พินัยกรรม

1978 คำ
บทที่ 2 พินัยกรรม กว่าดาวิกาจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว เพราะมัวแต่ไปเดินเลือกซื้อของให้แมวตัวโปรดอย่างเจ้าไข่ดาวจนลืมดูเวลา รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ประกาศว่าห้างกำลังจะปิด เธอถึงได้เข็นรถเข็นไปยังจุดจ่ายเงินเพื่อชำระค่าเสียหายให้ลูกรัก ขากลับก็แวะซื้อข้าวมันไก่ข้างทางร้านประจำมารับประทานที่บ้าน เพราะเผลอช็อปเพลินไปหน่อย ร้านที่เธอตั้งใจจะไปกินตั้งแต่แรกจึงปิดไปเสียก่อน หญิงสาวหอบหิ้วของพะรุงพะรังเดินเข้ามาในบ้าน แล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อมีแม่บ้านเดินเข้ามาช่วยรับของไปเก็บให้ โดยปกติแล้วบ้านของเธอจะให้แม่บ้านทำงานกันเป็นเวลา ไม่ได้ใช้งานพร่ำเพรื่อ หากต้องการอะไรหลังเวลาทำงาน สมาชิกในบ้านต้องช่วยเหลือกันเอาเอง ยกเว้นป้ามลที่มีหน้าที่ดูแลและอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง “ยังไม่นอนกันอีกเหรอคะ” ดาวิกาเอ่ยถามป้ามลที่เดินเข้ามารับของไปเก็บให้ ในเวลาแบบนี้แม่บ้านสูงวัยก็ควรขึ้นไปพักผ่อนข้างบนแล้วไม่ใช่หรือ “ยังค่ะ วันนี้นอนดึกหน่อย คุณท่านมีเรื่องที่ต้องจัดการน่ะค่ะ” “หือออ ? แล้วตอนนี้คุณย่าอยู่ไหนคะ” “คุณท่านกำลังรอคุณดิวอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างค่ะ” หญิงสาวชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างแปลกใจ “หืม คุณย่ารอดิวเหรอคะ” “ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณเดลก็อยู่กับคุณท่านด้วย รีบเข้าไปหาท่านเถอะค่ะ” ป้ามลบอกแล้วเดินเลี่ยงเอาของที่หญิงสาวซื้อมาเข้าไปเก็บ ดาวิกายืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสับเท้าเดินไว ๆ ไปยังห้องทำงานที่อยู่ปีกซ้ายสุดของบ้านเพราะอยากรู้ใจจะขาดว่าท่านมีเรื่องอะไร ถึงได้อยู่รอเธอจนดึกดื่นป่านนี้ ดาวิกาเคาะประตูไม้สักสามครั้งส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ข้างในตามมารยาทที่ถูกสั่งสอนมา เมื่อได้รับคำอนุญาต หญิงสาวก็รีบเปิดประตูเข้าไปเลยทันที “ได้ยินป้ามลบอกว่าคุณย่ารอดิว มีอะไรหรือเปล่าคะ” ถามพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งโซฟาไม้ข้าง ๆ พี่ชาย โดยหันหน้าไปหาหญิงสูงวัยที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้สักเก่าแก่ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เสริมสร้างอำนาจและบารมีให้แก่คนที่นั่งอยู่เป็นอีกเท่าตัว “ย่ามีเรื่องจะคุยกับเราสองคนนิดหน่อยน่ะ นั่งรอก่อน ย่าขอหาโฉนดที่ดินประเดี๋ยวเดียว” คนสูงวัยว่าพลางมองผ่านแว่นสายตากรอบเล็กไล่อ่านเอกสารทีละแผ่น เพื่อหาโฉนดที่ดินสำคัญที่ไม่รู้ว่าเก็บเอาไว้ไหน “วันนี้ไปเที่ยวไหนมา” ดรัณหันหน้ามาถามน้องสาวระหว่างรอ “ไปเล่นกับลูกไอ้กานต์ที่บ้านมันมา ลูกมันโคตรน่ารักเลยอะพี่เดล แก้มงี้น่าฟัดสุด ๆ” ดาวิกาเปิดกระเป๋าแฟชั่นราคาแพง แล้วหยิบสมาร์ตโฟนออกมาเปิดรูปเด็กหญิงปวริศาลูกสาวของเพื่อนสนิทให้พี่ชายดู “เนี่ย ๆ กำลังหัดตั้งไข่เลย น่ารักเนาะ” “อือ น่ารักดี” ดรัณพยักหน้าเห็นด้วย มองคลิปวิดีโอเด็กผู้หญิงกำลังหัดยืนด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เขาเคยเห็นหนูน้อยคนนี้อยู่บ่อย ๆ ผ่านคลิปวิดีโอที่ดาวิกามักถ่ายมาให้ดู หรือถ่ายลงแอปติ๊กต๊อก เขาจึงได้เห็นความน่ารักและพัฒนาการของเด็กคนนี้อยู่ตลอด “โตไวเหมือนกันนะเนี่ย” “ใช่ ๆ โตไวมาก อีกหน่อยดิวก็คงอุ้มไม่ได้แล้ว” หญิงสาวว่าพร้อมกับเลื่อนรูปอื่น ๆ ให้พี่ชายดูเรื่อย ๆ กระทั่งภาพหมดอัลบั้ม “พี่เดลมีหลานให้ดิวเลี้ยงสิ ดิวเลี้ยงให้ฟรี ๆ เลย ไม่คิดเงิน” คนเป็นพี่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้า ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดาวิกาพูดแบบนี้ หากแต่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่เธอพูดทำนองนี้ และก็มักจะได้คำตอบเดิม ๆ กลับไปทุกครั้ง “รอไปก่อน” “ง่ะ รออีกละ คุณย่าก็บ่น ๆ แล้วนะว่าอยากเห็นหน้าเหลน หลานรักอย่างพี่เดลจะไม่ทำให้คุณย่าสมหวังหน่อยเหรอ โอ๊ย!” พูดยังไม่จบประโยคดี ศีรษะของหญิงสาวก็ผงะไปข้างหลังด้วยฝีมือหลานรักอันดับหนึ่งของคุณย่า ดาวิกาตีหน้ายุ่ง ชี้นิ้วคาดโทษคนโต “ทำร้ายน้อง เดี๋ยวจะบอกคุณย่าให้จัดการเลย” “อีกสักทีดีไหม” ดรัณเตรียมจะสับมะกอกลงอีก หากแต่ยายน้องสาวตัวดีกลับรีบขยับตัวหนีอย่างว่องไว “เอาละ ๆ หยุดได้แล้ว เล่นอะไรกันเป็นเด็ก ๆ เลย โต ๆ กันทั้งคู่แล้วนะ” เสียงนุ่มนวลทว่าน่ายำเกรงของผู้เป็นย่าดังขึ้น ทำให้หลานรักทั้งสองคนต้องสงบศึกกันเอาไว้ชั่วคราว พวงผกาลุกออกจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่ หยิบไม้เท้าแล้วเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับหลาน “พี่เดลเลยค่ะคุณย่า พี่เดลแกล้งดิวอะ” หลานคนเล็กแกล้งทำทีเป็นฟ้อง แต่ก็มิวายถูกคุณย่าดุกลับมา “เราน่ะตัวดีเลย ชอบไปแกล้งพี่เขา” ดาวิกาขยับเข้าไปใกล้พี่ชายอีกครั้ง แล้วเอียงไหล่กระแทกเบา ๆ “เนี่ย เห็นไหม ดิวบอกแล้วว่าพี่เดลเป็นหลานรักคุณย่า” “ก็เพราะเราไม่รู้จักโตอย่างนี้ไง จะไม่ให้ย่าดุได้ยังไงฮึ” หญิงสูงวัยอดที่จะเอ็ดหลานสาวอีกครั้งไม่ได้ ดาวิกาลุกไปนั่งข้างคุณย่า โอบกอดแล้วซบไหล่อย่างออดอ้อน “ง่ะ อย่าดุนักดิวซี... ใจหลานสาวคนนี้บอบบางมากเลยค่ะ อ่อนโยนกับดิวหน่อย” แล้วคนช่างอ้อนก็ถูกคุณย่าหยิกเข้าที่แขน จนต้องร้องโอดร้องโอย ทำเอาอีกคนที่นั่งดูอยู่เงียบ ๆ อดขำขึ้นมาไม่ได้ ดาวิกาเหวี่ยงสายตาไปมองพี่ชายด้วยสีหน้ายุ่ง ๆ “ขำไปเถอะ อย่าให้ถึงทีดิวบ้างนะ จะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย คอยดู” “คงไม่มีวันนั้นหรอก” ดรัณยักไหล่ยียวนกลับไป เหมือนจะเกิดสงครามขนาดย่อม ๆ ระหว่างสองพี่น้องขึ้นมาอีกครั้ง หากคนสูงวัยไม่เอ่ยห้ามทับเสียก่อน “เอาละ ๆ ดึกมาแล้ว เลิกเล่นกันสักที” ได้ยินน้ำเสียงจริงจังของคนเป็นย่าแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก มีเพียงแค่ดาวิกาที่ลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมไปนั่งข้างดรัณตามเดิม เมื่อเห็นว่าหลานทั้งสองคนพร้อมแล้ว ย่าพวงผกาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ย่าจะคุยกับเราทั้งสองคนเรื่องพินัยกรรม” สองพี่น้องพร้อมใจกันขมวดคิ้วด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ ๆ คุณย่าถึงได้พูดถึงเรื่องพินัยกรรม อีกทั้งยังเป็นเวลาดึกขนาดนี้อีกด้วย ทว่าก็ไม่มีใครถามอะไร รอให้หญิงวัยชราพูดต่อ “ย่าจะจัดการเรื่องพินัยกรรมให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ แล้วที่ย่าเรียกเราทั้งสองมาคุยดึกขนาดนี้ ก็เพราะว่าย่านัดทนายประจำตระกูลของเรามาพรุ่งนี้แล้ว ถ้าจะรอคุยตอนเช้ายายดิวก็ตื่นสาย” ดาวิกายู่ปากเมื่อถูกกล่าวหา หากไม่โต้แย้งเพราะมันคือเรื่องจริง “เอาเป็นว่าคุยตอนนี้แหละ ใช้เวลาแค่แป๊บเดียว” ผู้สูงวัยยื่นเอกสารข้อมูลรายการทรัพย์สินทั้งหมดของตนให้หลานรักทั้งสองคนละแผ่น ในนั้นจะระบุไว้อย่างชัดเจนว่าอะไรจะตกเป็นของใครบ้าง ด้วยลูกชายเพียงคนเดียวนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบปีก่อน เหลือไว้แค่หลานตัวน้อยทั้งสองคนให้ผู้เป็นย่าได้เลี้ยงและดูต่างหน้าเมื่อยามคิดถึง ทำให้การแบ่งสมบัติของคุณย่าพวงผกาไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรมากนัก เพราะนางมีเพียงดรัณกับดาวิกาเท่านั้นที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการแบ่งสรรปันส่วนในครั้งนี้ “โห่ เรามีที่ดินเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะเนี่ย” ดาวิกาตาโตเมื่อไล่มองรายชื่อการที่ดินที่มีมากกว่าสองร้อยผืน รวม ๆ แล้วน่าจะมากกว่าห้าพันไร่ หญิงสาวรู้ว่าสมัยก่อนคุณปู่กับคุณย่ากว้านซื้อที่ดินเอาไว้เยอะ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าพอเอามารวม ๆ กันแล้วจะเยอะขนาดนี้ มีทั้งอยู่ในเมืองย่านเศรษฐกิจ ย่านชานเมือง ต่างจังหวัดก็มีอยู่เกือบทั่วทุกภูมิภาค “ก็สะสมมาเรื่อย ๆ มันก็เลยเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แต่รายชื่อท้าย ๆ คือที่ที่คนอื่นเอามาจำนำแล้วไม่มีเงินมาไถ่คืน ที่ตรงนั้นก็ตกเป็นของเราไปโดยปริยาย” เมื่อก่อนนอกจากจะหาซื้อที่ดินทำเลดี ๆ ไว้ในครอบครองแล้ว ช่วงหลังจากที่สามีเสียชีวิต พวงผกาก็เริ่มอ่อนแรง จึงหันมารับจำนำที่ดิน โดยจะประเมินราคาให้จากโฉนด ที่ดินผืนไหนทำเลดีหรือมีแนวโน้มว่าจะดีในภายภาคหน้าก็จะตีราคาให้สูงเป็นพิเศษ มีเงินเมื่อไหร่ค่อยมาไถ่ถอนคืนไป หากไม่มีมาชำระตามเวลาที่กำหนด ที่ดินผืนนั้นก็จะตกมาเป็นของผู้รับจำนำโดยไม่มีข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้นตามระบุไว้ในสัญญา “คุณย่าเก่งจังเลยค่ะ ดูแลที่ดินทั้งหมดนี้ยังไงไหวอะคะ” “เพราะย่าชินมั้ง ทำมานานก็เลยไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยาก แต่มันก็เริ่มจากค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปนั่นแหละ พอเราทำมาก ๆ มันก็เกิดเป็นความเคยชินไป” พวงผกายิ้มเอ็นดูหลานสาว “ก็เหมือนพี่ชายเราไง แรก ๆ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ พอได้ลงมือทำและคลุกคลีอยู่กับมันบ่อย ๆ จนตอนนี้น่าจะกลายเป็นความถนัดไปแล้วกระมัง” ดรัณเงยหน้ามายิ้มให้ผู้สูงวัย “ที่ผมทำมาได้ขนาดนี้ก็เพราะได้ครูดีมากกว่าครับ” “ประจบละหนึ่ง” ดาวิกาแอบแซะพี่ชายเบา ๆ หากไม่ได้จริงจังอะไร “ยายดิวนี่น้า...” พวงผกาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจให้ความไม่รู้จักโตของหลานสาว “แล้วเป็นไง พอใจกันไหมกับที่ย่าแบ่งให้ มีใครมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” “มีค่ะ” คนมีปัญหารีบยกมือขึ้น “ว่าไง มีปัญหาตรงไหน” “ทำไมส่วนมากที่ดินในส่วนของดิว ถึงมีแต่ที่ดินในย่านเศรษฐกิจล่ะคะ แล้วทำไมของพี่เดลมีแต่แถบชานเมืองกับต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่” หญิงสาวถามด้วยความข้องใจ หลังจากไล่สายตาดูผ่าน ๆ ไปเมื่อสักครู่นี้ คุณย่าพวงผกายิ้ม ยังไม่ตอบคำถามของหลานสาว หากแต่หันไปถามหลานชายแทน “เดลข้องใจเรื่องนี้ไหม” “สงสัยนิดหน่อยครับ แต่ไม่มีปัญหาอะไร” ดรัณตอบไปตามตรง เพราะเขาเองก็สงสัยในเรื่องการแบ่งสรรของคุณย่าเหมือนกับน้องสาว แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะคิดว่าคุณย่าคงคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้วถึงได้แบ่งออกมาอย่างนี้ “มันอาจจะฟังดูลำเอียงไปหน่อยนะ…” ผู้สูงวัยรีบออกตัวไว้ก่อน แล้วเริ่มอธิบายให้หลานทั้งสองคนฟังถึงเหตุผลในการแบ่งสมบัติครั้งนี้ “ที่ย่าต้องแบ่งอย่างนี้ก็เพราะย่ารู้ว่าเดลเอาตัวรอดได้ แต่ย่าไม่มั่นใจดิว...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม