“จัดจานสวยนะเนี่ย”
ป้าบานเอ่ยชมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับก้มลงมาดูจานปลาราดพริกที่ฉันตั้งใจจัดตกแต่งอยู่นานสองนาน
“หนูชอบดูรายการทำอาหารในทีวีน่ะค่ะ เลยจำเขามา”
ฉันยิ้มรับคำชมแล้วหันกลับไปช่วยเตรียมอาหารจานอื่น เป็นจังหวะที่ป้าบานสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สมควร
“ตายจริง ป้าก็ลืมคิดไปเลยว่านังเดือนมันตัวเตี้ย กระโปรงมันถึงได้สั้นขนาดนี้”
เธอพูดพร้อมกับก้มมองที่ต้นขาเรียวสูง ที่สวมใส่กระโปรงผืนสั้นเลยเข่าขึ้นมาถึงคืบ
“หนูก็ว่าจะบอกป้าเหมือนกันค่ะ แต่เมื่อเช้าหนูหาป้าไม่เจอ เลยใส่ออกมาก่อน กลัวมาทำงานช้า”
“เดี๋ยวเตรียมอาหารเสร็จป้าไปหากระโปรงตัวใหม่ให้นะ แล้วเสื้อเป็นยังไงบ้าง พอดีไหม?”
“พอดีค่ะ”
ฉันรีบพยักหน้าหงึกหงัก แม้จะรู้สึกอึดอัดบริเวณช่วงอกอยู่บ้าง แต่คิดว่าไม่อยากทำตัวมีปัญหา จึงตอบไปว่าใส่ได้
“งั้นรีบเตรียมอาหารให้เสี่ยก่อนนะ เดี๋ยวเสี่ยก็ลงมาแล้ว”
ป้าบานละความสนใจออกจากชายกระโปรงของฉัน แล้วหันไปสั่งให้แม่บ้านอีกห้าคนมายกเอาอาหารบนโต๊ะลำเลียงไปไว้ที่ห้องอาหาร ในระหว่างที่ในครัวกำลังวุ่นวายกันจนหัวหมุน จู่ ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนเอ่ยถามเสียงดัง ส่งผลให้ทุกคนที่อยู่ในห้องครัวหยุดชะงักไปพร้อมกันราวกับถูกสาป
“เธอมาทำอะไรที่นี่!”
น้ำเสียงอันขุ่นเคืองเช่นนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกเสียจากเจ้าของบ้าน พี่ทศเดินลงมาจากบันไดพร้อมกับจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาโรจน์ความโกรธ ทั้งที่ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิด
“ฉันถาม! หูแตกไม่ได้ยินหรือไง”
เรียวขายาวก้าวฉับ ๆ ไม่กี่ทีก็เดินมาชิดตัวฉันโดยเร็ว ท่าทางฉุนเฉียวนี้ดูจะไม่ค่อยเป็นที่ชินตาของเหล่าแม่บ้านสักเท่าไหร่ ฉันเองก็เช่นกัน
“มะ มาทำกับข้าวค่ะ”
ฉันตอบเสียงสั่น รู้สึกกลัวจนใจเต้นรัว ไม่รู้ตัวจริง ๆ ว่าทำอะไรผิด ในเมื่อฉันอยู่ที่นี่ในฐานะแม่บ้าน แล้วทำไมถึงพูดเหมือนฉันผิดนักหนาที่ก้าวขาเข้าบ้านใหญ่
“ใครสั่ง!”
อีกฝ่ายยังเอาแต่ตะคอกใส่หน้า ในขณะที่บริเวณห้องครัวเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาเลยแม้แต่คนเดียว
“ไม่มีใครสั่งค่ะ”
“ไม่มีแล้วเสนอหน้าขึ้นมาทำไม”
ฉันกำลังงุนงงผสมกับความกลัวจับใจ สับสนจนอยากนั่งเรียบเรียงใหม่อีกครั้งว่าฉันทำอะไรพลาดไปตรงไหน ทำไมเขาถึงได้เดือดเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้
“อ้อ! คงเห็นว่าผู้ชายเยอะสิท่า ถึงได้ขึ้นมาอ่อย เธอนี่มันร่านไม่เลือกจริง ๆ”
“...”
ประโยคต่อว่าแรง ๆ ทำฉันหน้าชาด้วยความอับอาย เพราะเขาไม่เพียงแต่พูดต่อหน้าฉันตรง ๆ แต่เขากำลังพูดต่อหน้าเหล่าแม่บ้านและบอดี้การ์ดอีกเกือบยี่สิบคน
“ดาวไม่...”
“จะปฏิเสธอะไร แค่กระโปรงที่ใส่ก็รู้แล้วว่าตั้งใจมาให้ท่าผู้ชาย ถ้าจะใส่สั้นขนาดนี้ ถอดเดินเลยก็ได้นะ”
อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเปิดจังหวะให้ฉันได้พูด เอาแต่ประชดประชันและด่าทอ จนในที่สุดป้าบานต้องออกโรงเพื่อปกป้อง
“กระโปรงของนังเดือนค่ะเสี่ย นังนี่มันเตี้ย กระโปรงเลยสั้น เดี๋ยวกินข้าวเสร็จป้าไปหากระโปรงให้ใหม่นะคะ”
“ผมถามป้าเหรอ?”
เสี่ยทศหันไปฟาดงวงฟาดงาใส่ป้าบานจนอีกฝ่ายหน้าเจื่อน ไม่รู้ว่าโดนต่อว่าบ่อยหรือเปล่า แต่เดาว่าไม่น่าจะบ่อย เพราะดูเธอไม่ชินเลยสักนิด
“ต่อไปอย่าให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาบ้านใหญ่อีก ไม่งั้นผมจะไล่ป้าออก”
“...”
เขาไม่อธิบายอะไรให้ทุกคนในเหตุการณ์เข้าใจ แต่เลือกที่จะกระชากข้อมือเล็กของฉันให้เดินตามจนตัวแทบปลิว จนกระทั่งกลับมาถึงห้องของฉัน มาถึงก็ไม่พูดพร่ำ รีบเหวี่ยงฉันลงเตียงจนหน้าคว่ำ ก่อนจะปลดเข็มขัดออกจากเอวแล้วขว้างทิ้งอย่างไม่ไยดี
“สะ เสี่ยจะทำอะไร!”
ฉันเบิกตาโพลงรีบคลานหนี แต่ช้าไปกว่ามือหนาที่คว้าต้นขาเอาไว้ได้ทัน เพียงแค่ออกแรงดึงครั้งเดียว ฉันก็ถลาเคลื่อนตัวลงมาด้านล่างอย่างง่ายดาย
“จะสนองให้ไง เห็นว่าอยากนัก”
คนด้านบนจับแขนฉันตรึงใส่ที่นอนก่อนจะเริ่มทาบจูบอย่างหื่นกระหาย ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียเกลี่ยที่ริมฝีปาก หวังให้ฉันเผยออ้าเพื่อโจมตี แต่ฉันก็เม้มปากแน่นไม่ยอมตามใจเขาง่าย ๆ จนถูกอีกฝ่ายขบกัดที่ปากจนเผลอเบ้หน้า
“อ๊ะ!”
ฉันหลุดเสียงออกมาด้วยความเจ็บ เปิดจังหวะให้คนเจ้าเล่ห์ได้สอดลิ้นเข้ามาล่วงล้ำภายใน มือหนาเริ่มลูบไล้ไปทั่วต้นขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาสูงจนแทบจะถึงจุดสงวน
“ฮึก อื้ออ เสี่ย ปล่อยดาวก่อน”
ฉันส่ายหน้าจนหลุดจากการบดจูบ พร้อมกับเอ่ยร้องประท้วงเสียงสั่น ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมคลายมือง่าย ๆ เขายังตามมาประกบจูบซ้ำเป็นรอบที่สอง ก่อนจะใช้มืออีกข้างกระชากดึงเสื้อเต็มแรง จนกระดุมขาดกระเด็นกระดอน
“เสี่ย พอได้แล้ว”
ฉันดิ้นพล่านหวังจะหลุดออกไปจากการถูกจับตรึง แต่ไม่มีทางดิ้นหนีออกมาจากร่างกำยำได้เลย เขายังคงซุกไซ้ไปทั่วเนินอก ไม่สนว่าฉันกำลังร้องขอทั้งน้ำตาคลอ จนกระทั่งหยุดดิ้นไปเสียดื้อ ๆ
“ถ้าเสี่ยต้องการแบบนี้ ก็ทำเถอะค่ะ”
ฉันเอ่ยออกไปด้วยใจที่เลื่อนลอย รู้สึกทั้งเจ็บ ทั้งเสียใจ แต่ทำได้แค่ปลงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
คนด้านบนเห็นว่าฉันหยุดดิ้นต้านก็ยอมหยุดการกระทำ แต่ยังไม่ได้ผละออกไปจากตัว
“ประชด?”
เขาถามอย่างไม่พอใจ
“เปล่าค่ะ ดาวแค่เหนื่อย”
“ฉันต่างหากที่ต้องเหนื่อยกับผู้หญิงร่าน ๆ แบบเธอ!”
เขาผละออกไปจากตัว แต่สีหน้าไม่ได้บ่งบอกว่าคลายความหงุดหงิดลงไปแม้แต่นิด
“ถ้างั้นเสี่ยก็ปล่อยดาวไป ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก เราจะได้ไม่ต้องมาทนเหนื่อยใจกันแบบนี้”
“อย่าสำคัญตัวเองนักเลย ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเธอ บอกแล้วไง ว่าฉันไม่อยากเอาใครไปเสี่ยง ยกเว้นคนสกปรก ๆ แบบเธอ”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรออกไปอีก ไม่ใช่เพราะหมดคำจะพูด แต่มันแค่พูดไม่ออก กลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไปแล้วน้ำตาเจ้ากรรมมันจะหล่นเผาะ แค่นี้ฉันก็เกลียดที่ตัวเองเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายมากพอแล้ว
“แล้วต่อไปนี้ไม่ต้องขึ้นไปที่บ้านใหญ่อีก ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงร่าน ๆ แบบเธอจะเอาโรคเอดส์มาติดลูกน้องฉันหรือเปล่า”
ฉันไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น เอาแต่จ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ๆ แล้วเม้มปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตาสุดชีวิต
“ถามว่าเข้าใจหรือเปล่า”
มือหนาคว้าเข้าที่แก้มพร้อมกับออกแรงบีบ ทำเอาน้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักออกมาอย่างสุดจะกลั้น
“ฮึก เสี่ยต้องใจร้ายกับดาวมากขนาดนี้เลยเหรอ พี่ทศคนเดิมของดาวหายไปไหน...”
“...”
คนถูกถามนิ่งงันไปทันที ฉันสังเกตเห็นความวูบไหวที่ซ่อนอยู่ในดวงตาอันแข็งกร้าว ก่อนที่เขาจะยอมคลายมือออกแล้วเดินไปเก็บเข็มขัดขึ้นมาสวมใส่เอวไว้ตามเดิม
“ฉันใจร้ายได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเธอด้วยซ้ำ นับดาว”
คนร่างหนาเดินออกไปจากห้องทันทีที่สวมเข็มขัดเสร็จ ทิ้งให้ฉันนั่งกอดเข่าสะอื้นร้องไห้ออกมาหนัก ๆ ปานจะขาดใจ ถ้ารู้ว่าการวนกลับมาเจอกันมันต้องเจ็บปวดขนาดนี้ ฉันยอมถูกขายไปต่างประเทศยังดีเสียกว่า อย่างน้อยถูกทำร้ายจากผู้ชายนับร้อย ก็คงไม่สาหัสมากไปกว่าถูกทำร้ายจากผู้ชายเพียงคนเดียว ที่ฉันรักเขาอย่างหมดหัวใจ...