บทที่ 7 ตกลงกันให้รู้เรื่อง

1500 คำ
“เดี๋ยวสิคุณเราต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่องนะ แล้วทำไมคุณถึงต้องโกหกด้วยล่ะ” ภิภักดิ์กระโดดตามเมียไปเข้าครัว เห็นผ้ากันเปื้อนรูปไข่ดาวบนตัวเธอแล้วก็อดขำไม่ได้ ‘นั่นนะไม่ใช่ไข่ดาว แต่คือส้มโอต่างหาก’ “ฉันหิวข้าวเอาไว้กินข้าวแล้วค่อยคุย” ตอนนี้วารุณีอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง เปิดตู้เย็นหยิบไข่มาทำไข่เจียว แล้วก็แกงจืดตำลึงหมูสับอีกถ้วย โดยมีคนที่ยัดเหยียดคำว่าสามีไปเด็ดตำลึงข้างรัวให้พร้อมกับคอยชิม “น้ำ...อร่อยจังเลย” เขาชิมต้มจืดฝีมือเมียแล้วชมสุดฤทธิ์ “ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องกินค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างแสนงอน แต่ก็ยิ้มดีใจที่เขาชม ประจวบเหมาะกับที่ข้าวสุกพอดี เขาจึงช่วยตักข้าวแล้วก็ยกอาหารขึ้นโต๊ะโดยลากเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ “มานี่คำแรกต้องให้เมียกินก่อน” เขาตักหมูสับในแกงจืดวางบนข้าวแล้วเป่าให้คลายความร้อน ป้อนถึงปากเมียคนสวย วารุณีอ้าปากรับแต่โดยดี แล้วก็เคี้ยวอย่างอร่อย วันนี้หลายอย่างที่หนักอึ้งในใจคลายลง เขากับคุณหวานอะไรนั่นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกต่อไปแล้ว ส่วนเธอเองเขาก็เรียกเมียไม่ขาดปากทำให้คนที่ไม่คิดว่าเขาจะหันมามองมีความสุข มือเล็กลูบท้องเบา ๆ ในที่สุดลูกของเธอก็มีพ่อแล้ว จากตอนแรกที่ไม่คิดให้เขารับผิดชอบ ตอนนี้กลายเป็นเขามาเอาอกเอาใจ อยากรับผิดชอบเธอขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทานข้าวไม่นานก็อิ่มหนำ ถึงเวลาที่ต้องคุยตกลงกันแล้วเรื่องระหว่างเราจะจบที่ตรงไหน ภิภักดิ์จูงมือเธอมานั่งที่โซฟา แต่ว่าจะนั่งธรรมดาได้ที่ไหน โทษฐานที่ทำให้เหมือนคนบ้ามาสามเดือนก็ต้องนั่งตักเท่านั้น “คุณ...ฉันนั่งข้างคุณดีกว่า แบบนี้อึดอัด” วารุณีกล่าวอย่างขัดเขิน เธอไม่เคยนั่งตักใคร นี่เป็นครั้งแรก “เราห่างเหินกันมานาน ถึงเวลาต้องกระชับความสัมพันธ์กันสักที” ภิภักดิ์ก็คิดถึงคืนนั้นที่ผ่านมาสามเดือน อยากรู้ว่าเธอจะคิดเหมือนเขาหรือเปล่า “มีอะไรก็รีบพูดมาค่ะ” “ทำไมไม่บอกผมเรื่องลูก แล้วยังโกหกอีก” เริ่มการสอบสวนอย่างวาบหวามด้วยการล้วงเข้าไปในเสื้อเมียสัมผัสความนุ่มหยุ่นที่คิดถึง ‘มันมือชะมัด’ “คุณ...มือ!” แค่คุยกันทำไมมือต้องปลาหมึกด้วยก็ไม่รู้เธอล่ะอยากจะตีนัก “ตอบคำถามผมอย่างเดียวก็พอ” ภิภักดิ์ไม่ยอมให้เธอเบี่ยงเบนประเด็น ทั้งที่ตัวเองก็คอยแต่จะเล้าโลมคนตัวเล็กอยู่เรื่อย ใบหน้าคมคายซุกเข้ากับแผ่นหลังเนียนอยากจะสัมผัสอีกครั้งว่ามันจะนุ่มมือขนาดไหน “ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างเรื่องคืนนั้นเราก็เมาทั้งคู่” เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เรื่องคืนนั้นต่างคนต่างเมา เอาอะไรมารับผิดชอบ แต่เธอก็ไม่เอาเปรียบเขาเรียกร้องบ้าบอน่ารำคาญ คนที่ไม่รักกันอยู่ด้วยกันสักวันก็ต้องเลิก ถึงเวลานั้นลูกก็ต้องแยกอันนี้บ้านพ่อ อันนี้บ้านแม่ มีแม่เลี้ยงหากเขาแต่งงานใหม่ ใด ๆ แล้วยุ่งยาก หากเป็นเธอที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ดีกว่าเหรอ “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ใช่จะเป็นกันไม่ได้สักหน่อย ความรักไม่ได้เกิดได้ในวันเดียวก็จริง แต่คุณไม่ให้โอกาส ทั้งยังคอยหลบหน้าทำเหมือนผมเป็นอากาศ” เขาตัดพ้อ เพราะเขาอยากเห็นหน้าก็ได้แค่แอบมอง อยากเข้าใกล้ก็ได้แค่เรียกไปตำหนิเท่านั้น “แล้วคุณจะคบคนจน ๆ อย่างฉันเหรอคะ” “ผมรวยแล้ว เงินของคุณไม่จำเป็น” ภิภักดิ์ร่ำรวยมากก็จริง แต่ใช้เงินกับความเดียวดายลำพัง ไร้คนจริงใจเข้าหา มีแต่คนอยากได้ผลประโยชน์ คนเข้าหาเขาก็เพราะเงิน แต่คนที่อยากให้เข้าหากลับหลีกหนี เขานั้นแสนหงุดหงิด “ใช่ค่ะ เงินของฉันไม่จำเป็น แต่ว่าเราไม่ได้รักกันสักหน่อย คุณจะรักผู้หญิงงี่เง่า เอาแต่ใจ หวงของ ไม่ชอบตามใจใครได้เหรอ” ข้อเสียของเธอชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบเที่ยวกับใคร ไม่เปิดใจเพราะกลัวเสียใจ ยิ่งโดยเฉพาะอะไรที่เป็นของเธอแล้วจะหวงมากเป็นพิเศษ หากเขาได้รับรู้ขอเสียของเธอแล้วอาจจะไม่ชอบเธอไปเลยก็ได้ “ผมเหมือนคุณเลยครับ ชอบเอา เอาแต่ใจ เอาทั้งคืน เอาจนเช้าแล้วก็เอาได้ทุกที่ ทุกท่า” “พอแล้วค่ะ” เธอน่าจะคิดได้ว่าเขาไม่ได้คิดเรื่องเดียวกับเธอ เอาอะไรของเขาแบบนั้น ร่างพังกันพอดี “ผมพูดจริง คืนนี้ก็จะเอาเพราะไปศึกษามาแล้วว่าต่อให้ท้องก็รักเมียได้” แน่นอนว่าศึกษาตั้งแต่ตอนเธอโกหกแล้วว่าไม่ท้อง มือหนาละจากสองเต้าอวบฉวยเอามือนุ่มนิ่มน่าทะนุถนอมของเธอขึ้นมาจูบเบา ๆ อย่างรักใคร่ “ผมได้แต่แอบมองคุณทุกวัน รู้ไหมว่าแอบจนคลั่งตาย คุณก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่มองผมเลย” “ไม่ทำงานคุณก็ไล่ออกสิ!” “ใครจะกล้าไล่เมียออกล่ะครับ ตอนนี้ผมบอกว่ารักคุณก็อาจจะยังไม่เชื่อ แต่เชื่อเถอะว่าหลังจากคืนนั้นไม่มีวันไหนที่ผมไม่ฝันถึงคุณเลย” คนฟังได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มจนแก้มแตก ไม่ใช่เขาเธอก็ด้วย พยายามลืมแต่ก็จำเรื่องระหว่างเราไม่เปลี่ยนแปลงเลยทีเดียว “ผมมีอะไรจะบอก” “อะไรคะ” วารุณีหันมาเอามือคล้องคอเขาแล้วยิ้มรอฟังคำตอบ “สิ้นเดือนแต่งงานกันนะ แต่งที่บ้านผม จัดงานเล็ก ๆ ผมให้ออแกไนซ์จัดการงานแต่งแล้ว พรุ่งนี้เขาจะส่งแบบดอกไม้ในงานให้เลือก ช่วยผมเลือกหน่อยสิ” เสียงเว้าวอนออดอ้อนเล็ก ๆ ของภิภักดิ์ทำให้เธอได้เห็นอีกมุมของเขาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ใครจะคิดว่า คนที่เข้มเนี๊ยบยามทำงาน ยามราตรีกลายร่างเป็นเสือผู้หญิง จะกลายเป็นแมวน้อยซุกอยู่กับอกของเธอในวันนี้จนได้ “เร็วไปมั้งคะ” “ไม่เร็วหรอก เดี๋ยวท้องโตใส่ชุดไม่สวย” เขารู้ว่าสาว ๆ ชอบตัวเองในชุดแต่งงานที่สุด เพราะจะทำให้เธอเหล่านั้นเหมือนเจ้าหญิง “จดทะเบียนไม่ได้เหรอ ฉันอายไม่อยากให้ใครรู้ว่าท้องก่อนแต่ง” เธอว่า หากมีคนรู้ว่าท้องก่อนแต่งก็ชอบซุบซิบนินทา เธอกลัวจะทนกับความปากมากของคนเหล่านั้นไม่ได้ ยิ่งเขามีหน้ามีตาในสังคม “ใครว่าก็ช่างเขาสิ เรารักกันก็พอ รู้ไหมมีคนอีกมากมายอยากจับผมด้วยการท้องจะตายไป” ภิภักดิ์ยืดอกกับเสน่ห์ที่หอมเย้ายวนบาดใจยากที่ใครจะยื้อแย่งตำแหน่งนี้ไปได้ “นี่แนะ” วารุณีใช้สองนิ้วบิดที่เนื้อ เธอบอกแล้วว่าเป็นคนหวงของ แล้วเขาก็ยังทำให้เธอหึงอีก “โอ๊ย...ยอมแล้วจ้า...ยอมแล้วเมียจ๋า” ความปากดีของเขาทำให้เมียหึงเข้าแล้วไหมล่ะ “บอกไว้เลยนะ ไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร” ตอนยังไม่ได้ตกลงปลงใจก็เรื่องของเขาเถอะ แต่เมื่อแต่งงานกันแล้ว เขาต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น หากคิดปันใจให้คนอื่น เธอก็จะไม่ง้อเขาเช่นกันคอยดู “ผมไม่ใช้ของใครอยู่แล้ว จะใช้ของคุณคนเดียวนี่แหละ” ภิภักดิ์อุ้มเธอขึ้นเข้าห้องกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองเราให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ร่างใหญ่เคลื่อนกายไปบนร่างของเธออย่างเร่าร้อนเธอตอบสนองเขาอย่างลึกซึ้งถึงใจ แม้ว่าจะไม่ร้อนแรงดั่งคืนแรกแต่ทว่าเขาก็ป้อนความสุขเธอให้อิ่มหนำ จนกระทั่งเวลาล่วงเข้าเช้าของอีกวันถึงได้หยุดพายุอารมณ์ลง เขานอนกอดร่างกายเล็กที่ไร้สิ่งปิดกั้นคลอเคลียจมูกไปกับแก้มใส สูดกลิ่นกายสาวเข้าเต็มปอดให้สมกับการรอคอยเธอมานาน แน่นอนว่าไม่ได้รังแกแค่วันนี้ แต่จะรังแกเธอบ่อย ๆ เพราะเมียเขาหน้าอกอวบใหญ่จนบางครั้งต้องแอบหึงเงียบ ๆ แต่ตอนนี้เขาหึงได้ชัดเจนแล้ว ใครเข้าใกล้มันโดนดีแน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม