ร่านไม่เลือก

1445 คำ
“จัดจานสวยนะเนี่ย” ป้าบานเอ่ยชมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับก้มลงมาดูจานปลาราดพริกที่ฉันตั้งใจจัดตกแต่งอยู่นานสองนาน “หนูชอบดูรายการทำอาหารในทีวีน่ะค่ะ เลยจำเขามา” ฉันยิ้มรับคำชมแล้วหันกลับไปช่วยเตรียมอาหารจานอื่น เป็นจังหวะที่ป้าบานสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สมควร “ตายจริง ป้าก็ลืมคิดไปเลยว่านังเดือนมันตัวเตี้ย กระโปรงมันถึงได้สั้นขนาดนี้” เธอพูดพร้อมกับก้มมองที่ต้นขาเรียวสูง ที่สวมใส่กระโปรงผืนสั้นเลยเข่าขึ้นมาถึงคืบ “หนูก็ว่าจะบอกป้าเหมือนกันค่ะ แต่เมื่อเช้าหนูหาป้าไม่เจอ เลยใส่ออกมาก่อน กลัวมาทำงานช้า” “เดี๋ยวเตรียมอาหารเสร็จป้าไปหากระโปรงตัวใหม่ให้นะ แล้วเสื้อเป็นยังไงบ้าง พอดีไหม?” “พอดีค่ะ” ฉันรีบพยักหน้าหงึกหงัก แม้จะรู้สึกอึดอัดบริเวณช่วงอกอยู่บ้าง แต่คิดว่าไม่อยากทำตัวมีปัญหา จึงตอบไปว่าใส่ได้ “งั้นรีบเตรียมอาหารให้เสี่ยก่อนนะ เดี๋ยวเสี่ยก็ลงมาแล้ว” ป้าบานละความสนใจออกจากชายกระโปรงของฉัน แล้วหันไปสั่งให้แม่บ้านอีกห้าคนมายกเอาอาหารบนโต๊ะลำเลียงไปไว้ที่ห้องอาหาร ในระหว่างที่ในครัวกำลังวุ่นวายกันจนหัวหมุน จู่ ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนเอ่ยถามเสียงดัง ส่งผลให้ทุกคนที่อยู่ในห้องครัวหยุดชะงักไปพร้อมกันราวกับถูกสาป “เธอมาทำอะไรที่นี่!” น้ำเสียงอันขุ่นเคืองเช่นนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกเสียจากเจ้าของบ้าน พี่ทศเดินลงมาจากบันไดพร้อมกับจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาโรจน์ความโกรธ ทั้งที่ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิด “ฉันถาม! หูแตกไม่ได้ยินหรือไง” เรียวขายาวก้าวฉับ ๆ ไม่กี่ทีก็เดินมาชิดตัวฉันโดยเร็ว ท่าทางฉุนเฉียวนี้ดูจะไม่ค่อยเป็นที่ชินตาของเหล่าแม่บ้านสักเท่าไหร่ ฉันเองก็เช่นกัน “มะ มาทำกับข้าวค่ะ” ฉันตอบเสียงสั่น รู้สึกกลัวจนใจเต้นรัว ไม่รู้ตัวจริง ๆ ว่าทำอะไรผิด ในเมื่อฉันอยู่ที่นี่ในฐานะแม่บ้าน แล้วทำไมถึงพูดเหมือนฉันผิดนักหนาที่ก้าวขาเข้าบ้านใหญ่ “ใครสั่ง!” อีกฝ่ายยังเอาแต่ตะคอกใส่หน้า ในขณะที่บริเวณห้องครัวเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาเลยแม้แต่คนเดียว “ไม่มีใครสั่งค่ะ” “ไม่มีแล้วเสนอหน้าขึ้นมาทำไม” ฉันกำลังงุนงงผสมกับความกลัวจับใจ สับสนจนอยากนั่งเรียบเรียงใหม่อีกครั้งว่าฉันทำอะไรพลาดไปตรงไหน ทำไมเขาถึงได้เดือดเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ “อ้อ! คงเห็นว่าผู้ชายเยอะสิท่า ถึงได้ขึ้นมาอ่อย เธอนี่มันร่านไม่เลือกจริง ๆ” “...” ประโยคต่อว่าแรง ๆ ทำฉันหน้าชาด้วยความอับอาย เพราะเขาไม่เพียงแต่พูดต่อหน้าฉันตรง ๆ แต่เขากำลังพูดต่อหน้าเหล่าแม่บ้านและบอดี้การ์ดอีกเกือบยี่สิบคน “ดาวไม่...” “จะปฏิเสธอะไร แค่กระโปรงที่ใส่ก็รู้แล้วว่าตั้งใจมาให้ท่าผู้ชาย ถ้าจะใส่สั้นขนาดนี้ ถอดเดินเลยก็ได้นะ” อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเปิดจังหวะให้ฉันได้พูด เอาแต่ประชดประชันและด่าทอ จนในที่สุดป้าบานต้องออกโรงเพื่อปกป้อง “กระโปรงของนังเดือนค่ะเสี่ย นังนี่มันเตี้ย กระโปรงเลยสั้น เดี๋ยวกินข้าวเสร็จป้าไปหากระโปรงให้ใหม่นะคะ” “ผมถามป้าเหรอ?” เสี่ยทศหันไปฟาดงวงฟาดงาใส่ป้าบานจนอีกฝ่ายหน้าเจื่อน ไม่รู้ว่าโดนต่อว่าบ่อยหรือเปล่า แต่เดาว่าไม่น่าจะบ่อย เพราะดูเธอไม่ชินเลยสักนิด “ต่อไปอย่าให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาบ้านใหญ่อีก ไม่งั้นผมจะไล่ป้าออก” “...” เขาไม่อธิบายอะไรให้ทุกคนในเหตุการณ์เข้าใจ แต่เลือกที่จะกระชากข้อมือเล็กของฉันให้เดินตามจนตัวแทบปลิว จนกระทั่งกลับมาถึงห้องของฉัน มาถึงก็ไม่พูดพร่ำ รีบเหวี่ยงฉันลงเตียงจนหน้าคว่ำ ก่อนจะปลดเข็มขัดออกจากเอวแล้วขว้างทิ้งอย่างไม่ไยดี “สะ เสี่ยจะทำอะไร!” ฉันเบิกตาโพลงรีบคลานหนี แต่ช้าไปกว่ามือหนาที่คว้าต้นขาเอาไว้ได้ทัน เพียงแค่ออกแรงดึงครั้งเดียว ฉันก็ถลาเคลื่อนตัวลงมาด้านล่างอย่างง่ายดาย “จะสนองให้ไง เห็นว่าอยากนัก” คนด้านบนจับแขนฉันตรึงใส่ที่นอนก่อนจะเริ่มทาบจูบอย่างหื่นกระหาย ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียเกลี่ยที่ริมฝีปาก หวังให้ฉันเผยออ้าเพื่อโจมตี แต่ฉันก็เม้มปากแน่นไม่ยอมตามใจเขาง่าย ๆ จนถูกอีกฝ่ายขบกัดที่ปากจนเผลอเบ้หน้า “อ๊ะ!” ฉันหลุดเสียงออกมาด้วยความเจ็บ เปิดจังหวะให้คนเจ้าเล่ห์ได้สอดลิ้นเข้ามาล่วงล้ำภายใน มือหนาเริ่มลูบไล้ไปทั่วต้นขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาสูงจนแทบจะถึงจุดสงวน “ฮึก อื้ออ เสี่ย ปล่อยดาวก่อน” ฉันส่ายหน้าจนหลุดจากการบดจูบ พร้อมกับเอ่ยร้องประท้วงเสียงสั่น ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมคลายมือง่าย ๆ เขายังตามมาประกบจูบซ้ำเป็นรอบที่สอง ก่อนจะใช้มืออีกข้างกระชากดึงเสื้อเต็มแรง จนกระดุมขาดกระเด็นกระดอน “เสี่ย พอได้แล้ว” ฉันดิ้นพล่านหวังจะหลุดออกไปจากการถูกจับตรึง แต่ไม่มีทางดิ้นหนีออกมาจากร่างกำยำได้เลย เขายังคงซุกไซ้ไปทั่วเนินอก ไม่สนว่าฉันกำลังร้องขอทั้งน้ำตาคลอ จนกระทั่งหยุดดิ้นไปเสียดื้อ ๆ “ถ้าเสี่ยต้องการแบบนี้ ก็ทำเถอะค่ะ” ฉันเอ่ยออกไปด้วยใจที่เลื่อนลอย รู้สึกทั้งเจ็บ ทั้งเสียใจ แต่ทำได้แค่ปลงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น คนด้านบนเห็นว่าฉันหยุดดิ้นต้านก็ยอมหยุดการกระทำ แต่ยังไม่ได้ผละออกไปจากตัว “ประชด?” เขาถามอย่างไม่พอใจ “เปล่าค่ะ ดาวแค่เหนื่อย” “ฉันต่างหากที่ต้องเหนื่อยกับผู้หญิงร่าน ๆ แบบเธอ!” เขาผละออกไปจากตัว แต่สีหน้าไม่ได้บ่งบอกว่าคลายความหงุดหงิดลงไปแม้แต่นิด “ถ้างั้นเสี่ยก็ปล่อยดาวไป ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก เราจะได้ไม่ต้องมาทนเหนื่อยใจกันแบบนี้” “อย่าสำคัญตัวเองนักเลย ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเธอ บอกแล้วไง ว่าฉันไม่อยากเอาใครไปเสี่ยง ยกเว้นคนสกปรก ๆ แบบเธอ” ฉันไม่ได้ตอบอะไรออกไปอีก ไม่ใช่เพราะหมดคำจะพูด แต่มันแค่พูดไม่ออก กลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไปแล้วน้ำตาเจ้ากรรมมันจะหล่นเผาะ แค่นี้ฉันก็เกลียดที่ตัวเองเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายมากพอแล้ว “แล้วต่อไปนี้ไม่ต้องขึ้นไปที่บ้านใหญ่อีก ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงร่าน ๆ แบบเธอจะเอาโรคเอดส์มาติดลูกน้องฉันหรือเปล่า” ฉันไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น เอาแต่จ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ๆ แล้วเม้มปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตาสุดชีวิต “ถามว่าเข้าใจหรือเปล่า” มือหนาคว้าเข้าที่แก้มพร้อมกับออกแรงบีบ ทำเอาน้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักออกมาอย่างสุดจะกลั้น “ฮึก เสี่ยต้องใจร้ายกับดาวมากขนาดนี้เลยเหรอ พี่ทศคนเดิมของดาวหายไปไหน...” “...” คนถูกถามนิ่งงันไปทันที ฉันสังเกตเห็นความวูบไหวที่ซ่อนอยู่ในดวงตาอันแข็งกร้าว ก่อนที่เขาจะยอมคลายมือออกแล้วเดินไปเก็บเข็มขัดขึ้นมาสวมใส่เอวไว้ตามเดิม “ฉันใจร้ายได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเธอด้วยซ้ำ นับดาว” คนร่างหนาเดินออกไปจากห้องทันทีที่สวมเข็มขัดเสร็จ ทิ้งให้ฉันนั่งกอดเข่าสะอื้นร้องไห้ออกมาหนัก ๆ ปานจะขาดใจ ถ้ารู้ว่าการวนกลับมาเจอกันมันต้องเจ็บปวดขนาดนี้ ฉันยอมถูกขายไปต่างประเทศยังดีเสียกว่า อย่างน้อยถูกทำร้ายจากผู้ชายนับร้อย ก็คงไม่สาหัสมากไปกว่าถูกทำร้ายจากผู้ชายเพียงคนเดียว ที่ฉันรักเขาอย่างหมดหัวใจ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม