ตอนที่ 19 อาการหวง

3979 คำ
ตอนที่ 19 อาการหวง +++โฬม+++ หลังจากวุ่นวาย เพราะมัวแต่พากันตามหาเด็กหายมาค่อนคืน ตอนนี้ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว นาฬิกาบอกเวลาตีสามสี่สิบห้า ผมเปิดประตูห้องของเด็กฝากเลี้ยงออก เสียงน้ำไหลจากฝักบัว ดังกระทบพื้นกระเบื้องอยู่ น้องแทนคงยังอาบน้ำไม่เสร็จ ผมเดินลงไปทิ้งตัวนอนเหยียดยาวบนเตียง แล้วก็หลับตาลงแสร้งทำเป็นแกล้งหลับ เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เดินเข้ามาทางผม “ไอ้เหี้ยพี่โฬมเข้ามาได้ไงวะ” ผมนอนฟังเสียงบ่นพึมพำนั้นนิ่ง แกล้งหลับต่อไป กลิ่นครีมอาบน้ำยี่ห้อดัง ส่งกลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวลไปหมด น้องแทนเป็นผู้ชายที่ตัวหอมมาก หอมกว่าผู้หญิงหลายๆ คนที่ผมเคยรู้จัก ทั้งตอนอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ และช่วงระหว่างวัน ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าน้องแทนทำได้ยังไง แต่ขนาดเมื่อวานนี้ที่เหงื่อท่วมตัวตอนอยู่คอกม้า น้องแทนก็ยังหอมฟุ้งจนผมอดใจไม่ไหวต้องพิสูจน์กลิ่นดู ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กกว่าหายไปทำอะไร เสียงก๊อกๆ แก๊กๆ สักพักก็รู้สึกเหมือนกับมายืนด้อม ๆ มอง ๆ ใกล้ ๆ ผม “นี่” ไอ้น้องแทนสะกิดผม แต่เป็นการสะกิดเลเวลขั้นสุดเพราะน้องแทนเอาตีนสะกิดผม เอ้อ ให้มันได้อย่างนี้สินะ ผมยังนอนนิ่งไม่ขยับ “นี่หลับหรือตายเนี่ย” เสียงบ่นพึมพำ ยังดังอยู่ไม่หยุด “ชิบหายเอ๊ย ตีสี่แล้วกูง่วงแล้วนะเนี่ย เอาไงดีวะ ช่างแม่งเหอะกูจะนอนแล้ว” เสียงคนตัวเล็กบ่นพึมพำอย่างอารมณ์เสีย แสงไฟในห้องถูกปิดลง คนตัวเล็กล้มตัวลงมานอนข้าง ๆ ผม ในความสลัวผมแอบอมยิ้มน้อย ๆ “อุ้ย ไอ้เหี้ยพี่โฬม” เสียงด่าทอดังอยู่ในความสลัว เมื่อผมดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด “ไม่ด่าแล้วครับจะเช้าแล้วรีบนอนครับ” ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มน้องแทนเสียฟอดใหญ่ "นี่มึงจะหอมแก้มหรือจะดูดสิวเสี้ยนให้กูเอาดีๆ สูดซะขนาดนี้สิ้วเสี้ยนกูหลุดหมดแล้วเนี่ย" น้องแทนดิ้นขลุกขลัก ๆ อยู่ในอ้อนแขนผม ปากก็ด่าทอไม่หยุด สงสัยจะยังโมโหไม่หาย “เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปดูม้าคลอดลูกกันนะ” ผมดึงร่างคนตัวเล็กมากอดไว้ยกขาขึ้นไปก่ายกอดอย่างมีความสุข “มันจะคลอดพรุ่งนี้เหรอ” เสียงเหมือนคนงัวเงียถามผม “ไม่น่าจะเกินพรุ่งนี้นะเตรียมตัวรอดูได้เลย” ผมตอบกลับเพราะคะเนดูแล้ว อลิซแม่ม้าพันธุ์ดีของผมน่าจะคลอดลูกวันพรุ่งนี้แน่นอน “หนัก เอาขาออก” เสียงคนตัวเล็กประท้วงพร้อมกับใช้มือผลักท่อนขาผมออก ไม่ก่ายก็ได้แค่ได้นอนกอดแบบนี้ก็มีความสุขจะแย่แล้ว "กอดหน่อยไม่ได้เหรอ" ผมร้องท้วงขึ้น "ก็มันหนักเอาออกไป จะเอาขาออกหรือจะออกไปนอกห้องเลือกมา" เสียงคนตัวเล็กยื่นคำขาด "เฮ้อ..." ผมถอนหายใจ แล้วยกขาที่พาดลำตัวน้องแทนออก เหลือไว้แค่ท่อนแทนที่ยังโอบกอดร่างบางนั้นพร้อมกับกระชับร่างนุ่มนิ่มหอม ๆ เข้ามาแนบอก +++แทน+++ ปัง ปัง ปัง โอ๊ย....เสียงเคาะห้องรัวขนาดนี้บ้านมึงไฟไหม้กันหรือไงวะ ผมลุกขึ้นไปเปิดประตู ตายังลืมไม่เต็มที่ ไอ้เหี้ยเต้ยปลุกทำไมแต่เช้าวะ ผมหงุดหงิดอารมณ์เสีย เมื่อเห็นว่าคนมาเคาะประตูเป็นใคร ไม่รู้ไอ้พี่โฬมมันตื่นแล้วออกจากห้องไปตอนไหน แต่ก็ดีแล้วละ เพราะผมก็ยังไม่หายเคืองที่มันทำผมหายเมื่อคืน “คุณแทนครับ ลูกพี่ให้มาตามครับ” เสียงไอ้เต้ยหอบหายใจถี่ ๆ “ไม่กิน บอกลูกพี่มึงด้วยว่าเช้านี้กูไม่กินข้าว” ผมตอบหันหลังเดินกลับไปที่เตียง “ไม่ใช่ครับไม่ใช่ ลูกพี่ให้มาตามคุณแทนไปดูแม่อลิซคลอดลูกครับ เร็ว ๆ ครับเดี๋ยวไม่ทัน” ไอ้เต้ยพูดปุ๊บผมนี่ตาสว่างปั๊บเลย “ห้ะ ม้าอลิซคลอดลูกแล้วเหรอ แล้วมึงมายืนทำเหี้ยอะไรตรงนี้ ไปสิเร็ว ๆ” ผมวิ่งออกจากห้องลงบันไดไปทันที หน้าไม่ล้าง ฟันไม่ได้แปรง หน้าสดเหี้ย ๆ กันไปเลยครับ ไอ้เต้ยขับรถกระบะมารับผมไปที่คอกม้า ตอนไปถึงแม่ม้าที่ชื่ออลิซ กำลังยืนหันรีหันขวางอย่างกระวนกระวาย มันมีท่าทางกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด ผมวิ่งตรงเข้าไปเกาะแขนเจ้าของฟาร์มแน่น เจ้าของฟาร์มหันมาทางผมเอื้อมมือมาดึงตัวผมเข้าไปหาใช้แขนข้างหนึ่งโอบเอวผมไว้ อีกข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าเอวยืนมองแม่ม้าท้องแก่จวนคลอดตรงหน้า สักพักก็มีน้ำอะไรไม่รู้ ไหลพรวดออกมาจากตรงก้นมันอย่างกับใครทำกะละมังน้ำแตก ผมตกใจสะดุ้งสุดตัว เผลอเกาะแขนคนข้าง ๆ แน่น ไอ้ปืนถือกล้องวิดีโอถ่ายการคลอดลูกของ อลิซอยู่ห่างออกมานิดหน่อย อยู่ ๆ แม่อลิซก็ล้มตัวลงนอนตะแคงกับพื้นที่ปูลาดไปด้วยฟางแห้ง ดูท่าทางทรมานน่าสงสาร “มันจะเป็นอะไรมั้ย” ผมบีบมือลงกับท่อนแขนของไอ้พี่โฬม “ไม่เป็นอะไรหรอก มันกำลังจะคลอดแล้ว” ไอ้พี่โฬม ตอบแล้วเอามือมาวางบนหัวผม ผมไม่กล้ากระพริบตาเลยสักนิด กลัวพลาดช็อตเด็ด แม่อลิซมันนอนตัวเกร็งไปทั้งตัว กางขาทั้งสี่ข้างออกเกร็งแข็ง มันคงกำลังเบ่งลูก สักพักอะไรขาว ๆ ก็โผล่ออกมา พอเห็นแบบนั้นผมกลับไม่กล้ามองเลย ในตอนนี้รู้สึกกลัวและหวาดเสียว รู้สึกเจ็บแทนเหมือนกำลังคลอดลูกเองเลย ผมหันหน้าเข้าหาแผงอกของคนตรงหน้าซุกหน้าครึ่งซีกเข้าไป ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าแต่ก็ยังอุตส่าห์แง้ม ๆ ถ่างนิ้วเปิดช่องให้สามารถมองเห็นได้นิดหนึ่ง “ไหนว่าอยากดูไง” ไอ้พี่โฬมกระซิบ “กลัว” ผมตอบ หรี่ตาลงแปดสิบเปอร์เซ็นต์เอายี่สิบเปอร์เซ็นต์ไว้ดูแบบเบลอ ๆ “ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น” “น้ำเมื่อกี้อะไร” ผมตั้งคำถาม “เมื่อกี้เขาเรียกน้ำคร่ำ ถ้าถุงน้ำคร่ำแตกก็แสดงว่าจะคลอดแล้ว ตอนนี้มันนอนลงแบบนี้แสดงว่าลูกมันกำลังออกมา เห็นมั้ยขาว ๆ นั้นที่โผล่ออกมานั้นหัวมัน” เจ้าของฟาร์มอธิบายพร้อมกับชี้ให้ผมดู “แล้วนานมั้ยกว่าตัวมันจะออก อ๊าก......” ผมตกใจเผลอพุ่งเข้าไปกอดเจ้าของฟาร์มทันทีเมื่ออยู่ๆ ตัวลูกม้าทั้งตัวก็ไหลพรวดออกมาทีเดียวเป็นก้อน คนตัวโตกระชับกอดผมเบา พร้อมกับหัวเราะร่า “ไม่นาน...เห็นมั้ยเสร็จแล้ว” เสียงทุ้มๆ บอกผม ผมหันกลับมองดูภาพตรงหน้าอีกครั้ง แม่อลิซกำลังใช้ปากและหัวดุน ๆ ลูกมัน ไม่นานเจ้าลูกม้าตัวน้อยก็ขยับ มันผงกหัวขึ้นมาแล้วพยายามจะลุกขึ้นเดิน “มันเดินได้เลยเหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นถามอีกครั้ง “ใช่เดินได้เลย ไม่เหมือนคนที่ต้องรอเป็นปีกว่าจะเดินได้” ผมพยักหน้ารับหงึกหงักรับทราบ ผมยืนมองดูไอ้เจ้าลูกม้าน้อยเดินโซซัดโซเซไปเกาะแม่มัน อย่างน่ารัก มันน่ารักจริง ๆ นะ “ตอนนี้ที่นี่ก็มีม้าแปดสิบแปดตัวแล้วสิ” ผมเอ่ยถามเมื่อเฝ้าดูลูกม้าไปได้สักพัก “ไม่นะ ตัวนี้มีคนให้ผสมพันธุ์ให้ รออีกหน่อยเดี๋ยวเจ้าของจะมารับไป” ไอ้พี่โฬมบอกกับผม “ว้า น่าเสียดายจังนึกว่ามันจะอยู่ที่นี่ต่อเสียอีก” "อยากได้เหรอ" ไอ้พี่โฬมหันมาถามผม “อืม มันน่ารัก” ผมจ้องมองดูเจ้าม้าตัวน้อยที่ไม่ยอมห่างแม่มันเลย “เดี๋ยวพี่จะดูผสมให้แทนสักตัวดีมั้ย” เสียงทุ้มๆ นั้นเอ่ยขึ้นผมเงยหน้าขึ้นมองดูคนตรงหน้าส่งยิ้มให้เขา พยักหน้าถี่ ๆ “จริงๆ นะ พี่โฬมจะผสมให้แทนจริง ๆ นะ” ผมเขย่าแขนคนตรงหน้าซ้ำ ๆ หลายครั้ง หน้าของผมตอนนี้คงบานเป็นกระด้งเพราะความดีใจ “แต่ว่าถ้าพี่ผสมพันธุ์ให้แล้วแทนต้องเลี้ยงมันดีๆ นะรู้มั้ย” “ครับ ขอบคุณครับ” ผมตอบรับ “เที่ยงแล้วไปทานข้าวได้แล้วครับ วันนี้ไปกินที่ร้านพี่ชาก็ได้ ไม่ต้องกลับไปกินที่บ้าน” คนตัวโตเอ่ยขึ้น ผมนี่ตาลุกวาวเลยครับ “แต่ว่าแทนยังอยู่ชุดนอนอยู่เลยนะ หน้าก็ไม่ได้ล้าง ฟันยังไม่ได้แปรงเลย” ผมร้องท้วงขึ้นทันที เพิ่งนึกได้ว่ากูลุกขึ้นมาจากเตียงก็วิ่งฉิวมาที่นี่เลย ไอ้สัดเอ๊ยสภาพกูตอนนี้คงโคตรทุเรศเลย “ก่อนออกจากบ้านได้ส่องกระจกบ้างหรือยัง” ไอ้พี่โฬมถามผมยิ้มๆ “หึ” ผมส่ายหน้า ใครจะมีเวลาไปยืนส่องกระจกวะ กูนี่วิ่งออกมารองเท้ายังเป็นรองเท้าสลิปเปอร์อยู่เลย มึงช่วยดูสภาพกูด้วยไอ้พี่โฬม “งั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วง พี่เป็นกระจกให้แล้ว ลุคนี้ผ่านฉลุยออกพบปะประชาชนได้” ไอ้พี่โฬมเอามือมายีหัวผมเล่น เอ้าไอ้เหี้ยพี่โฬมมึงเป็นคนยังไงวะ กูไม่ได้เซทผมมามึงมายีหัวกูอย่างนี้ มึงยกเอารังนกมาวางบนหัวกูเลยเหอะ ผมปัดมือมันออกอย่างหงุดหงิด ไอ้เต้ยเป็นคนขับรถพาผมพ่วงด้วยไอ้พี่โฬมมานั่งกินข้าวที่ร้านของไอ้พี่ใบชา ร้านอาหารสไตล์คันทรีตกแต่งออกแนวคาวบอยนิด ๆ ในร้านมีลูกค้านั่งอยู่จนเกือบเต็มทุกโต๊ะ พอผมเปิดประตูเข้าไปก็คงไม่เด่นหรอก แค่คนหันมามองเกือบครึ่งร้าน ก็แค่ใส่สุดนอนลายทางกับรองเท้าสลิปเปอร์มากินข้าวเที่ยง กูผิดตรงไหนวะ ตอนกูอยู่บ้านกูก็ลงมากินข้าวอย่างนี้บ่อย ๆ ไม่เห็นจะมีใครว่าอะไรกูเลย “ไงแทน นี่มาได้ยังไงเนี่ย อย่าบอกนะว่านอนละเมอเดินมาถึงร้านพี่” ไอ้พี่ใบชาหัวเราะร้องทักผมมาจากหน้าเคาน์เตอร์เก็บเงิน “อยากแต่งร้านใหม่หรือไง พูดไม่เข้าหู ระวังแทนจะอาละวาดให้ร้านพี่พัง เมื่อคืนยังเคลียร์กันไม่จบนะ” ผมกอดอกเชิดหน้าใส่ “ไม่ ไม่ ไม่เอาละ ให้พี่ทำธุรกิจต่อไปอย่างราบรื่นเถอะครับ แล้วนี่จะทานอะไรดี” ไอ้พี่ชาหันมาทางผม “คุณแทนไปนั่งทางด้านนั้นก่อนนะครับ ที่นี่อาหารอร่อยหลายอย่าง พี่ชาทำอร่อยมากเดี๋ยวผมหยิบเมนูให้นะครับ” ไอ้เต้ยพาผมมานั่งบริเวณส่วนบริการรับรองลูกค้า ด้านนอกห้องแอร์ มันเป็นระแนงไม้ยกสูงขึ้นมาจากพื้นเกือบๆ สามเมตร มองลงไปด้านล่างเป็นพื้นหญ้าสีเขียวอ่อน ม้ารูปร่างสันทัดหกเจ็ดตัววิ่งวนเป็นวงกลมอยู่ในรั้วล้อมสีขาว กว้างขวางรอบ ๆ มีร่มไม้ยืนต้นแผ่กิ่งก้านสาขาร่มครึ้ม ลึกเข้าไปผมเห็นบ้านพักสไตล์คันทรีขนาดเล็ก หลายหลังปลูกอยู่สลับเป็นชั้น ๆ เหมือนขั้นบันได ไกล ๆ ออกไปแต่พอมองเห็นลิบ ๆ เป็นเหมือนทะเลสาบ กว้างกว่าสระน้ำเลี้ยงตัวเหี้ยที่บ้านไม้ของพวกเรานิดหน่อย มีสะพานไม้ให้นักท่องเที่ยวเดินลงไปถ่ายรูปได้ กลางบ่อน้ำมีคนลงไปพายเรือคายัคเล่นด้วย ติด ๆ กับร้านอาหารของไอ้พี่ใบชาเป็นเหมือนช้อปขายของ ผมเห็นมีคนเดินเลือกซื้อของกันอยู่หลายคน “เมนูครับคุณแทน” ไอ้เต้ยยื่นเล่มเมนูอาหารมาตรงหน้าผม “แนะนำสิว่าอะไรอร่อย” ผมเอียงคอมองเจ้าของฟาร์มตรงหน้า “ลองเลือกดูก่อนสิเผื่อมีอะไรที่อยากกิน” ไอ้พี่โฬมพยักหน้าไปทางเล่มเมนูอาหาร ผมจึงจับมันขึ้นมาพลิกดู รูปภาพอาหารสี่สีพร้อมบอกราคาชัดเจน หน้าตาดูดีไม่เบา แต่ว่าเป็นภาพเพื่อการโฆษณาหรือเปล่าอันนี้ผมไม่รู้เหมือนกัน “งั้นเอา ทีโบนสเต็กเอาแบบสุกพอดี รีซอทโต้เนื้อ ไส้กรอกรมควันด้วย แล้วก็อ่อเอาขนมปังแป้งพิซซ่า ตามนี้” ผมสั่งอย่างรวดเร็วจนไอ้เต้ยหน้าเหวอ ส่วนไอ้พี่โฬมได้แต่หัวเราะหึหึ รอไม่นานอาหารที่สั่งก็เรียงคิวมาวางอยู่จนเต็มโต๊ะ โอ้แม่เจ้ามันช่างหอมน่ากินจริง ๆ นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนกว่าจะได้กินผมคงต้องถ่ายรูปอัพลงไอจี เฟชบุ๊ค อวดเพื่อน ๆ ไปแล้ว แต่ตอนนี้คงไม่ไหวหิวมาก ที่สำคัญผมไม่มีโทรศัพท์มือถือ ผมจัดการสเต็กเนื้อตรงหน้า บอกเลยว่าโคตรฟิน เนื้อนุ่มฉ่ำสุด ๆ โอ๊ยใจละลาย ไม่เสียราคาคุยของไอ้เต้ยจริงๆ มิน่าเล่าที่นี่ลูกค้าถึงไหลเข้ามายังกับสายน้ำ ถ้าเทียบกับราคาที่แปะไว้ก็นับว่าไม่แพงเลย จานนี้ผมเคยกินอยู่ในกรุงเทพราคาหลายพันอยู่นะ แต่นี่ราคาไม่ถึงพันแถมอร่อยสัด ผมใช้มีดหั่นเนื้อสเต็กยัดใส่ปากอย่างมีความสุข สลับกับตัดไส้กรอกรมควันของโปรดผมและรีซอทโต้มันสุดยอดแห่งความสุขจริงๆ ไอ้พี่โฬมสั่งพอคช็อพสเต็กมากินตรงหน้าผม มองไปมองมาก็น่ากินไม่น้อย ส่วนไอ้เต้ยไม่รู้หายไปไหนตั้งแต่เอาอาหารมาเสิร์ฟก็หายหัวไปเลย “ชิมหน่อย” ผมยื่นส้อมไปตรงหน้า กระดิกปลายส้อมเบาๆ มองคนตรงหน้า อย่างอ้อน ๆ หน่อย เดี๋ยวมันไม่ให้กิน ไอ้พี่โฬมใช้มีดหั่นสเต็กในจานก่อนจะเอาส้อมจิ้มส่งป้อนให้ผมถึงปาก “อืม...อร่อยจริงๆ ด้วย” ผมพยักหน้าหลับตาพริ้มยิ้มอย่างมีความสุข “ไงแทนอร่อยมั้ย” ไอ้พี่ใบชาเดินมานั่งลงที่โต๊ะ สายตากวาดมองจานอาหารที่ผมกินจนเกือบเกลี้ยงทุกจานอย่างทึ่ง ๆ “อืมอร่อยมาก” ผมยิ้มให้พร้อมกับยกนิ้วโป้งกดไลค์ให้เลย ถ้านิ้วโป้งไม่พอเดี๋ยวช่วยเอาตีนกระทืบไลค์ให้อีกสองตีนเลยเอ้า “เฮ้อ...ชื่นใจจัง นึกว่าจะไม่ถูกปากน้องแทนซะแล้ว” ไอ้พี่ใบชาหัวเราะ “ทำไมกลัวแทนลุกขึ้นมาพังร้านพี่หรือไง” ผมยักคิ้วให้ “กลัวสิ” ไอ้พี่ใบชาหัวเราะร่า “แล้วนี่ไปไหนกันมาเหรอทำไมมาสภาพนี้” ไอ้พี่ใบชาหันไปถามไอ้พี่โฬม “อลิซคลอดลูกแล้ว เลยพามาดู” ไอ้พี่โฬมตอบเรียบ ๆ มือหั่นสเต็กส่งป้อนผมอีกชิ้นหนึ่ง ไอ้พี่ใบชามองตามมือของไอ้พี่โฬมอย่างเจ้าเล่ห์แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมอิ่มจนแทบลุกจากโต๊ะไม่ไหว มาจุกก็อีตรงแป้งพิซซ่านี่แหละ มันบางกรอบอร่อยโคตร จะเหลือไว้ก็นึกเสียดายเลยจับยัด ๆ เข้าไปให้มันหมด ๆ ตอนนี้เรียกว่าเกลี้ยงเรียบแปล้ทุกจาน ไอ้พี่โฬมเหมือนจะเจอคนรู้จัก ก็เลยขอตัวลุกไปคุยกับกลุ่มลูกค้าข้างในห้อง ทิ้งให้ผมนั่งอืดอยู่ที่โต๊ะคนเดียว “ขอโทษครับ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” เสียงใครคนหนึ่งทักขึ้น ทักใครวะ ทักกูเหรอผมหันซ้ายหันขวา เออตรงนี้ก็มีกูอยู่คนเดียวนี่หว่า คงทักกูแหละ ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ “ห้ะ ครับผมเหรอ” ผมทำหน้าเหวอ “ครับ คุณกับผม เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ยครับ ผมรู้สึกคุ้น ๆ หน้าคุณ” ผู้ชายคนนั้นส่งยิ้มให้ผม ผู้ชายร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคายรอยยิ้มอบอุ่น ดวงตาเป็นประกาย มึงจำผิดแหละ กูบอกเลยมึงจะทักใครมึงช่วยดูสภาพกูด้วย กูอยู่ในสภาพที่คนควรจำกูได้มั้งไอ้สัด ถ้าไม่ใช่ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่และแม่บ้าน คนสวน ในบ้านกูไม่น่าจะมีใครเคยเห็นกูในสภาพนี้มาก่อนนะ เบ้าหน้าโทรม ๆ หน้ามัน ๆ ฟันไม่แปรง กลิ่นเหม็นขี้ฟันเนี่ยไอ้สัด ใส่ชุดนอนลายทาง ลากรองเท้า สลิปเปอร์เดินพล่านขนาดนี้ “เอ่อ ไม่น่าใช่มั้งครับ” ผมยิ้มแห้ง ๆ สภาพกูตอนนี้ไม่น่าดูหรอกกูรู้ มึงเป็นใครเนี่ย ไม่ต้องมาเสือกทำเป็นจำกูได้ ตอนนี้กูไม่อยากเจอคนรู้จัก “คุณแทน” ผู้ชายคนนั้นเรียกชื่อผม มึงรู้จักชื่อกู มึงจำกูได้จริงดิ ผมแปลกใจนิดหน่อย เพราะไม่คิดว่าจะมาเจอใครที่รู้จักผมในที่ไกลขนาดนี้ “ห้ะ” ผมร้องอุทาน มันรู้จักกูจริงๆ ด้วยว่ะ ใครวะทำไมกูจำคนหล่อขนาดนี้ไม่ได้ “คุณจำไม่ได้จริง ๆ หรอครับ เราเคยเจอกันงานการกุศลที่คุณแทนไปร่วมประมูลซื้อของเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าไงครับ วันนั้นคุณแทนประมูลเสื้อยืดแข่งกับน้องชายผมตัวละตั้งสองแสนจำได้มั้ยครับ” “เหรอครับ” เหรอวะ......กูคิดเหี้ยอะไรอยู่ตอนนั้นวะ เสื้อยืดส้นตีนอะไรวะตั้งสองแสน เมื่อคืนกูเดินงานวัดเสื้อยืดตัวละร้อยเดียวเกลื่อนตลาดเลยไอ้สัด “แล้วคุณชื่อ...” ผมเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ “ผมชื่อไตรครับลูกชายของคุณศศิ คุณแม่ผมท่านเป็นเพื่อนร่วมงานการกุศลกันกับคุณแม่คุณแทนไงครับ เราเคยเจอกันสองสามครั้ง” คนตรงหน้าพยายามช่วยรื้อฟื้นความจำปลาซิวปลาสร้อยให้กับผม “อ่อ ครับ” ผมพยักหน้ารับรู้เบา ๆ เคยเจอกันสองสามครั้งแต่กูจำมึงไม่ได้ เออพอจะเดาออกหรอกนะ เพราะถ้าถอยหลังย้อนเวลาไป เมื่อก่อนนี้ผมมันคนไม่สนโลกอยู่แล้ว “คุณแทนมาทำอะไรที่นี่ครับ มาเที่ยวเหรอ” สายตาของไอ้คนชื่อไตรมองผมตั้งแต่หัวจรดตีน เออไม่ต้องตอกย้ำกูด้วยสายตาแบบนี้ก็ได้ เดี๋ยวกูรีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้วะสัดเอ้ย “เอ่อ...ผม” กูจะตอบยังไงดีวะ ว่ากูโดนที่บ้านตัดหางมาปล่อยฟาร์ม “แทน” เสียงเข้มดุ ๆ ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของเจ้าของฟาร์มหน้าฝรั่งดังขึ้น ผมนี่สะดุ้งเลยเพราะไม่ได้ยินสียงดุ ๆ แบบนี้มาหลายวันแล้ว “...” ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบกับสายตาดุ ๆ นั้นพิกล ไอ้พี่โฬมเดินตรงเข้ามาทางผมและไอ้คนชื่อไตร ดวงตาสีน้ำตาลทองอ่อน ๆ นั้นแข็งกร้าว และหน้าตาก็บึ้งตึง มึงไปโกรธอะไรใครมาวะไอ้พี่โฬม ทำไมกูรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปร๊บๆ ระหว่างสองคนนี้วะ หรือว่าสองคนนี้รู้จักกันมาก่อน กูควรจะหายตัวไปจากตรงนี้มั้ยนะ เผื่อว่ามันสองคนมีอะไรต้องเคลียร์กัน ไอ้คนชื่อไตรนี่สายตากวนตีนสัด มองเหมือนจะเยาะเย้ยอะไรไอ้พี่โฬมอยู่ในใจ น่าตบนะมึงเนี่ย ส่วนไอ้พี่โฬมมึงไปโกรธอะไรใครมาวะ หน้ามึงเหมือนไม่พอใจอะไรไอ้ไตร มึงโกรธอะไรกันวะกูไม่รู้เรื่องนะ กูอิ่มอยู่กูลุกจากโต๊ะไม่ไหว ไอ้สัดอย่าเพิ่งมีเรื่องกันนะ ไม่อย่างงั้นกูอาละวาดร้านพังนะมึง ผมนั่งมองผู้ชายสองคนปล่อยพลังจิตสังหารใส่กันอยู่ครู่หนึ่ง จนไอ้พี่ใบชาเดินมาที่โต๊ะ พร้อมใบเสร็จค่าอาหาร “อ่ะ ค่าเสียหาย” ไอ้พี่ชาวางบิลตรงหน้าผม “อ้าวเฮ้ย ไรอะไม่กินฟรีเหรอ” ผมร้องทักหน้าเสีย ก็ทั้งตัวไม่มีตังสักบาท เมื่อคืนยังขอตังไอ้พี่โฬมปาโป่งอยู่เลย “หืม...