เธอคนเดิม ที่ไม่เหมือนเดิม

1446 คำ
“พี่ทศเจ็บมากไหม” สิ่งแรกที่ทำหลังจากได้สติ คือคว้าแขนของคนร่างกำยำขึ้นมาดูให้แน่ใจว่าฟันของฉันไม่ได้ฝังลงเนื้อของเขาจนเลือดออก แต่ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายกระชากแขนออกอย่างขุ่นเคือง พลางจ้องหน้าฉันเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “เอ่อ... ขอโทษนะคะ ดาวไม่ได้ตั้งใจ ดาวนึกว่าเป็นพวกของไอ้ทิน” ฉันยกมือขึ้นพนมที่กลางอก สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างไม่ปิดซ่อน แต่ถึงกระนั้นพี่ทศก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไรกับฉันแม้แต่คำเดียว จนกระทั่งเรากลับมาถึงบ้านของเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก “ตามมา” นี่เป็นประโยคแรกจากปากของเขา ก่อนจะเดินนำฉันลงจากรถและตรงไปที่ไหนสักที่ พอเข้ามาด้านในบ้านพักที่เรียงเป็นห้องแถวอยู่หลังบ้าน ฉันถึงได้เข้าใจว่าตรงนี้คือบ้านพักของแม่บ้านนั่นเอง “เปิด” เขาพยักหน้าบอกลูกน้องที่เดินตามมาติด ๆ รอจนกระทั่งประตูห้องเปิดออก ก็หันมาบอกฉันด้วยสายตาราบเรียบ “อยู่ที่นี่ก่อน” “ขอบ...” “ในฐานะคนใช้” ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยขอบคุณจบประโยค เขาก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที ฉันเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะแค่เขายอมให้ที่อยู่อาศัย และให้ข้าวกิน มันก็มากพอแล้ว “ขอบคุณนะคะพี่ทศ” “ไม่ต้องขอบคุณ ฉันเลี้ยงเธอไว้เพื่อผลประโยชน์ วันไหนที่ฉันพร้อมจะโจมตีไอ้ทินเมื่อไหร่ ฉันจะส่งเธอเข้าไปเป็นเหยื่อในถ้ำของมัน” “...” เขาหมายความว่ายังไงกัน ตั้งใจจะส่งฉันกลับไปที่นั่นอีกน่ะเหรอ? “ทำไม กลัวเหรอ?” คนร่างสูงหรี่ตากดหัวคิ้วถาม เพราะเห็นว่าฉันหน้าเจื่อนในทันทีที่ได้ยิน “ปะ เปล่าค่ะ ดาวทำได้” ฉันรีบรับปาก เพราะถ้ามันจะช่วยชดเชยความเลวในอดีตที่ฉันเคยทำต่อเขาได้ ฉันก็พร้อมที่จะทำ “ก็ดี เพราะงานนี้ฉันไม่อยากให้ใครเข้าไปเสี่ยง นอกจากคนที่ตายไปก็ไม่มีใครเวทนาแบบเธอ หรือถ้าเธอจะโดนพวกมันรุมสะกำหรือกระทำย่ำยี ก็คงไม่มีอะไรให้สึกหรอไปมากกว่านี้แล้วล่ะ ถูกไหม?” “...” ทุกคำพูดรุนแรงที่ออกมาจากปากพี่ทศ มันไม่ต่างไปจากน้ำกรดที่สาดเข้าหน้าจนแทบกรีดร้อง แต่ฉันทำได้เพียงจ้องมองหน้าเขาอย่างกล้ำกลืน ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ “ค่ะ” “ยอมรับก็ดี” เขาแค่นหัวเราะเย้ยหยันพลันจ้องสำรวจฉันอย่างนึกสมเพช แม้ฉันจะไม่เคยผ่านมือใครเลยสักครั้งตั้งแต่เลิกกับเขาไป แต่ถ้าเขาอยากให้ฉันเป็นอย่างที่พูด ฉันก็จะเป็น เพราะถ้าฉันปฏิเสธออกไป ก็มีแต่จะยืดยาวไปเสียเปล่า ๆ อธิบายให้ตายยังไง ถ้าเขาได้เชื่อไปแล้วว่าฉันเป็นแบบนั้น ยังไงก็ลบความคิดของเขาไม่ได้อยู่ดี “เสื้อผ้าอยู่ในตู้ มีแต่ยูนิฟอร์มแม่บ้านคนเก่า ใส่ ๆ ไปก่อนแล้วกัน แล้วถ้าอยากได้อะไรเพิ่มให้มาเรียกป้าบาน แกอยู่ห้องนี้” เขาพูดพร้อมกับพยักหน้าไปยังห้องข้าง ๆ ที่มีป้ายติดเอาไว้ด้านหน้าว่าป้าบาน ซึ่งคงจะเป็นหัวหน้าแม่บ้านที่นี่ “ค่ะพี่ทศ” ฉันพยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจ แต่กลับทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองขึ้นมาเสียดื้อ ๆ “ที่นี่ไม่มีใครเรียกฉันว่าพี่ทศ เธอก็ห้ามเรียก” “...” ฉันอ้ำอึ้งขึ้นมาทันที เพราะก่อนหน้านี้ก็เรียกเขาว่าพี่ทศมาตลอด “ละ แล้วให้เรียกว่าอะไรคะ” “เสี่ยทศ” ดูห่างเหินจัง... ฉันมองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาที่หม่นลง ก่อนจะเอ่ยตอบรับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “เข้าใจแล้วค่ะเสี่ยทศ” คนร่างสูงไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก เขาหันหลังให้ก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ทิ้งให้ฉันยืนมองตามแผ่นหลังกว้างจนสุดสายตา ทั้งที่เป็นพี่ทศคนเดิมแท้ ๆ แต่ทำไมกันนะ ฉันถึงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเขาเลย “หนู” เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำเอาฉันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันกลับไปมองตามเสียง และได้พบกับหญิงวัยกลางคน อายุน่าจะเทียบเท่าแม่ของฉันได้ เส้นผมสีดำเริ่มมีสีขาวแซม รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าบ่งบอกได้ว่าเธอค่อนข้างใจดีในระดับหนึ่ง “สวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว “ชื่อนับดาวใช่ไหม” “ค่ะ” “ป้าชื่อบานนะ เป็นหัวหน้าแม่บ้านที่นี่” “อ๋ออ” ถึงว่า ลักษณะของเธอดูน่าเคารพนับถืออย่างอธิบายไม่ถูก ที่แท้ก็เป็นหัวหน้าแม่บ้านนี่เอง “มีเสื้อผ้าไหม ได้เอาอะไรติดตัวมาบ้างหรือเปล่า” “เอ่อ... ไม่มีค่ะ” ฉันส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมกับก้มมองดูตัวเอง ที่ตอนนี้ยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสีเข้ม พร้อมกับผ้ากันเปื้อนพลาสติกสีเทาบาง ๆ ที่ใส่กันน้ำตอนนั่งล้างจาน “มาตัวเปล่าจริง ๆ สินะ” ป้าบานยิ้มขำ ก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปที่ห้องนอน แล้วเอื้อมมือเปิดไฟจนเกิดแสงสว่างจ้าไปทั่วห้อง “เสื้อผ้าอยู่ในตู้สีน้ำตาลนั่นนะ ใส่ไปพลาง ๆ ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ป้าไปหามาให้ พวกเครื่องอาบน้ำเดี๋ยวตอนค่ำป้าจะเอามาให้อีกที” พูดไปก็เดินไปสำรวจจุดต่าง ๆ ตามห้อง สมกับเป็นหัวหน้าแม่บ้านที่คอยสอดส่องความเรียบร้อยทุกอย่างในบ้านหลังนี้ “เสี่ยได้บอกหรือเปล่า ว่าจะให้อยู่ที่นี่นานแค่ไหน” “ไม่ได้บอกค่ะ” “ตามนี้แหละนะ เดี๋ยวป้าออกไปเตรียมอาหารเย็นให้พวกบอดี้การ์ดก่อน” เมื่อสำรวจทุกอย่างภายในห้องเสร็จ เธอก็ทำทีจะเดินออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะฉันเรียกเอาไว้ก่อน “ป้าคะ เอ่อ...” ฉันอึกอัก อยากจะถาม แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นประโยคยังไง “บ้านนี้อยู่กันกี่คนเหรอคะ บะ แบบว่า นอกจากเสี่ย มีใครอยู่บ้าง” “บางทีท่านพญาก็มาเยี่ยมบ้าง รู้จักไหม พ่อเสี่ยน่ะ” ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ เพราะรู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ช่วงที่เราคบหากัน ท่านพญาเมตตาและเอ็นดูฉันมาก แต่ฉันก็ทำลายความรักความเชื่อใจของเขา โดยการทรยศหักหลัง... “แต่ส่วนมากเสี่ยก็อยู่คนเดียวนี่แหละ มีอะไรอยากถามอีกไหม” “แล้ว... เสี่ยเขาไม่มีเมียเหรอคะ” ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากสำหรับเก็บซ่อนความตื่นเต้น เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้มองเห็นว่าฉันกำลังลุ้นในคำตอบมากแค่ไหน ทั้งที่ตอนนี้ เหงื่อเริ่มชุ่มมือจนต้องจับกุมกันไว้ที่หน้าตักเพื่อลดความประหม่า “ไม่มีหรอก เห็นพวกบอดี้การ์ดที่อยู่ก่อน ๆ เล่าให้ฟังว่าเสี่ยเขาเคยถูกสาวหักอกน่ะ เลยไม่ยอมมีแฟนอีก สงสัยจะเข็ดล่ะมั้ง” ได้ฟังคำตอบแล้วก็ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจดี เพราะสาเหตุที่เขาไม่ยอมมีคนใหม่ ก็เกิดจากบาดแผลที่ฉันสร้างเอาไว้ให้กับเขาอย่างสาหัส “ไม่มีอะไรจะถามแล้วใช่ไหม ป้าไปเตรียมอาหารแล้วนะ เดี๋ยวเย็น ๆ เอาเครื่องอาบน้ำมาให้ หนูก็นอนพักเถอะ” “ขอบคุณมากนะคะ” ฉันยกมือขึ้นขอบคุณอีกรอบ ก่อนจะเดินตามป้าบานไปปิดประตู จากนั้นถึงได้เดินกลับมานั่งที่เตียงนอนพร้อมกับเอนหลังนาบไปกับผ้าสีขาวนุ่ม ๆ “เอายังไงกับชีวิตต่อดี” ฉันตั้งคำถามโง่ ๆ กับตัวเองพร้อมกับหลับตาพริ้ม ความรู้สึกอัดอัดและกังวลใจที่มีไม่ได้ต่างไปจากช่วง 5 ปีที่แล้วเลย ฉันอยากกล่าวโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับชีวิต อยากจะกล่าวโทษโชคชะตาที่ให้ฉันวนกลับมาเจอพี่ทศคนเดิม ที่ต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อยากกล่าวโทษพรหมลิขิต ที่นำพาให้เรากลับมาเจอกันในเวลาที่ไม่เหมาะสม ทั้งที่คนที่ฉันควรกล่าวโทษมากที่สุด คือตัวของฉันเองต่างหาก...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม