ดวงตาวารุณีมองไปเบื้องหน้า มองให้ชัด ๆ กับสายตา มองให้ตราตรึงใจไปเลยว่า ที่ข้าง ๆ ของเขานั้นไม่ใช่ของเธออย่าได้ฝันเฟื้องเรื่องไม่เป็นเรื่อง
กว่าที่หยาดฟ้าจะปล่อยให้ริมฝีปากกระจับของภิภักดิ์ได้เป็นอิสระก็ผ่านไปชั่วครู่ ดวงตาของหญิงสาวมองมายังชายหนุ่มด้วยความฉ่ำหวาน วันนี้เธอแต่งตัวอวดทรวดทรงเพื่อให้เขาหลงใหล ใบหน้าแสนเซ็กซี่มองไปยังเป้าตุง ๆ ของเขาที่เริ่มมีอารมณ์แล้วสินะ ทำให้หยาดฟ้าที่วางแผนเผด็จศึกเขาในคืนนี้ยิ้มอย่างลำพองใจ
แต่ทว่าชายหนุ่มกลับมองตรงไปและก็ดันสบตากับดวงตาอีกคู่ในรถที่มองมาอยู่ก่อนแล้วเข้าอย่างจัง เขารู้สึกผิดชอบกลราวกับตัวเองกำลังมีเมียน้อย แต่ทว่าระหว่างเขาและเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ยิ่งเห็นดวงตาของเธอเหม่อลอยคล้ายคนผิดหวังเล็กน้อย ความรู้สึกเศร้าสร้อยกัดกินใจภิภักดิ์เอาเสียดื้อ ๆ จนอยากลงไปอธิบายกับเธอ
‘แต่อธิบายในฐานะอะไร?’
นั่นคือคำถามที่เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นเดียวกันว่า ระหว่างเรามันคืออะไร ความรู้สึกปั่นป่วนนี้มันรบกวนจิตใจเขานัก จนเขารู้สึกอึดอัดไปหมด
สามเดือนแล้วที่ไม่ได้ปลดปล่อยตั้งแต่คืนนั้น เพียงแค่ใครสะกิดสักนิดเขาก็พร้อมมีอารมณ์ แต่ว่าเขากลับรู้สึกผิดราวกับว่ากำลังนอกใจเธอคนนั้น หากไปนอนกับคนอื่น เธอทำให้เขานอนกับใครไม่ได้อีก แม้แต่หวานคู่ควงคนปัจจุบันของเขา
เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันเพราะอะไร รู้แต่ว่าเขาก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนี้ไปไม่ได้เลย
ระหว่างเขาและเธอสบตากันอยู่อึดใจใหญ่ แล้วเขาก็ตัดสินใจขับรถพาหวานออกไป เพราะตนเองรู้สึกสู้สายตาคู่นั้นไม่ได้ สายตาที่ลุ่มลึกน่าค้นหาเสียจนเขาหวาดกลัวการจ้องตาเธอนาน ๆ
เสียงรถสปอร์ตฮึกเหิมห้าวหาญทยานออกไปสู่ท้องถนนนานแล้ว แต่ดวงตาของวารุณียังมองนิ่งอยู่ที่เดิม เธอหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเจ็บปวด สะอื้นไห้ตัวโยนในรถเพียงลำพัง ไม่รู้เหมือนกันว่าร้องไห้เพราะอะไร รู้แต่ว่าอยากร้อง ไม่รู้ว่าเสียใจเรื่องอะไร รู้แค่เสียใจ
เธอเหมือนคนบ้าซึมเศร้าโดยไร้สาเหตุ กว่าครึ่งชั่วโมงที่เธอจะสงบใจได้แล้วขับรถออกไป โดยไม่รู้ว่ามีคนมองดูเธอผ่านกล้องวงจรปิดผ่านมือถือ บริเวณที่เธอนั่งอยู่ในรถนั้นมีกล้องติดอยู่ เขาให้คนมาติดกล้องเพิ่ม และรู้ที่จอดรถประจำของเธอ ตั้งใจติดไว้เพื่อดูเธอจริง ๆ
ยิ่งเมื่อเห็นว่าเธอร้องไห้หัวใจของภิภักดิ์ยิ่งร้าวราว เขามีผู้หญิงที่ซบไหล่อยู่ด้านข้าง แต่ดวงตามองดูเธออีกคนที่ร้องไห้ราวกับเขามีชู้
เขาสับสน
เธอท้องหรือเปล่า
อารมณ์แปรปรวนหรือเปล่า
ความหงุดหงิดงุ่นง่านทำให้ภิภักดิ์ไม่อยากไปกินข้าวเย็นกับหยาดฟ้าแล้ว เขาเลือกขับรถมาส่งเธอที่บ้านแทน
“หวานขอโทษนะครับ มีประชุมลูกค้าสำคัญด่วน” ภิภักดิ์จอดรถนิ่งหน้าบ้านของหยาดฟ้าแล้วเอ่ยขึ้น จากตอนแรกที่หยาดฟ้าคิดว่าเขาอยากมากินข้าวที่บ้าน เมื่อได้รับคำตอบถึงกับหุบยิ้ม แต่ก็ไม่กล้างอแงเพราะเขาอ้างว่ามีงาน เธอจะพูดอะไรได้ ได้แต่ลงรถด้วยสีหน้าหงุดหงิดแล้วเดินเข้าบ้านไป
เมื่อเขาออกรถไปแล้ว เธอก็โทรหาคู่นอนที่ใช้งานเป็นประจำทันเพราะวันนี้อย่างไรเธอก็อยากปลดปล่อยเพราะหงุดหงิดเรื่องของเขามาแล้ว
“มาเร็ว ๆ นะ ฉันหงุดหงิด” เสียงห้วนกระแทกใส่โทรศัพท์ โดยที่ปลายสายยิ้มระรื่นเนื่องจากคืนนี้ต้องตื่นเต้นแน่
“ได้เลยครับคนสวย ผมจะรีบไปกระแทก...เอ้ย...ปลอบใจคุณทันที”
ภิภักดิ์ขับรถตรงไปยังบ้านของวารุณี ที่เขาสืบมานานแล้วว่าหลังไหน กระทั่งข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเธอเขาก็จัดการมาแล้วเช่นกัน
เธออยู่คนเดียวไร้ญาติ พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้วเหมือนเขาที่ตัวคนเดียวเช่นกัน
วารุณีจอดซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดง่าย ๆ เพื่อมากินเป็นมื้อเย็นกับผลไม้สองอย่าง แต่เมื่อมาถึงบ้านข้าวเหนียวไก่ทอดกลับเป็นหมัน เพราะถูกวางแอ้งแม้งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับ มีเพียงผลไม้รสเปรี้ยวเท่านั้นที่เธอจิ้มกิน เพราะรู้สึกพะอืดพะอมขมในคอ อยากกินของเปรี้ยว ๆ
เมื่อกินเสร็จแล้วก็นอนที่โซฟาตัวเดิมในห้องรับแขก หลับตาคิดอะไรเงียบ ๆ จนเผลอหลับไป ภิภักดิ์ที่มาถึงหน้าบ้านของเธอ เห็นรถซีดานสีควันบุหรี่จอดในโรงรถก็เบาใจว่าเธอถึงบ้านอย่างปลอดภัย เขาเห็นประตูบ้านที่ปิดไม่สนิท ใจรู้สึกหงุดหงิดที่เธอไม่รอบคอบ จึงเดินไปจะปิดให้ แต่ก็ตัดสินใจครู่หนึ่งเลือกจะเปิดมันเข้าไปแทนแล้วพาตัวเองเข้าไปอยู่ในบริเวณบ้านของเธอ เดินสำรวจความเรียบร้อย จนถึงหน้าประตูจึงถอดรองเท้าแล้วเปิดเข้าไป
เขาถือวิสาสะ อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้านายเข้าไปก็แล้วกัน แม้ไม่เป็นเหตุเป็นผลแต่เขาก็อยากเข้าไปดูว่าเธอเป็นอะไร ทำไมถึงไม่สบาย แล้วทำไมถึงร้องไห้ อยากถามให้กระจ่างแต่ไม่รู้ว่าคนอย่างภิภักดิ์จะทำได้ไหม แต่เลือกเข้าไปก่อน
ร่างสูงในกางเกงสเลคสีดำกับเสื้อสีชมพูอ่อนซับในอย่างดี เดินมาหยุดที่ห้องรับแขก เห็นร่างเล็กที่เหมือนจะผอมลงไปทุกทีตั้งแต่วันนั้น นอนหลับตานิ่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าซีดเซียวบอกให้รู้ว่าเธอไม่สบาย จนอยากพาไปหาหมอใจจะขาด แต่เธอกลับไม่เคยเห็นเขามีตัวตนในสายตาเธอเลย
“เมื่อไหร่จะดูแลตัวเองนะ” เขาพึมพำเบา ๆ กลัวว่าเธอจะตื่น นั่งมองดวงตาและจมูกที่บวมแดง เพราะเห็นอยู่ว่าร้องไห้อย่างนักก็ทอดถอนใจ
‘เธอคิดอย่างไรกับฉันกันแน่’ เขาถามในใจ
เธอทำตัวไร้ตัวตน ในชีวิตเขาแล้วก็ชอบทำเหมือนตัวเองเป็นอากาศยามมีเขาอยู่ใกล้ ความอึดอัดนี้ไม่ใช่เขาที่เป็นคนสร้าง เธอเองก็ร่วมสร้างมาด้วยกันกับเขา แล้วจะให้เขาคิดเช่นไร
แสงสว่างภายนอกหมดลงพร้อมกับสติของคนที่หลับสนิทตื่นขึ้น เมื่อขยับกลับรู้สึกเหมือนบ้านหมุนโคลงเคลงจนต้องนอนลงอีกครั้ง นั่นทำให้อีกคนที่มองเธออยู่นานแล้วเอ่ยขึ้น
“ไม่สบายทำไมไม่ไปหาหมอ”
วารุณีสะดุ้ง เพราะเสียงผู้ชายที่ดังอยู่ด้านข้างนั้นเป็นผู้ชายที่เธอจ้องมองเขากอดจูบอยู่เมื่อตอนเย็นหลังเลิกงาน ดวงตาที่หลับเมื่อครู่เบิกกว้างหันมองไปยังโซฟาฝั่งตรงข้ามที่เป็นที่นั่งเดี่ยว มีใครคนหนึ่งนั่งอยู่จ้องมองเธอมาด้วยดวงตาคล้ายกำลังโกรธ
“คุณมาได้ยังไง” เสียงแหบแห้ง พร้อมกับน้ำลายเปรี้ยวเหนียวขื่นขึ้นคอแล้วก็คล้ายจะอ้วกอีกแล้ว หญิงสาวไม่รอเขาตอบแต่วิ่งไปยังห้องน้ำแล้วอ้วกอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ร่างเธอโคลงเคลงคล้ายคนเมาที่กินเหล้า กอดโถชักโครกอ้วนจนหมดแรง
ภิภักดิ์วิ่งตามมาแล้วก็ลูบหลังเธอเบา ๆ อย่างน่าสงสาร ยิ่งเห็นอ้วกจนใบหน้าแดงก่ำยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าเธอต้องท้อง แต่ทว่าจะเริ่มพูดเรื่องนี้ยังไงดี
“ไปหาหมอไหม”
วารุณีส่ายหน้าไปมานอนพิงพนังห้องน้ำ จนภิภักดิ์โมโห เขาตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นแล้วตรงไปยังหน้าบ้านที่มีรถของตัวเองจอดอยู่ จับเธอใส่รถฝั่งข้างคนขับแล้วคาดเข็มขัดขับออกไปอย่างเร่งรีบ
“คุณ...ไปไหน”
“เงียบน่า...นั่งเฉย ๆ” เขาอยากพาเธอไปหาหมอแต่ว่าไม่อยากพูดมากจึงทำใบหน้าหงุดหงิดใส่ ทำให้วารุณีหุบปากฉับจนมาถึงสี่แยกหนึ่งซึ่งเป็นทางผ่านไปสถานบันเทิงขึ้นชื่อ สายตาเธอมองไปยังรถที่อยู่ด้านหน้ากับคนที่คุ้นตากันดีกำลังนั่งอยู่ในรถสปอร์ตหรูไม่ต่างจากที่เธอนั่งอยู่กับเขา แต่ท่าทางคลอเคลียเสียจนรู้ว่าไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ธรรมดานัก พลันสายตาสงสัยหันกลับไปมองคนขับที่นั่งข้างเธอ คล้ายอยากพูดบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา