ตอนที่ 20 ลองของแปลก
+++แทน+++
เย็นนี้บนโต๊ะอาหารมื้อเย็น ผมรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่าง เพราะมันตามมาหลอกหลอนผมถึงที่ฟาร์มเลยครับกับไอ้ a lot of ตีน ที่ยังเป็นปริศนาคาตีน เอ้ยคาใจผมอยู่
ผมเริ่มไม่มั่นใจว่า ไอ้พวกเจ็ดลูกกรอกนี่มันต้องการจะแกล้งหรือมันจงใจจะเกลียดผมกันแน่ เพราะวันนี้ ไอ้ขุนยกตีนหม้อใหญ่ลงมาตั้งโครมบนโต๊ะอาหาร ไอ้พี่ธีร์ขอย้ายที่นั่งไปนั่งข้างไอ้พี่ใบชา มันบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับไอ้พี่ชา แต่ผมว่ามันตอแหล ไอ้คนพวกนี้แม่งไว้ใจไม่ค่อยได้
“นี่พวกมึงไม่มีอะไรจะแดกกันหรือไงวะ” ผมหันหน้าไปถามไอ้ปืนที่มันนั่งยิ้มกริ่มอยู่ท้ายโต๊ะ
“โธ่ คุณแทนนี่สิครับของอร่อย” ไอ้ปืนบอกผม ฉีกยิ้มกว้างน่าเอาตีนทาบหน้ามันจริงๆ
“ตีนเนี่ยนะ” ผมแสยะยิ้มทำหน้าผวาใส่ ต้มซุปเปอร์ตีนไก่ของพวกมัน
“ครับ ของดี ของเด็ดสูตรเฉพาะของไอ้ขุนเลยนะครับ คุณแทนลองดูครับแล้วจะติดใจ” ไอ้เต้ยตักตีนไก่ตีนหนึ่งใส่ลงมาในจานผม
“นี่...ถามจริง ลูกน้องทำงานเหนื่อยขนาดนี้ ทำไมไม่ทำกับข้าวดี ๆ ให้กินอ่ะ เลี้ยงแบบนี้จริงดิ” ผมหันไปแขวะเจ้าของฟาร์ม ซึ่งนั่งดั้งโด่งอยู่ข้าง ๆ ผม
“ก็พวกมันจะกินแบบนี้นี่ เอาเป็นวันนี้ตีนไก่ พรุ่งนี้เลี้ยงขาหมูเยอรมันเลยดีมั้ย ขา ๆ ตีน ๆ เหมือนกัน” ไอ้พี่โฬมพูด ไม่รู้มันพูดจริงหรือล้อเล่น หรือต้องการจะกวนตีนผมกันแน่
ผมเลิกสนใจไอ้พี่โฬมแล้วหันมาสร้างความกล้ากับตีนตรงหน้าแทน ไอ้เต้ยคือสุดยอดบรมครูที่สอนให้ผมรู้จักวิธีแดกตีนยังไงให้ปลอดภัยและอร่อย เพราะอะไรน่ะเหรอครับ
ตีนแรกนู้น...กระเด็นไปตกใส่หน้าไอ้เสก ตีนเต็มหน้ามันเลยครับ ไอ้พวกนั้นหัวเราะกันจนตัวงอ ส่วนตีนที่สองนิ้วตีนไก่ติดคอผมแทบตาย ตีนที่สามแม่งกระโดดเต้นบัลเลต์ไปลงในถ้วยน้ำพริกกลางวงซะฉิบ ไอ้พวกลูกลิงเจ็ดตัวหัวเราะชอบใจใหญ่ส่วนไอ้หัวหน้าลิงสามตัวที่นั่งใกล้ ๆ ผมก็นั่งขำกันไม่เกรงใจกูเลย
“โว้ย....” ผมตบโต๊ะลุกพรวดขึ้นทันที แต่ละคนตะลึงตัวแข็งไปหมด พวกมันคงกลัวผมอาละวาดแหละ
“คุณแทนใจเย็นๆ นะครับ” ไอ้เต้ยเอามือลูบแขน ลูบหลังผมเบาๆ
“ไอ้ส้นตีนนี้นะ แดกยากแดกเย็นเหลือเกินนะไอ้ชิบหาย มึงนะมึง ตีนแค่นี้ทำมาเป็นเก่งเดี๋ยวมึงเจอตีนกู”
ผมลุกขึ้น ยกตีนขึ้นมาเหยียบบนเก้าอี้ ทำท่ายืดตัวขึ้นสูง ๆ ทุกคนอ้าปากค้างแข็ง ไอ้เต้ยพุ่งเข้ากอดเอวผมแน่น รั้งให้ผมนั่งลงกับเก้าอี้ ผมเหลือบตาชำเลืองดูสีหน้าทุกคนก่อนจะถอนหายใจฟึดฟัดไปมาสองสามทีอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย เออเห็นแก่หน้าพวกมึงนะ กูไม่อาละวาดก็ได้วะ สัดเอ๊ย
“ไอ้เหี้ยเต้ยเอามาใหม่ ถ้าวันนี้กูแดกมึงไม่ได้นะไอ้ส้นตีน พวกมึงทุกคนต้องนั่งทนแดกตีนเหี้ย ๆ นี่ไปจนกว่ากูจะแดกมันได้สำเร็จ เอามานี่”
ผมกระชากชามต้มซุปเปอร์ตีนไก่มาไว้ตรงหน้าแล้วใช้ความพยายามทั้งหมดในชีวิต ตั้งแต่เรียนอนุบาลหนึ่งจนจบมหาวิทยาลัยมาเพื่อกินตีนไก่
ผมรู้แล้วว่าทำไมพวกมันชอบแดก เอาจริง ๆ นะ การนั่งแทะตีนไก่แม่งคือศาสตร์และศิลป์ขั้นสุด ไม่มีเนื้อเหี้ยอะไรเลยครับ หนังตีนไก่บางๆ หลุดหลุ่ยมีเอ็นเปื่อย ๆ แม่งติดอุ้งตีนไก่อยู่นิดนึง แดกก็ยาก แดกไปแดกมาปากกูเหนียวเหมือนเอากาวมาทาปากเลยไอ้สัดเอ๊ย แต่นั่งกิน ๆ ไปแม่งก็เพลิน ๆ ดีเหมือนกันนะ ไม่รู้อร่อยตรงไหนแต่คือกูเพลินโคตร อารมณ์สะดุดครับเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที ตีนหมด
“อ้าว” ผมร้องเสียงดังแม่งสะดุ้งกันทั้งโต๊ะ
“เอ่อ...มันหมดแล้วครับคุณแทน” ไอ้เต้ยตอบ มันรีบเอามือมาลูบแขนผมทันทีเพื่อไม่ให้ผมโมโห
“พรุ่งนี้ผมต้มมาให้ใหม่นะครับคุณแทน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเพิ่มข้อไก่ให้ด้วย โอ้.....แซ่บเวอร์เบอร์แรงแซงทุกตีนเลยครับ” ไอ้ขุนรีบชิงบอกก่อน อย่างประจบเอาใจ สีหน้าพวกมันลุ้นขั้นสุด
“มึงพูดเองนะ ถ้าพรุ่งนี้กูไม่ได้แดก มึงได้แดกตีนกูแน่ กูแถมให้ทั้งข้อตีนกู ทั้งเข่า ทั้งหมัดเลย” ผมชี้หน้า คาดโทษมันอย่างหมายหัว ไอ้พวกเจ็ดลูกกรอกหัวเราะชอบใจ
“ครับผม” ไอ้ขุนยกมือทำท่าวันทยหัตถ์ใส่ผม
“ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว เลอะเทอะหมดแล้ว” เสียงทุ้ม ๆ ของคนข้างขวาบอกผม
“รู้แล้วน่า...โอ๊ะยุง”
โป๊ก ... เสียงหน้าผากผมที่โขกลงไปบนหน้าผากไอ้คนหน้าฝรั่งตรงหน้า ตามมาด้วยเสียงร้อง โอ๊ย...ของคนตัวใหญ่ ไอ้พี่โฬมมันคง งง แหละว่าผมเอาหัวไปโขกมันทำไม ก็มันมียุงตัวใหญ่เกาะอยู่ที่หน้าผากมันพอดีนิ แล้วมือผมก็ไม่ว่างด้วย เลยเอาหน้าผากโขกแม่งเลย ไอ้ยุงชะตาขาดตัวนั้นแม่งตายสนิทติดกลางหน้าผากไอ้พี่โฬม เป็นศพไม่มีญาติเลยครับ ไอ้พี่โฬมยกมือขึ้นมาคลำกลางหน้าผากแล้วหยิบเอาซากยุงที่น่าสงสารมาถือในมือ มองหน้าผมเหวอ ๆ
“ไม่ต้องขอบคุณนะ ถือซะว่า.....พี่ติดหนี้ชีวิตแทนหนึ่งครั้ง ไปนอนละ”
ผมเดินกางแขนเป็นผีจีนลุกขึ้นจากโต๊ะ เพราะมือทั้งสองข้างเหนียวหนึบ ปากก็เหนียว ๆ เดาว่าสภาพตอนนี้ทุเรศน่าดูเพราะกว่าจะปลุกปล้ำตีนไก่ให้มันเชื่อฟังผมได้นี่ ต้องใช้สกิลเยอะทีเดียว
ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียงหัวเราะระเบิดดังลั่นไล่หลังผมมาหลังจากผมเดินเข้ามาในบ้านแล้ว ไอ้พวกนี้นี่นะเส้นตื้นกันจริงๆ มีอะไรน่าหัวเราะกันนักหนา ตอนกูอยู่ก็ไม่เสือกเล่นอะไรสนุกๆ พอกูลุกเดินออกมามันคงพากันเล่นอะไรพิเรน ๆ ถึงได้หัวเราะกันขนาดนั้น
วันนี้ตลอดทั้งวันผมไม่เห็นหน้าไอ้พี่โฬมเลยครับ ตอนเที่ยงไอ้ขุนเป็นคนเอาข้าวมาส่งผม ผมไม่ได้กินข้าวที่บ้านแต่ขอออกไปกินข้าวกับพวกไอ้โอ๊ตที่คอกม้า อยากไปดูลูกม้าที่เพิ่งคลอด
ตอนมาถึงไอ้โอ๊ตบอกว่าไอ้พี่โฬมออกไปข้างนอกกับไอ้พี่ธีร์ ไอ้พี่ใบชาแล้วก็ไอ้เต้ยไม่รู้จะกลับเข้ามากี่โมง ผมเลยนั่งกินข้าวเคล้ากลิ่นขี้ม้ากับไอ้โอ๊ต ไอ้ปืน จริง ๆ ไอ้สองคนนี้ตลกดีมีเรื่องสนุก ๆ แปลก ๆ มาเล่าให้ฟังเยอะเลย
เวลาเลยมาจนเย็นเมฆดำ ๆ ครึ้ม ๆ ของฝนห่าใหญ่ตั้งเค้ามาตั้งไกล ไอ้โอ๊ตเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งผมที่บ้าน บอกว่าให้รอที่บ้าน เผื่อฝนตกเดี๋ยวจะไม่สบาย นี่พวกมึงห่วงกูขนาดนั้นเชียว
ไม่นานนักฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา มันมืดไปหมดรอบด้าน ทั้งลม ทั้งฝน มืดฟ้ามัวดิน เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างไปหมด
ปกติอยู่กรุงเทพฝนแม่งก็ตกแหละ แต่มันไม่ได้น่ากลัวแบบนี้ สักพักไอ้ขุน กับไอ้โดมขับรถมาจอดหน้าบ้านวิ่งเอากับข้าวฝ่าสายฝนมาส่งให้
ผมกับมันสองคนนั่งชะเง้อคอมองทางตลอดเป็นห่วงไอ้โอ๊ตกับไอ้ปืน เพราะเห็นไอ้ขุนบอกว่า ถ้าฟ้าแรงแบบนี้ต้องดูแลม้ากับสัตว์ต่าง ๆ ให้ดี ไม่งั้นจะป่วย ผมยังไม่กินข้าว ไม่รู้ทำไมไม่รู้สึกหิว ในใจเป็นห่วงอยากรอกินพร้อมคนที่เหลือ
อะไรหลาย ๆ อย่างที่นี่ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงผมไปหมด อะไรไม่เคยทำก็ได้ทำ อะไรไม่เคยกินก็ได้กิน เมื่อก่อนหิวตอนไหนอยากกินตอนไหนก็กิน การนั่งกินข้าวคนเดียวสำหรับผมเป็นเรื่องปกติ แต่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่การได้นั่งกินข้าวพร้อมกันสิบเอ็ดคนมันดีจริง ๆ นะ
“คุณแทนหิวหรือยังครับ ถ้าคุณแทนหิวทานก่อนเถอะครับ พวกมันสองคนคงกลับเข้ามาค่ำ ๆ” ไอ้ขุนบอกผม
“ไม่เอารอพวกมันก่อน” ผมตอบเดินไปเปิดหม้อต้มดู เออไอ้ขุนต้มซุปเปอร์ตีนไก่มาตามที่บอกจริงๆ
“ผมไม่โดนตีนคุณแทนใช่มั้ยครับ นี่ผมต้มซุปเปอร์มาให้ตามสัญญาแล้วนะครับ” ไอ้ขุนตอบยิ้มอย่างประจบ
ประมาณทุ่มกว่าๆ ไอ้โอ๊ต กับไอ้ปืนก็กลับมาพร้อมกับบอกว่าวันนี้พวกไอ้พี่โฬม ไอ้พี่ธีร์ ไอ้พี่ใบชากับไอ้เต้ยคงไม่ได้กลับมาบ้านเพราะธุระยังไม่เสร็จ
“พวกมึง” ผมเรียกพวกมันเบา ๆ ยิ้มกริ่มเพราะนึกอะไรสนุก ๆ ออก
“ครับ” ไอ้โอ๊ตตักกับข้าวใส่จานวางเรียงตรงหน้าผม วันนี้เรามากินข้าวในห้องรับแขกครับ เพราะโต๊ะไม้ข้างนอกเปียกหมด
“แดกเหล้ากัน” ผมยักคิ้วให้พวกมัน ซึ่งพวกมันก็ยิ้มร่าอย่างรู้ใจผมเลย
“ไอ้ปืนมึงขับรถออกไปซื้อเหล้าเร็ว ๆ” ผมรีบบอกมันทันที
“ตังอ่ะครับคุณแทน” มันแบมือมาทางผมทันที
“โอ้ยไอ้ชิบหาย กูไม่มีตัง อ่ะ มึงเอานาฬิกากูไปตึ๊งไว้ก่อนเลย” ผมถอดนาฬิกาแบรนด์หรูราคาเหยียบล้านส่งให้มัน
“โธ่ คุณแทนร้านค้าแถวนี้เค้าจะเอานาฬิกาคุณแทนไปทำไมละครับ คนแถวนี้เค้าเอาเงินครับ” ไอ้ปืนบอกยิ้ม ๆ
“ก็กูไม่มีอะ มีแต่บัตรเครดิตมึงจะเอามั้ยล่ะ” ผมทำหน้างอใส่มัน
“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ไอ้ปืนลุกขึ้นคว้ากุญแจรถจากไอ้ขุนแล้วก็เอาตีนสะกิดไอ้โอ๊ตให้ออกไปด้วยกัน
พวกผมห้าคนนั่งแทะตีนรอพวกมันสองคนอยู่นาน แม่งก็ไม่กลับมาสักที แม่งเหมามาหมดโรงงานแล้วมั้ง หายไปนานขนาดนี้ ไอ้ฝนห่านี้ก็ตกไม่ลืมหูลืมตาเลยวุ้ย พรึ้บ
“ไอ้เหี้ยยยย” พวกผมห้าคน ร้องตะโกนสุดเสียงขึ้นมาพร้อมกัน เมื่ออยู่ ๆ ไฟฟ้าก็ดับพรึ้บลง
“ไอ้เหี้ยขุน มึงอยู่ไหน” ผมยื่นตีนออกไปสะกิดข้างหน้าเพราะเมื่อกี้จำได้ว่ามันนั่งอยู่ข้างหน้าผม
“ผมอยู่นี่ครับคุณแทน” ไอ้ขุนเอามือมาจับตีนผมบีบเบา
“ไอ้เหี้ยโดม มึงไปดูดิว่ามีไฟฉายมีเทียนอะไรตรงไหนหรือเปล่า"
ไอ้ขุนเปิดไฟฉายจากมือถือส่องไฟไปตามทางเดิน มันหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมไฟฉายในมือสองกระบอก ผมเอามาถือไว้กระบอกหนึ่ง ไอ้เสก กับไอ้ไผ่ นั่งขดตัวติดอยู่กับโซฟา มันสองคนหยิบมือถือมาเปิดโหมดไฟฉายส่องไปทั่วบ้าน ไอ้ขุน ไอ้โดมเดินไปชะโงกหน้าดูข้างนอกถึงเห็นว่าไฟดับทั่วไปหมด
พวกเราห้าคนนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ ไม่กล้าลุกไปไหน ไอ้บ้านไม้เหี้ยนี่พอไม่เปิดไฟก็น่ากลัวชิบหาย เงากิ่งไม้ใบไม้แม่งเอนไหวไปตามแรงลมฝน น่ากลัวเหี้ย ๆ เปรี้ยง เสียงฟ้าฝ่าลงมาเปรี้ยงใหญ่พร้อมกับประตูบานใหญ่หน้าบ้านเปิดออกกว้าง
“อ๊ากกกก....” พวกผมสะดุ้งสุดตัว แหกปากหวีดร้องกันสุดเสียง
เมื่อเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ยืนทะมึนอยู่ข้างหน้า ไอ้สัดไฟฉายดับอีก โคตรพ่อโคตรแม่มึงเอ๊ย ร่างดำๆ หน้าประตูกระโดดพุ่งมาทางพวกผมอย่างเร็ว ไอ้เสก ไอ้ไผ่ ไอ้โดม ไอ้ขุนและผมยกตีนกระทืบแม่งไม่ยั้งเลยครับ ไม่รู้ว่าผีหรือคนถ้าเป็นผีมึงได้ไปเกิดใหม่แน่ แต่ถ้ามันเป็นคนมึงก็กำลังจะกลายเป็นผีแน่ ๆ อีกเหมือนกัน
“โอ้ย โอ้ย โอ้ย คุณแทนผมเอง” เสียงร้องโอย ๆ ดังขึ้น
“ไอ้สัดปืน ไอ้ชิบหาย มึงเดินเข้ามาดี ๆ มึงจะตายหรือไงไอ้เหี้ย ตกใจหมด” ผมก่นด่ามัน ไอ้ปืนค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นหลบตีนพวกผม
“ขอโทษครับแค่จะล้อเล่นนิดเดียวเอง”
พรึ้บไฟฟ้าสว่างขึ้นทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาเยอะเลยครับ ผมมองดูเสบียงสำหรับคืนนี้มันซื้อเหล้ามาสี่กลม แล้วก็มีกับแกล้มถุงเบ้อเริ่มวางลงกลางโต๊ะ
“ไอ้สัดปืน มึงซื้อเหี้ยอะไรมาให้กูแดกเนี่ย” ผมขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัวเมื่อเห็นสิ่งที่มันซื้อมา
“ก็ตอนผมยืนซื้อเหล้าอยู่อะครับ เห็นลุงแกปั่นรถมาขาย ตากฝนโคตรน่าสงสารเลยนะครับ ฝนตกอะแกขายของไม่ได้ผมเลยช่วยแกซื้อมาแต่มันอร่อยจริง ๆ นะครับคุณแทนลองหน่อยๆ ก็เหมือนแกงหอย เหมือนตีนไก่แหล่ะครับ” ไอ้ปืนมาบีบ ๆ นวดๆ ขาผม
“พวกมึงนี่เป็นซานตานมาเกิดกันหรือไงวะ แดกแม่งทุกอย่างเลยนะ กูนี่ก็บ้า ตั้งแต่มาอยู่กับพวกมึงเนี่ยนับวันกูจะเพี้ยนขึ้นทุกวัน” ผมด่ามันยืดคอมองดูสารพัดสัตว์ประหลาดทอดในจาน
“อ่ะมึงจะนำเสนออะไรมึงว่ามา” ผมกอดอกมองรับแก้วเหล้ามาจากไอ้เสกยกกระดกลงคอ
“นี่จี้งหรีดครับ อันนี้ดักแด้ อันนี้ตั๊กแตนทอด อันนี้รถด่วน อันนี้แมงสะดิ้ง อันนี้แมงกระชอน” มันเอาสัตว์ประหลาดมาวางเรียงตรงหน้าผม
“อ่ะกูไม่มีอะไรจะเสียล่ะลองดูก็ได้ แต่ถ้าพวกมึงหลอกกูนะ กูจะกระทืบให้ตายเลย”
ผมค่อย ๆ จับลองกินไปทีละอย่าง กินตัวนึงผมกระดกเหล้าตามไปแก้วนึง ไอ้เสกยังเป็นมือชงเหล้าขั้นเทพเหมือนเดิม มันชงมาไม่ขาด ผมตัดใจหลับหูหลับตาอ้าปากกินสัตว์ประหลาดทอดตามที่ไอ้พวกเวรนี่แนะนำ กินไปกินมาเออมันก็เค็ม ๆ มัน ๆ ดีเหมือนกัน
กินไปจนดึกก็เมาจนเก็บทรงไม่อยู่แล้ว ไอ้ไผ่เอาโทรศัพท์มาเปิดเพลงสร้างบรรยากาศ เพลงเหี้ยไรไม่รู้ครับผมไม่เคยฟัง มันเป็นภาษาอีสานแปลไม่ค่อยออก แต่ดนตรีมันส์ชิบหาย
พอเริ่มเมามันก็ชวนกันโยกหัว โยกตัวตามจังหวะเพลง เคาะถ้วยเคาะจานกันสนุก สรุปทั้งตีนไก่ ทั้งสัตว์ประหลาดผมแดกจนเกลี้ยง ผมรู้ตัวว่าตัวเองเมามากแล้ว ไอ้เหล้าห่านี่กินแล้วเมาสัด คงดึกมากแล้วที่พวกมันก็หิ้วปีกผมขึ้นไปบนห้อง
“พวกมึงห้ามทิ้งกูนะ คืนนี้ต้องนอนเป็นเพื่อนกูที่นี่ไม่งั้นกูอาละวาดบ้านแตกนะมึง” ผมชี้หน้าพวกมัน
“จะดีเหรอครับคุณแทน” เสียงไอ้ปืนถาม คงไอ้ปืนแหละ เพราะผมเมาจนแยกใครไม่ออกแล้วตอนนี้
“กูไม่รู้แต่พวกมึงต้องไปนอนเป็นเพื่อนกู กูไม่อยากนอนคนเดียว” ผมงอแงกระทืบเท้าปึงปัง
“ครับ ๆ เดี๋ยวผมนอนเป็นเพื่อนครับ” ไอ้โอ๊ตจับผมนอนลงบนเตียง
“มึงไปตามไอ้สองตัวนั้นขึ้นมาด้วยเลย เวลาโดนตีนลูกพี่จะได้แบ่งกันคนละตีนสองตีน” เสียงไอ้ปืนบอก สักพักพวกมันทั้งหกคนก็มากองรวมกันบนห้องผม
“มึงมานอนบนนี้สิ มึงจะนอนพื้นกันทำไม พื้นมันแข็ง” ผมกวักมือเรียกพวกมันให้ขึ้นมานอนบนเตียง
“มันจะนอนกันหมดเหรอครับ เจ็ดคนบนเตียงพวกผมนอนข้างล่างได้ครับ” ไอ้โดมบอก
“มึงกล้าขัดใจกูเหรอ ถ้าใครกล้าลงไปนอนข้างล่างมึงเจอกูแน่” ผมล้มตัวลงนอน โดยไม่สนใจเหี้ยอะไรทั้งนั้นทั้งง่วงทั้งเมา
+++โฬม+++
ตั้งแต่เช้าวันนี้ ผมต้องเอาม้าซึ่งมีลูกค้านำมาฝากเลี้ยงเอากลับไปส่งคืนให้เจ้าของที่หัวหิน แล้วก็ต้องแวะไปดูม้าที่มีลูกค้าอีกรายหนึ่งต้องการฝากเลี้ยง และต้องการจะให้ผมช่วยเพาะผสมพันธุ์ให้ ผมเอาไอ้เต้ยมาด้วยเพราะไอ้เต้ยเก่งเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไอ้ธีร์กับไอ้ใบชามันมีธุระลงมากรุงเทพเหมือนกันก็เลยมาด้วยกันเลย
กว่าจะเสร็จธุระก็ค่ำมากแล้ว ทีแรกคิดว่ากลับไปที่ฟาร์มไม่ทันแน่ ๆ เพราะปกติถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงแวะนอนพักบ้านที่กรุงเทพสักหนึ่งคืน แล้วค่อยกลับตอนเช้า
แต่ตอนนี้ผมมีอะไรบางอย่าง มีใครบางคนที่ผมไม่อยากทิ้งเอาไว้ให้ห่างตัวผม พอเสร็จงานผมบึ่งรถกลับทันทีแม้ว่ามันจะดึกมากแล้วก็ตาม
ไฟบนบ้านปิดสนิท คงหลับไปแล้วสินะเจ้าตัวยุ่ง ผมตรงขึ้นไปชั้นสองทันที พอเปิดประตูห้องเข้าไปเท่านั้นแหละครับ เงาสลัว ๆ บนเตียงนอนทำให้ผมชะงัก ผมรีบเดินตรงไปเปิดไฟในห้องน้ำ เพราะไม่อยากให้แสงไฟแยงตาคนที่กำลังหลับอยู่
สิ่งแรกที่ผมเห็นคือ ไอ้ปืนนอนเอาหัวห้อยมาทางปลายเตียง ตรงซอกคอมันคืนตีนใครสักคน ไอ้เสกนอนตะแคง เอาขาพาดก่ายไอ้ปืนไว้ ส่วนไอ้โดมกับไอ้ขุนนอนกอดกันตัวกลมดิก
เดี๋ยวนะ.....แล้วไอ้น้องแทนของผมล่ะ ผมเดินไปส่องดูใกล้ ๆ โธ่ไอ้พวกเวร ไอ้น้องแทนนอนจมกองตีนไอ้พวกเปรตนี่อยู่ข้างใต้ พวกมันนอนก่ายจนทับไอ้น้องแทนหายไปกับกองตีนเลยครับ ผมส่ายหัวไปมา แล้วก็ยกตีนไปสะกิดพวกแม่งให้ตื่น
เป็นไอ้ขุนกับไอ้โดมที่ตื่นมาก่อน มันลุกขึ้นมาขยี้หู ขยี้ตาก่อนจะยกมือไหว้ท่วมหัว แล้วก็หันไปเขย่าอีกสี่คนแรง ๆ แล้วค่อย ๆ คลานออกจากห้องกันไปเหมือนรู้ทันผม ต้องรู้สิ ถ้าเสือกโง่นั่งบื้ออยู่ต่อก็ตีนสิครับ
ผมเดินมานั่งลงตรงขอบเตียง มองดูคนตัวเล็กอย่างคิดถึง กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งไปหมด เจ้าเด็กดื้อของผมคงแอบพากันกินเหล้าสินะ คนตัวเล็กหลับไม่รู้เรื่องผมก้มลงจูบหน้าผากนั้นเบา ๆ อย่างรักใคร่ เฮ้อ
ไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่าผมจะมาอยู่จุดนี้ จุดที่มารักเจ้าเด็กร้ายกาจคนนี้ได้ ผมยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมห่มให้เจ้าตัวเล็กก่อนจะเดินกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ปาเข้าไปตีสามครึ่งแล้วผมกลับเข้ามาอีกครั้ง ล้มตัวลงนอนบนที่นอนอันหนานุ่ม รั้งร่างบางกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอลล์นั้นมาแนบอกก่อนจะหลับตาลงอย่างมีความสุข