บ้านสิตานนทร์
“หนูบัวนี่น่ารักดีนะคะ ตัวจริงของหนูสวยมาก ป้าเคยเห็นแต่ในทีวีก็ว่าสวยแล้ว แต่ตัวจริงน่ะสวยมากกว่า แถมกิริยามารยาทก็เรียบร้อยไปหมด ป้าชอบจริงๆ”
คุณหญิงทิพปภาพูดขึ้นระหว่างที่รับประทานมื้อค่ำร่วมกับครอบครัวของคุณหญิงจรีย์ที่พาลูกสาวมาด้วยซึ่งก็คือนลินญา นักแสดงสาววัยยี่สิบหกปี แน่นอนว่าวีรภัทรก็ร่วมโต๊ะอาหารด้วยและวีรภพบิดาของเขาก็นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
นลินญาบอกอย่างนอบน้อม คุณหญิงจรีย์เองก็หันมามองลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมก่อนจะหันไปสนทนากับคุณหญิงทิพปภาต่อ
“หนูบัวได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีค่ะคุณพี่ ถึงได้โตมาเรียบร้อยน่ารักแบบนี้”
“ค่ะ พี่ก็เห็นด้วย หนูบัวน่ารักมากจริงๆ ใช่ไหมตาภัทร ตาภัทร”
วีรภัทรที่สนใจแค่อาหารตรงหน้าเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่มารดาที่กำลังเขม่นสายตามาที่ตนอย่างไม่พอใจ เจ้าของร่างสูงกระแอมในลำคอเบาๆ
“อะแฮ่ม คุณแม่ว่าอะไรนะครับ”
“ตาภัทร!” คุณหญิงทิพปภาเสียงเขียวก่อนจะหันไปยิ้มให้คุณหญิงจรีย์อย่างรักษามารยาท “แม่บอกว่าหนูบัวน่ารักมาก ใช่ไหมลูก” ท้ายประโยคคุณหญิงทิพปภาเน้นเสียงกำชับและจ้องหน้าลูกชายอย่างคาดคั้น
“อ๋อ น่ารักสิครับ น่ารักมาก”
“ขอบคุณมากนะคะพี่หมอภัทร”
นลินญาบอกอย่างเขินอาย คุณหญิงทิพปภามองอย่างเอ็นดู วีรภพทำเพียงตักข้าวเข้าปากเงียบๆ ส่วนวีรภัทรนั้นกำลังปั้นหน้ายิ้มยากกลับไป
“ครับ”
“น่ารักดีนะคะคุณพี่” คุณหญิงจรีย์ยิ้มกับคุณหญิงทิพปภา ก่อนจะหันมาที่วีรภัทร “น้าได้ยินมาว่าภัทรเป็นอาจารย์หมออยู่ที่โรงพยาบาลรัฐใช่ไหมลูก”
“ใช่ครับ”
“แบบนี้ก็เหนื่อยแย่เลยสิ”
“ก็พอสมควรครับ”
“ทำไมไม่มาทำโรงพยาบาลเอกชนล่ะลูก น้าว่าได้เงินดีกว่านะลูก เหนื่อยน้อยกว่าด้วย แถมโรงพยาบาลรัฐน่ะนะก็มีแต่ตาสีตาสามาใช้บริการ การแต่งตัวก็ดูสกปรกมอมแมม น้าน่ะนะไม่ชอบคลุกคลีกับคนพวกนั้นเลยจริงๆ”
วีรภัทรเดือดปุดแต่พยายามข่มอาการไม่พอใจ คุณหญิงทิพปภาเองก็สะอึกไปเหมือนกันเมื่อได้ยินทัศนคติที่ค่อนข้างใจแคบไปสักหน่อยของคุณหญิงจรีย์ ส่วนวีรภพทำเพียงลอบมองสถานการณ์ตรงหน้า และรู้ดีว่าลูกชายกำลังไม่พอใจ วีรภัทรเองกำลังจะอ้าปากค้านออกไป หากแต่นลินญาพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“คุณแม่คะ ถ้าโรงพยาบาลของรัฐไม่มีคุณหมอแล้วใครจะดูแลคนเจ็บคนป่วยที่ยากจนกันล่ะคะ โรงพยาบาลเอกชนน่ะค่ารักษาค่อนข้างสูง พวกเขาจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายกันล่ะคะ ดีแล้วล่ะค่ะที่พี่หมอภัทรทำงานโรงพยาบาลของรัฐ นั่นแสดงว่าคนไข้ทุกคนก็จะได้รับการรักษาที่ดีและเท่าเทียมกัน ใช่ไหมค่ะพี่หมอภัทร”
“ครับ”
วีรภัทรรับคำและเก็บคำพูดที่ตั้งใจจะกค้านลงคอไปก่อน ทัศนคติของนลิญาก็ไม่ได้แย่ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกดีกับหญิงสาวขึ้นมาอยู่ดี
“มาค่ะๆ ทานข้าวกันต่อดีกว่า พะแนงเนื้อนี่อร่อยมากเลยนะคะ ดิฉันสั่งให้แม่ครัวทำเป็นพิเศษเลยสำหรับคุณหญิงกับหนูบัว”
คุณหญิงทิพปภารีบเบี่ยงเบนสถานการณ์ที่ยังดูตึงๆ อยู่ให้ผ่อนคลายลง พลางตักพะแนงเนื้อใส่จานให้คุณหญิงจรีย์ เธอทราบดีว่าลูกชายของเธอกำลังไม่พอใจ แต่นี้คงเพราะเกรงใจวีรภพผู้เป็นบิดาจึงไม่ได้แผลงฤทธิ์เท่าไรนัก ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาของวีรภัทรที่เรียบเฉยในตอนแรกเปลี่ยนเป็นสีหน้าตึงอย่างไม่สบอารมณ์
“คนนี้ผ่านหรือเปล่าล่ะ”
วีรภัทรหันไปมองวีรภพผู้เป็นบิดา ทั้งคู่นั่งอยู่ที่ม้านั่งริมสระว่ายน้ำที่อยู่กลางบ้านหลังจากที่มื้อค่ำกับคุณหญิงจรีย์และนลินญาผู้เป็นลูกสาวจบลง
“คนไหนๆ ก็ไม่ผ่านหรอกครับพ่อ ผมยังไม่อยากแต่งงาน”
“แล้วบอกแม่เราไปหรือยัง”
“ผมบอกแล้วครับ แต่ก็อย่างที่คุณพ่อเห็น ก็คือถ้าฝ่ายนั้นไม่อะไรกับผม ผมก็ไม่ต้องแต่ง”
“แต่ดูเหมือนว่าคนนี้จะไปแกล้งเขาไม่ได้นะ เป็นคนมีชื่อเสียงซะด้วยสิ”
“แต่ผมก็ไม่ได้ชอบเขานี่ครับ” วีรภัทรถอนหายใจ “คุณพ่อคุยกับคุณแม่ให้หน่อยได้ไหมครับ”
“เรื่องอื่นน่ะพ่อก็พอจะคุยได้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ แม่เขาอยากเห็นลูกแต่งงานมีครอบครัว ไม่อย่างนั้นลูกก็ต้องดูตัวไปเรื่อยๆ แบบนี้ หรือไม่ก็อาจจะต้องแต่งกับหนูบัวเขาก็ได้ ก็แม่เราน่ะดูถูกใจหนูบัวไม่น้อย”
“แต่ผมไม่อยากแต่งนี้ครับ”
วีรภพหันมายิ้มให้ลูกชาย แม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงวัยห้าสิบเจ็ดปี หากแต่ยังคงมีร่องรอยของความหล่อเหลาอยู่ไม่น้อย และวีรภัทรก็ถอดแบบความหล่อเหลานั้นมาจากผู้เป็นบิดา
“ก็เหลือแค่ทางเดียวเท่านั้นแหละ”
“ยังไงครับ”
“ในเมื่อลูกไม่ชอบคนที่แม่เค้าหามาให้ งั้นลูกก็ต้องหาเอง เพราะพ่อดูแล้วนะแม่เค้าอยากได้หนูบัวเป็นลูกสะใภ้มากๆ คราวนี้พ่อว่าลูกรอดยากแน่”
วีรภัทรถึงกับถอนหายใจ เขายังไม่อยากแต่งงาน ไม่มีความคิดนั้นในหัวเลยสักนิด และก็ยังไม่มีใครที่เขาอยากจะชอบด้วย
“คิดเร็วๆ หน่อยก็แล้วกันนะ หนูบัวเค้าเป็นคนมีชื่อเสียง ทำอะไรก็มีคนจับตามอง แล้วถ้าลูกไม่จัดการเรื่องนี้ เกิดมีข่าวหลุดออกไปว่าคบหาดูใจกันอยู่ละก็ คราวนี้ลูกรอดยากแน่ เอาละ ดึกมากแล้ว พ่อไปนอนก่อนนะ”
“ครับคุณพ่อ”
วีรภพตบมือลงบนบ่ากว้างลูกชายเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะสาวเท้ากลับเข้าไปในตัวบ้าน ปล่อยให้วีรภัทรได้ใช้เวลาครุ่นคิดเรื่องนี้เพียงลำพัง
“ถามจริง แกไปรวยอะไรมาอะดอลลี่ ฉันเห็นแกเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เหมือนแกพิมพ์แบงค์ได้เองอะ”
“หยุดบ่นเดี๋ยวนี้ หยุดทันที คนสวยและรวยมากอย่างฉันก็ต้องใช้เงินบ้างเปล่าวะ อิจฉาก็มาทำงานที่เดียวกับฉันสิ”
“ไม่เอาอะ ฉันรักโรงพยาบาลรัฐ ฉันไม่ไปอยู่โรงพยาบาลเอกชนกับแกหรอก”
“แกรักโรงพยาบาลหรือรักอาจารย์หมอที่อยู่โรงพยาบาลพูด”
“รวมๆ กันแหละ”
“มั่นมากแม่ ไม่ปฏิเสธเลยสักคำ”
“อยู่กับแกทำไมฉันต้องคีพลุคด้วยล่ะ จำ”
ภัคร์พิมลแสร้งไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังขึ้นเป็นระยะระหว่างชวนกันคุยถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ และเดินไปตามทางเดินในห้างสรรพสินค้า ซึ่งถุงกระดาษในมือของภัคร์พิมลส่วนหนึ่งก็เป็นของธนดลที่เจ้าตัวถือไม่ไหว ธนดลพาภัคร์พิมลแวะเข้าร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง ครู่ใหญ่กว่าที่ทั้งคู่จะเดินออกมาพร้อมถุงกระดาษที่เพิ่มมาอีกสองใบ ยังไม่ทันได้ขยับเท้าพ้นหน้าร้าน เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้น
“ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย มีคนหมดสติครับ”
ภัคร์พิมลกับธนดลหันมองหน้ากันด้วยสีหน้าแตกตื่น ไวเท่าความคิดทั้งคู่รีบขยับเท้าไปยังจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่ราวๆ ห้าสิบเมตร จุดเกิดเหตุอยู่ที่หน้าร้านนาฬิกา
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
ธนดลถามเสียงเครียดตอนที่วางถุงกระดาษและนั่งคุกเข่าลงข้างๆ ร่างของผู้ชายที่อายุราวๆ ห้าสิบปีกว่าโดยชายอีกคนที่ประคองอีกฝ่ายเอาไว้ยังคงมีสีหน้าแตกตื่น ภัคร์พิมลเองก็นั่งลงข้างๆ ร่างของชายคนนั้นเช่นกัน
“ไม่รู้ครับ จู่ๆ เจ้านายของผมก็บอกว่าเจ็บหน้าอก เอามือกุมอกซ้ายอยู่ครู่เดียวก็ล้มวูบไปเลยครับ ผมเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น”
ชายคนนั้นว่าเสียงสั่นๆ ธนดลจึงรีบบอกให้อีกฝ่ายจัดให้คนหมดสตินอนราบแล้วตรวจลมหายใจด้วยการเอียงหูลงไปแนบใกล้ปากและจมูกเพื่อฟังเสียงหายใจและดูการเคลื่อนไหวของหน้าอก ส่วนภัคร์พิมลรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกดโทรออกหมายเลขฉุกเฉินเบอร์ 1669
“ต้องซีพีอาร์”
ธนดลบอกแล้วลงมือกดหน้าอกทันที ส่วนภัคร์พิมลนั้นกำลังกดโทร.ออกขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์ฉุกเฉิน เสร็จแล้วภัคร์พิมลก็รีบมองหาเครื่อง AED* ก่อนจะเจอเครื่องติดอยู่บนผนังห่างออกไปไม่มากนัก หญิงสาวรีบวางลงข้างร่างของชายคนดังกล่าว ซึ่งธนดลก็รีบปลดกระดุมเสื้อของคนหมดสติออก แล้วช่วยกันจัดการติดแผ่นนำไฟฟ้าบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้าด้านขวา และชายโครงด้านซ้าย แล้วพากันถอยห่างจากตัวคนหมดสติก่อนจะกดปุ่มช็อกไฟฟ้าจากเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจเสร็จธนดลก็ทำการกดหน้าอกต่อระหว่ารอทีมแพทย์มาถึง สลับกับภัคร์พิมลเองที่ไปช่วยไปกดหน้าอกเพราะกดนานๆ แรงอาจแผ่วได้ ประสิทธิภาพในการกดหน้าอกเพื่อกระตุ้นให้หัวใจกลับมาเต้นได้อีกครั้งอาจจะลดลง พร้อมสายตาที่กำลังลุ้นระทึกของผู้คนรอบๆ
_______________________________
*AED คือ Automated External Defibrillator เป็นเครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