ไม่ฟรีครับของซื้อของขาย แต่เห็นกับน้องแทนพี่เก็บบิลไปเคลียร์กับผู้ปกครองน้องแทนได้ อะมึงจ่ายมาถ้าไม่มีเงินสด ร้านกูรับบัตรเครดิต” ไอ้พี่ใบชาเปลี่ยนทิศยื่นบิลค่าอาหารไปให้ไอ้พี่โฬมแทน ตกลงมันเป็นผู้ปกครองผมเหรอวะ ไม้รู้แหละกูรู้แค่มึงชวนกูมาแดกเอง งั้นมึงจ่ายถูกต้องแล้วครับไอ้พี่โฬม "ถ้ายังไงวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับคุณแทน เราคงได้พบกันอีก" คนชื่อไตรหันมามองผมตาเยิ้ม มึงมองส้นตีนอะไรแบบนั้น เดี๋ยวกูจิ้มตาแตก นี่กูเป็นผู้ชายนะไอ้สัด มองซะกูขนลุกเลย "อ๋อ ครับ" ผมมองหน้ามัน งงๆ ไอ้คนชื่อไตรหันมายิ้มให้ผม แล้วมันก็ถอยทัพไปกับกลุ่มเพื่อนของมันล่ะมั้ง เห็นพวกมันหันมามองผมกันอยู่สักพัก แล้วก็พากันขับรถออกไป ผมหันกลับมาสนใจไอ้พี่โฬมที่ยืนคอแข็ง ทำหน้าเหมือนปวดท้องขี้แล้วขี้ไม่ออกอยู่ตรงข้ามผม "แทนรู้จักมันเหรอ" เสียงเข้ม ๆ แข็ง ๆ ของไอ้พี่โฬมเอ่ยขึ้น "ห้ะ" อะไรวะถามใคร ถามกูงี้เหรอ ถามถึงใครวะ อ๋อหรือว่าถามถึงไอ้คนชื่อไตร "หมายถึงไอ้คนชื่อไตร เมื่อกี้เหรอ" ผมพยักหน้าไปทางหน้าร้านที่มันเพิ่งขึ้นรถขับออกไป "...." ไอ้พี่โฬมไม่ได้ตอบแต่ตามันเขียวปั้ดเลยครับ สงสัยมันต้องโกรธหรือเกลียดไอ้ไตรมากแน่ ๆ "ไม่รู้จักหรอก เขามาทักเมื่อกี้ บอกว่าเคยเจอแทนตอนอยู่กรุงเทพ แต่แทนจำไม่ได้ พี่โฬมรู้จักเขาเหรอ" ผมถาม ในใจก็อยากเสือกเรื่องของเขา อยากรู้อยากเห็นว่าสองคนนี้มีซัมติงอะไรกัน แต่พอมันได้คำตอบจากผมมันก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้นมาทันที "แทนจำมันไม่ได้เลยเหรอ" ไอ้พี่โฬมยิ้มออกมาได้ในที่สุด "จำเป็นต้องจำด้วยเหรอ ไม่รู้สิไม่ได้ใส่ใจ" ผมตอบพร้อมกับยักไหล่ ไอ้พี่โฬมฉีกยิ้มกว้าง ไอ้นี่ถ้าจะบ้าเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย เมื่อกี้ยังทำหน้าเหมือนจะแดกหัวให้ไตรอยู่เลยนะ "อิ่มแล้ว กลับบ้านไปอาบน้ำนะ" ผมเอาขาสะกิดคนตัวโตกว่า "ไม่อยู่เที่ยวเล่นแถวนี้เหรอ" ไอ้พี่โฬมหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วใส่ผม "ไม่เอาอ่ะเหม็นตัวเอง อยากอาบน้ำ ให้ไอ้เต้ยไปส่งหน่อย" ผมเอาตีนเตะหน้าแข้งมันเป็นการรบเร้า แล้วก็เป็นไอ้เต้ยที่ขับรถเอาผมกลับมาส่งที่บ้านเมื่อตอนบ่ายสองโมงกว่าแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม