“นิ้วมือข้างขวาครับ ทั้งห้านิ้วเลย”
วีรภัทรรีบสำรวจมือขวาของคนเจ็บ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบริเวณข้อมือของอีกฝ่าย นั่นทำให้วีรภัทรทราบสาเหตุที่คนเจ็บรู้สึกชา ข้อมือคงจะถูกอะไรบาดเข้าเลือดเลยไหลไปที่ส่วนปลายไม่ได้ นั่นทำให้คนเจ็บรู้สึกชาปลายนิ้วทั้งหมด
เขาต้องห้ามเลือดก่อน
วีรภัทรคิดได้แบบนั้น ดวงตาคู่คมพยายามจะมองหาสิ่งที่จะมาช่วยห้ามเลือดได้อย่างเช่นเศษผ้า แต่บริเวณนั้นไม่มีของที่วีรภัทรต้องการ แพทย์หนุ่มจึงตัดสินใจจะใช้เสื้อของตนเองห้ามเลือดเป็นการแก้ขัดไปก่อน เพราะตอนนี้รถพยาบาลยังมาไม่ถึง แต่ก่อนที่แพทย์หนุ่มจะทันได้ถอดเสื้อออก ภัคร์พิมลก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่มาให้
“ใช้อันนี้ก็ได้ค่ะหมอ”
วีรภัทรหันไปมองหญิงสาว ดวงตาสองคู่สบกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่วีรภัทรจะรับผ้าเช็ดหน้ามาจากมือของภัคร์พิมล
“ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพายน์ไปช่วยตรงอื่นก่อนนะคะ”
“อืม”
ภัคร์พิมลไปแล้ว วีรภัทรจึงจัดการใช้ผ้าเช็ดมือผืนนั้นเป็นการห้ามเลือด วีรภัทรจัดการห้ามเลือดเรียบร้อยแล้วทีมช่วยเหลือก็เข้ามาพอดี
“ฝากด้วยนะครับ”
วีรภัทรถอยออกมาให้เจ้าหน้าที่สองคนพาคนเจ็บออกมาจากรถแล้วนำตัวขึ้นเปลนอนที่เตรียมเอาไว้แล้วพาคนเจ็บไปที่รถพยาบาล วีรภัทรจึงเดินมาหาวินธัยที่กำลังดูคนเจ็บที่รถอีกคันพร้อมกับชยุดาที่เข้ามาช่วย ส่วนภัคร์พิมลกำลังช่วยคนเจ็บจากรถอีกคันพร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่มากับรถพยาบาล
“เป็นไงบ้าง” วีรภัทรถามขึ้น
“แค่แผลถลอกตัวตัวนิดหน่อยกับหัวแตก”
“โอเค”
เมื่อไม่มีอะไรน่ากังวลวีรภัทรจึงทำเพียงพยักหน้า ปล่อยให้วินธัยกับชยุดาจัดการต่อ แพทย์หนุ่มสาวเท้าไปดูตรงบริเวณอื่นเผื่อจะมีอะไรให้ช่วยเหลือ จนกระทั่งเจอเข้ากับภัคร์พิมลที่กำลังพยายามจะเปิดประตูรถคันหนึ่ง
“มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”
“ช่วยเปิดประตูให้หน่อยค่ะ ในรถมีคนติดอยู่”
วีรภัทรชะโงกมองเข้าไปด้านในเห็นคนติดอยู่อย่างที่ภัคร์พิมลว่า แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้สติ วีรภัทรจึงลองขยับประตูรถปรากฏว่าล็อคไม่สามารถเปิดได้ ดวงตาคู่คมกวาดสายตาพยายามมองหาสิ่งที่จะช่วยทำให้เปิดประตูรถได้ จังหวะนั้นกู้ภัยก็มาพอดี
“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ”
กู้ภัยคนนั้นใช้อุปกรณ์ช่วยงัดประตูออก ใช้เวลาเกือบสิบนาทีประตูรถก็เปิดออก ทั้งหมดช่วยพาคนเจ็บออกมา วีรภัทรรีบตรวจการหายใจและคลำชีพจร พบว่าคนเจ็บยังหายใจเป็นปกติและชีพจรก็เต้นเป็นปกติ จึงคาดว่าคนเจ็บเพียงแค่สลบไปเท่านั้น จึงปล่อยใหเจ้าหน้าที่กู้ภัยจัดการต่อ
ทุกอย่างเรียบร้อยในอีกชั่วโมงเศษต่อมา คนเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล พร้อมกับรถที่ประสบอุบัติเหตุที่ถูกรถลากยกไป รวมถึงเจ้าเต่าแดงของชยุดาด้วยเพราะหลังจาากที่ช่างมาดูแล้วบอกว่าต้องเอาไปเช็คเครื่องยนต์ที่ร้านเลยถูกยกขึ้นรถลากจูงไปด้วย
“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่ง หล่อแล้วยังใจดีอีก”
ชยุดาบอกตอนที่รถของวีรภัทรจองที่หน้าบ้านของตนซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์สองชั้นในซอยหนึ่ง วีรภัทรที่ทำหน้าที่คนขับหันมามอง
“ไม่เป็นไรครับ”
“พี่ไปก่อนนะพายน์ เจอกันช่วงต่อเวรนะ โชคดีจริงๆ ที่พี่เวรบ่าย พรุ่งนี้เลยไม่ต้องตื่นเช้า คิกๆ”
ชยุดาป้องปากหัวเราะ ส่วนภัคร์พิมลทำหน้ายู่อย่างไม่จริงจังนัก นึกอิจฉาชยุดาอยู่เหมือนกันที่อีกฝ่ายไม่ต้องตื่นเช้า ส่วนตัวเธอนั้นต้องขึ้นเวรเช้า เพราะฉะนั้นต้องตื่นเช้าแน่นอน ในขณะที่ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมามากพอสมควร เพราะตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งเศษ แต่เธอยังไม่ถึงห้องนอนเลย
“ฝากไปส่งพายน์ด้วยนะคะหมอภัทร”
“ครับ”
วีรภัทรรับคำชยุดาจึงก้าวลงจากรถ ภัคร์พิมลกับชยุดาโบกมือลากันตอนที่รถค่อยๆ เคลื่อนออกไป ภัคร์พิมลที่นั่งอยู่เบาะหลังอดประหม่าไม่ได้ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่กันเพียงลำพังกับวีรภัทรเพราะวินธัยเองก็นั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสนั่งรถของอีกฝ่าย แต่ก็ยังดีที่เธอไม่ต้องนั่งข้างเขา ไม่อย่างนั้นต้องประหม่ามากกว่านี้แน่ และกลัวว่าตัวเองจะเผลอแสดงอาการอะไรออกไป นั่งมาได้สักระยะ รถของวีรภัทรก็เลี้ยวเข้ามาในปั๊มแห่งหนึ่ง ขับเข้าไปด้านหลังซึ่งลึกเข้ามาเกือบห้าร้อยเมตร มีบ้านสองชั้นหลังใหญ่อยู่ตรงนั้น และภัคร์พิมลเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่าบ้านของวินธัยอยู่ตรงนี้
สงสัยจะเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน
“ผมไปละ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ ถึงบ้านแล้วโทร.บอกผมด้วยนะหรือจะส่งข้อความมาก็ได้ ขับรถดีๆ”
“อืม”
แล้ววินธัยก็ก้าวลงจากรถไป ภัคร์พิมลไม่รอให้วีรภัทรต้องเอ่ยปาก หญิงสาวก้าวลงมาจากเบาะหลังแล้วขึ้นมานั่งแทนที่วินธัย ซึ่งมันควรจะเป็นแบบนั้น เพราะหากเธอยังคงนั่งอยู่เบาะหลังก็ดูเหมือนว่าวีรภัทรเป็นคนขับรถของเธอ
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่
“คุณอยู่หอพักของโรงพยาบาลใช่หรือเปล่า”
วีรภัทรถามขึ้นตอนที่รถเคลื่อนออกมาจากปั๊มน้ำมันซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัววินธัย รถยนต์คันหรูมุ่งหน้าไปตามถนนที่เงียบสงัดเพราะเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เข้านอนกันหมดแล้ว ภัคร์พิมลหันมามองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาแว่บหนึ่งก่อนจะดึงสายตากลับไปที่ถนนเบื้องหน้า
“ใช่ค่ะ”
บทสนทนาของทั้งคู่สิ้นสุดลงตรงนั้น จนกระทั่งรถคันหรูของวีรภัทรจอดที่หน้าหอพักพยาบาล วึ่งตั้งอยู่ในเขตโรงพยาบาล
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
ภัคร์พิมลบอกตอนที่เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยออก มือเล็กดันประตูรถให้เปิดกว้าง แต่ก่อนที่ภัคร์พิมลจะทันได้ก้าวลงจากรถ
“บ้านคุณไม่ได้อยู่แถวนี้หรอกเหรอถึงได้อยู่หอพัก”
ภัคร์พิมลหันไปมองเจ้าของคำถาม หญิงสาวสบสายตากับดวงตาคมเข้มคู่นั้น ดวงตาที่เธอเคยเห็นและจดจำได้ไม่ลืม และรอที่จะได้เจอกันอีกครั้ง จนกระทั่งได้กลับมาเจอกันอีกเมื่อสองปีก่อน
ตอนที่เธอเพิ่งเข้าทำงานที่นี่ใหม่ๆ
ฉับพลันหัวใจของภัคร์พิมลก็เต้นไม่เป็นจังหวะ หญิงสาวประหม่าจนเผลอเม้มริมฝีปากของตนเอาไว้แน่น แต่พอเห็นดวงตาคมกริบคู่นั้นยังคงจับจ้องอยู่ที่ตนเองก็รีบคลายริมฝีปากออก
“บ้านพายน์อยู่ที่ลพบุรีค่ะ”
“อืม”
วีรภัทรแค่ครางรับในลำคอเป็นการรับรู้ ดูเหมือนบทสนทนาของทั้งคู่จะสิ้นสุดลงตรงนั้น หากแต่ก่อนที่จะก้าวลงจากรถ ภัคร์พิมลก็รวบรวมความกล้าพูดออกไปแม้จะประหม่าอยู่มาก
“พายน์ไปก่อนนะคะ ขับรถดีๆ นะ”
ใบหน้าหล่อเหลาแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ตอบรับความปรารถนาดีของหญิงสาว
“ครับ ขอบคุณ”
เท่านั้นเองกล้ามเนื้อในอกซ้ายของภัคร์พิมลก็เต้นกระหน่ำรัวอย่างบ้าคลั่งจนแทบจะกระดอนออกมานอกอก จู่ๆ หญิงสาวก็รู้สึกว่าอุณหภูมิที่หน้าของตนสูงปรี๊ดขึ้นมาเสียดื้อๆ ภัคร์พิมลบังคับไม่ให้ตัวเองเผลอยิ้มออกไปด้วยการเม้มเรียวปากเอาไว้แน่นจนแก้มทั้งสองข้างพองออก แล้วก้าวลงจากรถของวีรภัทรด้วยท่าทางไร้พิรุธอย่างแนบเนียน และหญิงสาวยังคงยืนอยู่ตรงหน้าหอพักจนกระทั่งรถของวีรภัทรเคลื่อนหายไปจากระยะสายตา จึงก้าวเข้าไปในตัวอาคารสีขาวที่สูงราวๆ สิบชั้น ซึ่งคือหอพักสำหรับพยาบาล หลังจากที่ภัคร์พิมลหายเข้าไปในหอพักแล้ว พยาบาลตึกอายุรกรรมชายสองคนที่เพิ่งจะลงเวรมาทันเห็นรถของวีรภัทรที่ขับออกไปเข้าพอดี
“เฮ้ยแก แกว่านั่นใช่รถของอาจารย์หมอวีรภัทรหรือเปล่าอะ”
“ฉันว่าใช่ ทะเบียน วร xxx กรุงเทพมหานคร ฉันจำได้”
“ว่าแต่ อาจารย์หมอมาทำอะไรที่หอพักพยาบาลน่ะ”
“ถามฉันแล้วฉันจะถามใครเล่า ฉันก็เห็นพร้อมๆ แกเนี่ย”
“ทำไงดีวะแก ฉันอยากรู้อะว่าอาจารย์หมอเค้ามาส่งใคร ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมาแถวนี้ แถมยังมาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ ฉันว่ามันต้องมีซัมธิงแน่ ใครเป็นคนที่โชคดีคนนั้นน่ะแก อาจารย์หมอวีรภัทรเชียวนะ”
“ฉันก็อยากรู้ว่ะแก เอาไงดี”
สองสาวหันมาสบตากันแล้วพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะพูดพร้อมกันว่า
“อย่างนี้ต้องสืบ”