หลังจากทำการกดหน้าอกไปราวๆ สี่นาทีหัวใจของชายคนดังกล่าวก็กลับมาเต้นอีกครั้ง เจ้าของร่างปรือตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาตอนที่เห็นใบหน้าของภัคร์พิมล
“กัลยา”
ชายคนนั้นเรียกเสียงแผ่วก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงอีกครั้ง ธนดลรีบแนบใบหูลงเพื่อฟังเสียงหายใจ ปรากฏว่าลมหายใจของอีกฝ่ายสม่ำเสมอ และรีบคลำชีพจรที่คลำพบได้อย่าชัดเจนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ภัคร์พิมลกับธนดลยังคงกดหน้าอกต่อจนกระทั่งทีมแพทย์ฉุกเฉินมาถึงในอีกสิบนาทีต่อมา ชายคนดังกล่าวถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาลไปอย่างเร่งด่วนพร้อมกับคนที่เป็นลูกน้อง
“ฉันได้ยินนะตอนที่ลุงแกพูดออกมาตอนเห็นหน้าแกน่ะ ลุงแกพูดว่ากัลยา กัลยานี่ใครอะ ใช่ชื่อแม่แกหรือเปล่า”
ธนดลถามขึ้นตอนที่ขยับเท้าไปยังลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าเพราะธนดลจอดรถเอาไว้ตรงนั้น ทั้งคู่ยังคงขยับเท้าไปเรื่อยๆ ตอนที่สนทนากัน
“บ้าหรือไง แม่ฉันชื่อคนธรส”
“เออ จริงด้วย แล้วกัลยานี่ใครล่ะ”
“ฉันจะไปรู้หรือไง คงเป็นชื่อของคนในครอบครัวของคุณลุงเขานั่นแหละ”
“แต่ลุงเขาพูดออกมาตอนที่เห็นหน้าแกนะ”
ธนดลค้านตอนที่จัดการยัดถุงกระดาษจำนวนหลายใบใส่ท้ายรถ ซึ่งภัคร์พิมลเองก็ทำแบบนั้นเช่นกัน เพราะถุงกระดาษในมือของหญิงสาวส่วนใหญ่เป็นของธนดล เหลือเพียงถุงกระดาษสองใบเท่านั้นที่เป็นของเจ้าตัว จัดการเรียบร้อย ธนดลก็ปิดกระโปรงหลัง
“ลุงเขาอาจจะกำลังสับสนก็ได้ คนเพิ่งหัวใจหยุดเต้นมานะเว้ยแก สติสัมปชัญญะก็ไม่เต็มร้อยหรอก คงเห็นภาพเบลอๆ คิดว่าฉันเป็นคนที่บ้านงี้”
คราวนี้ธนดลพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ตกลงจะไม่ให้ฉันไปส่งจริงๆ ใช่ไหม”
“ไม่ล่ะ ฉันกลับรถไฟฟ้าสะดวกกว่า ลงจากสถานีปุ๊บ เดินอีกนิดเดียวก็ถึงโรงพยาบาลเลย สบายกว่ากันเยอะ แล้วอีกอย่างแกจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา กว่าจะถึงหอพักที่โรงพยาบาลของแกก็ตีหนึ่งโน่นเลยมั้ง”
“เว่อร์ไปเปล่า ฉันว่าคงแค่ราวๆ เที่ยงคืนเศษ”
“ฉันกับแกมันก็พอกันแหละ” ภัคร์พิมลว่าก่อนทั้งคู่จะระเบิดหัวเราะออกมา “งั้นฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกัน ขับรถดีๆ ล่ะ ถึงแล้วไลน์มาบอกด้วย”
“โอเค”
ทั้งคู่แยกกันตรงนั้น ภัคร์พิมลเดินย้อนกลับเข้าไปในห้างเพื่อจะเดินกลับไปที่สถานีรถไฟฟ้า ส่วนธนดลก็ขึ้นรถก่อนจะขับออกไป
“คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ”
นลินญาที่มาพร้อมกับคุณหญิงจรีย์ถามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล ขณะเดินทางกลับบ้านได้รับสายจากชมชาญว่าบิดาของเธออยู่ที่โรงพยาบาลนลิญาถามชมชาญคนขับรถของบิดาที่ยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ที่หน้าห้องไอซียู บิดาของหญิงสาวคือกอบกุลซึ่งก็คือคนที่ภัคร์พิมลกับธนดลช่วยเอาไว้
“คุณท่านหัวใจหยุดเต้นครับคุณหนู แต่ตอนนี้รู้สึกตัวแล้วครับ”
คุณหญิงจรีย์ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยกมือขึ้นกุมหน้าอกใบหน้าก็ดูซีดเผือด ฉับพลันร่างกายก็ซวนเซจนนลินญารีบเข้ามาช่วยประคองแล้วพาไปนั่งที่ม้านั่ง กระวีกระวาดรีบหยิบยาดมขึ้นมาให้คุณหญิงจรีย์สูดดมแก้อาการวิงเวียน ส่วนชมชาญรีบวิ่งไปตามพยาบาล
“ตรงนี้ครับ คุณหญิงเป็นลมครับ”
ชมชาญร้องบอก พยาบาลกับเวรเปลที่เข็นรถนั่งตามมารีบช่วยกันประคองร่างของคุณหญิงจรีย์ขึ้นไปนั่งบนรถเข็นคันดังกล่าว
“เดี๋ยวดิฉันจะพาคนไข้ไปนอนพักที่ห้องฉุกเฉินก่อนก็แล้วกันนะคะ ให้คุณหมอช่วยดูให้ เผื่อมีอะไรที่ต้องตรวจเพิ่มเติม”
“ขอบคุณมากนะคะ ด้วยดิฉันขอดูคุณพ่อก่อนแล้วจะรีบตามไปค่ะ”
“ได้ค่ะ”
พยาบาลรับคำแล้วให้เวรเปลเข็นรถนั่งออกจากตรงนั้นไปทันที ชมชาญอาสาตามไปดูคุณหญิงจรีย์ให้ นลินญาถอนหายใจก่อนจะเดินไปสอบถามอาการของผู้เป็นบิดาที่เคาน์เตอร์พยาบาล ด้วยแผนกหอผู้ป่วยวิกฤติหรือไอซียูจะเป็นแบบห้องปิด อนุญาตให้เยี่ยมตามเวลาเท่านั้น นลินญาจึงกดกริ่งเรียกพยาบาลตรงช่องทางที่เขียนไว้ว่าติดต่อสอบถาม ครู่หนึ่งพยาบาลก็มาเปิดช่องประตูเล็กๆ เพื่อสนทนา
“ติดต่อเรื่องอะไรคะ”
“คือดิฉันจะมาสอบถามอาการของคุณพ่อค่ะ”
“คนไข้ชื่ออะไรคะ”
“ชื่อกอบกุล ศิริสกุลไชยย์ค่ะ”
“สักครู่นะคะ” นลินญาพยักหน้ารับ “คนไข้มีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ก่อนมาโรงพยาบาลมีคนช่วยเหลือปั๊มหัวใจให้ค่ะ คนไข้ฟื้นแล้ว แต่ตอนนี้หลับอยู่ คุณหมอให้นอนสังเกตุอาการที่ไอซียูก่อนอย่างน้อยก็หนึ่งคืน ส่วนรายละเอียดต่างๆ เดี๋ยวรอคุยกับคุณหมอเจ้าของไข้นะคะ”
“แล้วถ้าจะขอย้ายโรงพยาบาลจะได้ไหมคะ”
“ส่วนใหญ่แล้วคนไข้ที่เพิ่งมีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เราจะไม่มีการเคลื่อนย้ายคนไข้ อย่างน้อยๆ ก็ยี่สิบสี่ชั่วโมงค่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของคนไข้จะพร้อมสำหรับการเคลื่อนย้ายค่ะและไม่เป็นอันตรายระหว่างทาง แต่ถ้าต้องการแบบนั้นจริงๆ ต้องคุยกับคุณหมอเจ้าของไข้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวญาตินั่งรอก่อนนะคะ ขอโทร.แจ้งคุณหมอก่อน”
“ขอเข้าไปดูคุณพ่อสักครู่ได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ”
เมื่อพยาบาลอนุญาต นลินญาจึงพาตัวเองเข้าไปในห้องไอซียู ในนั้นมีคนไข้ทั้งหมดราวๆ แปดเตียง คนไข้แต่ละคนก็อาการค่อนข้างหนักเห็นได้จากแต่ละเตียงมีเครื่องช่วยหายใจ นลินญารีบขยับเท้าไปที่เตียงของกอบกุล ดีหน่อยที่บิดาของเธอไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจเหมือนเตียงอื่นๆ เพียงแค่สวมออกซิเจนแบบหน้ากากไว้เท่านั้น