ตอนที่ 8 เอาแต่ใจ
+++ธีร์+++
ผมแมร่งโคตรโมโหเลย ไอ้เด็กเปรตนี่ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่มันหาว่าพวกผมไปเสือกแนะนำตัวกับมันทีนึงแล้วนะ
เมื่อวานยังเสือกมากวาดข้าวเย็นพวกผมเสียเกลี้ยงโต๊ะเป็นอันไม่ได้แดกข้าวกันเมื่อวานนี้ ต้องลำบากหนัก เพราะสุดท้ายพวกผมต้องต้มบะหมี่แดกกันทั้งบ้าน ถึงไอ้โฬมมันจะให้ผมสั่งข้าวมาจากร้าน แต่ผมรู้ว่าที่ร้านตอนนี้ก็ไม่ได้ว่างหรอกไหนจะดูแลลูกค้าอีก แล้วการทำอาหารสำหรับผู้ชายกินอย่างกับปล้นแบบพวกผมสิบคน ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้เวลาห้านาทีสิบนาที เอาจริงๆเถอะ เมื่อเย็นนั้นก็หิวกันจนตาลายแล้ว เพราะแต่ละคนก็ทำงานกันมาอย่างหนัก ไอ้เด็กเปรตนี่ก็โคตรเอาแต่ใจเลย ไอ้ชิบหายเอ๊ยเป็นน้องเป็นนุ่งกูจะตบให้คว่ำ
เสียงฝ่ามือของเพื่อนผม ฟาดลงไปทำเอาผมตกใจมากไม่คิดว่ามันจะลงมือตีไอ้น้องแทนขนาดนั้น ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้มันจะจับไอ้น้องแทนโยนลงสระไปให้เหี้ยแดกก็เถอะ
แต่การตีแบบนี้ มันเป็นการลงโทษที่แปลกๆ หรือเปล่าวะ ขนาดผมเองดื้อด้านจะตายห่า ที่บ้านยังไม่เคยลงมือตีผมสักแปะ
คุณครูที่โรงเรียนยิ่งแล้วใหญ่ โรงเรียนไม่มีทางลงโทษด้วยการตีอย่างแน่นอน แล้วนี่ฟาดเสียมือแทบขาด ไอ้น้องแทนก็นิ่งไปเลย น้องมันก็คงตกใจเหมือนกัน ผมชำเลืองไปมองหน้าไอ้ใบชา ไอ้นั่นก็ใบ้แดกครับ ยืนอ้าปากค้างไปเลย
ไอ้ใบชากลอกตาไปหาไอ้โฬมสลับกับไอ้น้องแทน แต่มันแค่ขยับกลอกตานะส่วนอื่นนิ่งสนิท ผมเองก็ไม่ต่างจากมันหรอกอึ้งแดก
หลังจากไอ้โฬมฟาดมือลงไปอีกครั้ง ร่างบาง ๆ ของคนตัวเล็กก็โผเข้ามาหาผมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงร้องไห้โฮทำเอาผมชาไปทั้งตัว เมื่อกี้อึ้งแดก ตอนนี้ผมคิดว่าอัมพาตแดกผมไปแล้วครับ ทุกคนหันมาที่ผมต่างคนต่างตกตะลึง ไอ้เด็กเวรนี่กอดผมแน่น มันซุกหน้าเข้ามาหาผม ฝ่ามือแดงเป็นปื้น ๆ สั่นระริกคงเจ็บมากสินะ แต่ไม่ใช่หรอก มันไม่ได้ร้องไห้เพราะความเจ็บ เพราะเสียงร้องไห้โฮแบบนี้มันเหมือนเด็กเวลาร้องไห้เสียใจ เวลาที่ผู้ใหญ่ชอบแกล้งว่าพ่อไม่รัก แม่ไม่รัก ผมเคยเห็นบ่อย ๆ มันร้องไห้เหมือนจะขาดใจ ไม่ใช่แค่มันหรอกผมด้วย
ผู้ชายเหี้ยอะไรวะร้องไห้เป็นผู้หญิงเลย แต่ผมก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อนนะ มือข้างหนึ่งมันกุมดึงรั้งเสื้อเชิ้ตของผมไม่ยอมปล่อย เหมือนกลัวผมจะหนีไปไหน เมื่อกี้มึงยังขว้างโทรศัพท์กูทิ้งอยู่เลยนะไอ้เด็กเปรต น้ำหนักตัวมันทิ้งทับมาหาผมเต็มตัว จนผมจนถอยหลังไปครึ่งก้าว แล้วนั่งลงกับเก้าอี้ไม้ยาวของโต๊ะอาหาร พอผมนั่งลงมันก็ขึ้นมานั่งบนตักผมเฉย
เออ...ไอ้น้องแทนมึงอายุเท่าไหร่ กูได้ยินไอ้โฬม บอกว่ามึงยี่สิบเอ็ดแล้วไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้มึงทำเหมือนมึงสามขวบเลยนะ ไอ้น้องแทนยกขาทั้งสองข้างขึ้นมาขดตัวอยู่บนตักผมยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หาย
“กูฝากด้วยละกันนะ”
ไอ้โฬมทิ้งระเบิดปรมาณูไว้ที่ผม แล้วมันก็ควบม้าทิ้งผมไปเฉย ๆ เลย โถ...ไอ้เพื่อนเลวนี่น้องมึงนะ ไอ้ชิบหาย แล้วกูควรจะทำยังไงกับมึงดีวะไอ้น้องแทน ผมเอื้อมมือไปโอบกอดร่างบางสั่นเทานั้นไว้ แนบใบหน้าลงกับเรือนผมสีดำสนิท กระซิบเบา ๆ เพื่อต้องการคลายความเจ็บช้ำน้ำใจให้ไอ้น้องแทนสามขวบ
“ยังเจ็บอยู่มั้ย ไหนพี่ขอดูหน่อยนะครับ” นี่กูเลี้ยงหลานสามขวบของพี่สาวกูอยู่ใช่มั้ย
“เจ็บ” เสียงสะอื้นตอบกลับมาจริง ๆ มันยกมือข้างที่ถูกตีขึ้นส่งมาให้ผม เออ...ให้ตายสิกูนี่กูทำอะไรอยู่วะ
“.............” ผมจับฝ่ามือนั้นขึ้นมาพร้อมใช่นิ้วมือลูบลงไปกลางฝ่ามืออย่างเบามือ พร้อมเป่าลมในปากใส่ฝ่ามือของมันเบา ๆ สองสามที น้องแทนสามขวบยังคงอิงแนบใบหน้าไว้กับแผงอกของผม สายตาของมันคงกำลังมองดูฝ่ามือตัวเองเช่นเดียวกับผม
“พี่เป่าให้แล้วไม่เจ็บแล้วนะครับ” หึ หึ ใครมาเห็นกูตอนนี้กูคงได้มุดดินหนีล่ะมึงเอ๊ย น่าอายชิบหายเลยกู
“พี่ธีร์ครับ ผมขอโทษนะครับที่ขว้างโทรศัพท์พี่ตกน้ำ” อึ้งแดกอีกแล้วกู กูหูฝาดหรือเปล่าวะ
“อืม...ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยเอาไปซ่อม ไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอก” ไอ้เหี้ย ไอ้เด็กเลว มึงรู้มั้ยโทรศัพท์กูราคาเท่าไหร่ กูอุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมันอย่างดีซื้อเคสอย่างดี กันกระแทกติดฟิล์มกระจกราคาแพง เพื่อให้มันไม่มีริ้วรอยใด ๆ แล้วดูมึงทำ ไอ้เด็กเปรตโยนของกูทิ้งเฉย ไอ้ชิบหาย
“พี่โกรธผมมั้ย” เสียงหวานออดอ้อน แก้มขาวที่อิงซบอยู่กับแผ่นอกของผมผงกขึ้นแหงนมอง ช้อนสายตาขึ้นมามองผมนิดหนึ่ง ผมนี่หายใจสะดุดไปเลยครับ
“ตอนนี้ไม่โกรธแล้ว” กูโกรธมึงไอ้เด็กเวร เอาโทรศัพท์กูไปซ่อมเดี๋ยวนี้นะ หรือไม่ก็โทรหาพ่อแม่มึงให้ส่งเครื่องใหม่รุ่นล่าสุดมาให้กูเดี๋ยวนี้
“ผมเกลียดมัน” เสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับสะอื้น ฮึกๆ ต่อมาอีกหลายครั้ง
โถไอ้ลูกหมาเอ๊ย ผมยกมือขึ้นมาลูบหัวคนตัวเล็กบนตักผมเบาๆ เออมึงนั่งตักกูนานเกินไปแล้วไอ้ห่า เหน็บชาแดกขากูแล้ว
“ไม่ร้องแล้วนะครับ ปะเข้าบ้านกันนะ” ผมขยับตัวเพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายลุก แต่ไอ้เด็กเปรตนี่ไม่ยอมลุก
“ผมยังร้องไห้ไม่เสร็จเลย” เสียงสั่นเครือนั้นตอบกลับมา เอากะมันสิขากูชาแล้วไอ้ควาย ถ้ากูต้องรอให้มึงร้องไห้เสร็จนี่กูไม่เป็นอัมพฤกษ์เลยเหรอไอ้สัด
“อ่า...หิวข้าวมั้ย เมื่อกี้ยังไม่ได้กินข้าวนี่” ผมเอ่ยถามพยายามทำเสียงให้โคตรอ่อนโยนสุด ๆ กลัวมันตกใจแล้วร้องไห้อีก ผมปลอบคนไม่เป็นนะ ถ้าปลอบผู้หญิงคงได้มั้ง แต่ปลอบผู้ชายร้องไห้ ไม่รู้ว่ะไม่เคย เพิ่งจะมีมึงคนแรกเนี่ยแหละไอ้น้องแทนสามขวบ
“อืม” ใบหน้าที่แนบอยู่กับแผ่นอกผมพยักหน้ารับแรงๆ หงึก ๆ สองที
“งั้นก็เข้าไปในบ้านกัน เดี๋ยวพี่ทำอะไรให้กินนะครับ”
สวมบทวิญญาณพระเอกหนังสุดอบอุ่นโคตร ๆ ละกู เมื่อคืนยังต้มบะหมี่แดกกันอยู่เลย เสือกไปบอกมันจะทำอะไรให้แดก เกิดแม่งไม่พอใจขว้างหม้อ ขว้างกระทะจุดไฟเผาบ้านไอ้เหี้ยโฬมขึ้นมา กูจะทำยังไงวะเนี่ย
ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหลังใหญ่รื้อ ๆ ค้น ๆ ในตู้ ได้ของมาไม่น้อยเลย ผมจุดเตาแก๊สหันไปทำนั่นทำนี่ หางตาชำเลืองมองไอ้เด็กเวรนั่น ที่กระโดดปีนขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเคาน์เตอร์หินแกรนิตทำครัวสบายใจเฉิบ น้ำตามันแห้งสนิทละ แต่กูเนี่ยน้ำตากำลังจะไหล ไอ้ห่าต้องมารับช่วงเลี้ยงเด็กไม่รู้จักโตอย่างมึงนี่ ตกนรกทั้งเป็นชัดๆ ไอ้เหี้ยเต้ยมึงอยู่ได้ไงวะ เลี้ยงมันได้ตั้งสองวัน กูอยู่ชั่วโมงเดียวกูนี่เสียวสันหลังวาบๆ เลย
ไอ้น้องแทน ตาของมันมองผมแทบจะทุกจังหวะ ชะโงกหน้าชะโงกตามาไม่อยู่นิ่ง เสือกจะสอดรู้สอดเห็นอีก ว่ากูจะอะไรให้แดก สงสัยมันคงกลัวว่าผมจะแอบเอายาเบื่อหนูใส่ให้มันแดก
“ให้ผมช่วยมั้ย”
ผมนี่หันขวับเลย ไม่ใช่ดีใจนะแต่กูตกใจ มึงจะช่วยจริงๆ หรือมึงจะช่วยให้มันยุ่งกว่าเดิม เพราะดูจากสภาพมึงไม่น่าจะทำอะไรเป็นทั้งสิ้น
“ไม่เป็นไรอีกนิดเดียวก็เสร็จละ หิวมากเหรอ” ผมบอกปัดส่งยิ้มไปให้
ใบหน้าหวานเปื้อนคราบน้ำตา พยักหน้ารับผม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มบางๆส่งมาให้ผม ชิบหายเอ๊ย กุหลาบอาบยาพิษ ชัดๆ นี่ถ้าไม่เจอความร้ายกาจเข้ากับตัว คงไม่รู้และไม่มีทางเชื่อว่าเจ้าของใบหน้าหวานนี้ และรอยยิ้มละลายหัวใจเมื่อครู่ จะมีอานุภาพทำลายล้างสูงขนาดไหน
“ไข่กระทะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นยิ้มหวานหนักกว่าเดิม นัยน์ตาเต้นระยิบระยับเหมือนชอบใจอาหารมื้อนี้ที่ผมทำ
“ครับ ปะออกไปกินกันข้างนอก” ผมถือไข่กระทะสองที่นั้น เดินออกไปนั่งลงที่โต๊ะไม้ยาวด้านหน้าตามเดิม
เออ...เอาเถอะลืมไปซะ ว่าคนตรงหน้าผมเป็นเด็กหนุ่มอายุยี่สิบเอ็ดมันไม่จริง ผมกำลังนั่งมองน้องแทนอายุสามขวบกำลังยิ้มแก้มปริ สายตาเป็นประกายเวลาเอาส้อมจิ้มไส้กรอกเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างมีความสุข น้องแทนเคี้ยวไปยิ้มไป เอียงคอด๊อกแด๊ก ๆ ฮัมเพลงเบา ๆ มือทั้งสองข้างก็เคาะโต๊ะกระดิกนิ้วตามจังหวะที่ตัวเองฮัมเพลง ดูอารมณ์ดีโคตรๆ ท่าทางมีความสุขอย่างเปิดเผยนั้น พาลให้ผมนึกถึงหลานชาย ลูกของพี่สาวอายุสามขวบ ซึ่งเวลาทานข้าวเขาก็มีอาการแบบเดียวกันนี้ ตอนก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัว ไอ้น้องแทนเปิดตู้เย็นหยิบเอานมขวดใหญ่จากตู้เย็นออกมาด้วย แล้วตอนนี้มันยกซดดื่มคนเดียวจนหมด
"ไอ้น้องแทนสามขวบ...จบข่าวห้ามเถียง กูยืนยันว่ามันอายุแค่สามขวบ"
“พี่ธีร์” ผมนี่สะดุ้งเสียวสันหลังวาบเลยครับ เสียงแม่งหวานสัดๆ มึงจะมาไม้ไหนกับกูอีก
“หือ” ผมขานรับมือทั้งสองล้างจานอยู่ เออทำให้แดก แดกเสร็จกูก็ยังต้องมาเป็นขี้ข้าล้างจานให้มึงอีกไอ้ชิบหาย
“ผมอยากออกไปข้างนอก”เสียงหวานๆ ซ่อนคมมีดกรีดปราดเข้ามาที่คอหอยผมเลยครับ มึงหาเรื่องตายให้กูแล้วไอ้น้องแทน
“จะไปไหนเหรอ” ผมถามกลับไปอย่างหวาด ๆ หันหลังให้คนตัวเล็กที่นั่งห้อยขาอยู่บนเคาน์เตอร์ทำครัว มือทั้งสองข้างยกขึ้นมากอดอกแกว่งขาอย่างสบายใจ
“ไปเที่ยวเล่น ดูม้า”
ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน มาแผนไหนวะ เห็นทุกทีร้องร่ำๆ จะกลับบ้าน แต่ตอนนี้เสือกอยากไปดูม้า เอาไงดีวะกู โทรศัพท์ก็พังจะโทรหาไอ้เหี้ยโฬมก็ไม่ได้ โทรศัพท์บ้านแม่งก็ถอดสายทิ้งไปแล้ว เพราะกลัวไอ้เด็กเปรตนี่ใช้
“แทนขี่ม้าเป็นเหรอ” ผมถ่วงเวลาชวนคุยไปเรื่อย หวังว่ามันจะคุยเพลินจนลืมว่าอยากออกไปข้างนอก
“ไม่เป็นหรอก”
“แล้วจะออกไปยังไง ที่นี่ถ้าออกไปต้องขี่ม้าออกไปนะ”ผมขู่ทันที
“โกหก ทุกทีผมเห็นพี่ขับรถออกไป” เสียงหวานๆเริ่มขึ้นจมูกขึ้นมา เอาแล้วกูซวยแล้ว
“แต่วันนี้พวกไอ้เสกเอารถไปแล้วนี่ครับ นี่ก็รอให้พวกนั้นกลับมารับเหมือนกัน” ผมพยายามอ่อนโยนสุดๆไปเลยนะครับเนี่ย
“งั้นเราไปเดินเล่นก็ได้นี่ นะครับพี่ธีร์ แทนอยู่แต่ในนี้แทนเบื่อนะครับ”
ไอ้น้องแทนดีดตัวลงมาจากเคาน์เตอร์ มาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาสบตาผม ขนตางอนยาวเป็นแพกระพริบถี่ๆ ริมฝีปากบางสีชมพูนั้นคลี่ยิ้มอวดฟันซี่ขาวเรียงตัวสวย ชิบหายตัวใหญ่มาก.....มันอ้อนซะกูไปไม่เป็นเลย ไอ้เหี้ยธีร์มึงตายแน่
“มันเดินไกลนะครับน้องแทน จากบ้านกว่าจะเดินไปถึงคอกม้าโน้นเกือบกิโล แล้วจากคอกม้ากว่าจะไปสนามอีกเดินไกลโขเลยนะครับ แดดร้อนด้วยนะ” ผมพยายามหาทางหลบเลี่ยง
“จะไม่ยอมพาไปใช่มั้ย” เสียงหวาน ๆ เริ่มแข็งขึ้นจนผมใจหาย โอ้ยกูอยู่คนเดียวด้วย เกิดมันแผลงฤทธิ์ขึ้นมากูจะทำยังไงวะ