา มึงอย่าคิดว่ามึงจะทิ้งกูได้ง่าย ๆ นะ”
เมื่อหันหลังมาไม่เจอใครสักคน สายหนังที่ข้อมือก็ถูกตัดขาด บรรดาเจ็ดลูกกรอกกูหายต๋อมไปเลย อารมณ์เดือดผุดขึ้นเป็นริ้วๆ
ผมเดินดุ่มๆ ไปเรื่อย เพราะจำทางไม่ได้ ร้านมันก็คล้ายๆ กันไปหมดผมเลี้ยวทางนั้น เลี้ยวทางนี้อยู่นานมาก กว่าจะหาร้านขนมจีนตีนไก่เจอ จากนั้นก็พยายามระลึกชาติแล้วเดินย้อนกลับไปทางเก่าแล้วตรงกลับมาที่รถ
“ไอ้เหี้ยพี่โฬมมึงทิ้งกูไม่ได้หรอก รถมึงยังอยู่แสดงว่าพวกมึงก็ยังอยู่นี่ ดีนะที่กูฉลาด”
ผมกอดอกยิ้มอย่างภูมิใจ ผมยืนรออยู่สักพักก็รู้สึกเมื่อยขาขึ้นมาเพราะจริง ๆ ก็เดินมาตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้วเอาเป็นว่าไปนั่งรอที่กระบะหลังรอแล้วกันนะ รอไปรอมาก็ง่วงเว้ย
พวกมึงไปตายโหงตายห่าที่ไหนวะ กูง่วงแล้วเนี่ย หมู่นี้กูยิ่งกลายเป็นเด็กอนามัยอยู่นะ สี่ทุ่มกูก็หลับแล้ว ผมหาวอยู่สามสี่ครั้ง แล้วก็เลื้อยตัวลงไปนอนกับพื้นกระบะแข็ง ๆ แหงนหน้าขึ้นมองดูดาวบนท้องฟ้าสักพักตาก็ปรือ ๆ
ปรื๊น เสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ กับอาการเครื่องยนต์สั่น ปลุกผมให้ตื่นขึ้น รถที่โคลงไปโคลงมาชวนน่าอ้วกจังวะ เอ๊ะเดี๋ยวนะ แสดงว่าพวกมันกลับมาแล้ว ผมผุดลุกขึ้นนั่งทันที รถวิ่งอยู่บนถนนสองข้างทางมืดสนิท ข้างหลังไกล ๆ มีรถกระบะอีกคันขับตามมาเห็นไฟสว่าง ๆ ส่องมาแสบตาชิบหาย ที่นี่ที่ไหนวะผมหันหลังเอาฝ่ามือทุบกระจกรัวๆ
“มึงจอดรถเดี๋ยวนี้นะ” ผมร้องตะโกน
สักพักรถก็จอดสนิทพร้อม กับไอ้หน้าฝรั่งที่มันพุ่งตัวลงมาจากตำแหน่งคนขับ มันมองดูผมด้วยสายตาตกตะลึง ตะลึงสิ มึงสลัดกูไม่หลุดนี่นะ คิดจะเอากูไปทิ้งวัดเหรอไอ้สัดฝันไปเถอะ
“ไอ้เหี้ยพี่โฬม ไอ้สัด มึงทิ้งกู”
ผมกระโจนจากบนกระบะรถ โถมเข้าใส่ไอ้คนตัวโตที่มันบังอาจเอาผมไปทิ้งเหมือนหมาตัวหนึ่งอย่างเดือดดาล
ไอ้ชิบหายเอ๊ยกูตะหงิดๆ ตั้งแต่มึงเอาสายหนังมาคล้องข้อมือกูแล้วนะ ทำมาเป็นพูดดีว่ากลัวกูหลงทาง ไอ้ชิบหายมึงเห็นกูเป็นหมาพุดเดิ้ลเหรอไอ้สัด ผมกระโดดใส่มัน ถึงมันจะตัวใหญ่กว่าผมมากก็เถอะ แต่ตอนนี้ขนาดตัวไม่ใช่ปัญหาครับ ที่แน่ๆ ไอ้เหี้ยพี่โฬม มึงต้องตาย พอกระโดดเข้าใส่ผมทั้งเตะ ทั้งถีบ ทั้งต่อยมันสารพัด แต่มันไม่ปัดป้องเลยมันรวบตัวผมดึงเข้าไปกอดแน่นจนผมหายใจแทบไม่ออก
“มึงทิ้งกูทำไม ไอ้เหี้ย กูไม่ใช่หมานะ ที่มึงจะเอาไปปล่อยตามงานวัด ไอ้เหี้ยพี่โฬม ไอ้สัด กูเกลียดมึง” ผมด่ามันไม่หยุดใช้กำปั้นทุบหลังมันไม่หยุด ด่าเสร็จผมก็ฝังเขี้ยวกัดมันให้หายแค้น แปลกจังมันไม่ร้องเลยสักแอะ
“หายไปไหนมารู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วงแทบแย่ ตามหาให้ทั่วไปหมด” เสียงกระซิบเบาๆ ดังอยู่ข้างหูผม
ผมปล่อยคมเขี้ยวออกมาจากไหล่ของมัน เงยหน้ามองไอ้เหี้ยพี่โฬมนิ่ง หือ ... มึงเนี่ยนะตามหากู มึงอย่ามาตอแหล มึงตั้งใจเอากูไปปล่อยวัด มึงอย่ามาเนียน
“มึงไม่ได้เอากูไปปล่อยวัดเหรอ” ผมเงยหน้าถามมันตรง ๆ
“จะเอาไปปล่อยทำไม มีแต่อยากเก็บเอาไว้ที่บ้านไม่อยากให้ออกไปไหน รู้มั้ยพวกพี่ออกตามหากันทั่วไปหมด”ไอ้พี่โฬมดึงตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง
รถอีกคันที่ขับตามหลังมาจอดต่อท้าย แล้วทุกคนก็วิ่งกรูลงมา แต่ละคนถอนหายใจยาว ๆ ดูสีหน้าโล่งอก หรือว่ากูหลงทางเองวะ ตกลงกูผิดมั้ย กูต้องรู้สึกยังไงวะ เมื่อกี้ด่าไปเยอะกูต้องขอโทษมั้ย โว้ย...นี่กูต้องทำอะไรยังไงต่อวะ
“คุณแทนไปไหนมาครับ พวกผมนี่แทบจะเผาวัดตามหาคุณแทนเลยนะครับ” ไอ้เต้ยถามผมหน้าตาตื่น
“ไม่ได้ไปไหนก็เชือกมันขาด ไม่รู้ทำไมมันขาด หันกลับมาไม่เจอใครเลยกลับมารอที่รถ” ผมทำหน้าบึ้ง
“แต่ผมก็มารอที่รถนี่ครับ ผมยืนรออยู่หน้ารถไม่เห็นคุณแทนเลยนะครับ” ไอ้ปืนตอบ
“โธ่ไอ้ชิบหาย ก็กูนอนอยู่ในกระบะท้ายรถ มึงไม่เดินมาดูมึงจะเห็นกูมั้ยละไอ้ควาย” ผมด่าไอ้ปืนมันอย่างหงุดหงิด
“เอาละ ๆ ไม่หายไปไหนก็ดีแล้ว เออไอ้เสกมึงขับรถวนกลับไปรับไอ้ขุนกับไอ้โดมกลับบ้านด้วยนะ” ไอ้พี่ใบชาโยนกุญแจรถอีกคันให้ไอ้เสกกับไอ้ไผ่