บทที่ 3
เริ่มแผนการอย่างจริงจัง
ในสังคมสมัยนี้หากใครมองว่าการสร้างคอนเนกชันไม่สำคัญ...นั่นแปลว่าคนคนนั้นยังไม่โตมากพอ การที่หนึ่งธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้มีหลายองค์ประกอบด้วยกัน ซึ่งสิ่งที่เตชินกรุ๊ปขาดไม่ได้และยังคงหมั่นสร้างและเสาะหาอยู่ตลอดเวลานั่นก็คือ...คอนเนกชัน
การผูกมิตรกับนักธุรกิจคนอื่น ๆ เป็นเรื่องที่เตชินให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มมักจะหาเวลาไปออกงานสังคม หรือไปรับประทานอาหารร่วมวงสังสรรค์กับนักธุรกิจที่เขาคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับเขาในอนาคตอย่างน้อยเดือนละหนึ่งถึงสองครั้งเป็นอย่างต่ำ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากว่าเขาจะพาเตชินกรุ๊ปขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดแบบนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนักธุรกิจที่เขาผูกมิตรไว้ช่วยปูทางทำให้อะไร ๆ มันง่ายขึ้น
เตชินถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยเขาสนใจในเรื่องการทำธุรกิจมาตั้งแต่อายุเพียงสิบห้าขวบ ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณกมลวรรณผู้เป็นมารดาพาเขาเข้าที่ประชุมด้วย ชายหนุ่มก็มุ่งมั่นตั้งใจที่จะสานต่อธุรกิจจากมารดา เลือกเรียนในสายที่ตัวเองต้องการ เก็บเกี่ยวคอนเนกชันและสะสมมายาวนานตั้งแต่ตอนนั้น จึงทำให้เขาสามารถบริหารธุรกิจขนาดกลางของมารดา จนกลายมาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ของประเทศอย่างทุกวันนี้ได้
วันนี้เตชินมีนัดรับประทานอาหารค่ำกับลูกสาวของเจ้าสัวพีระนักธุรกิจคู่ค้าที่เป็นพันธมิตรกันมายาวนาน เพราะนอกจากการผูกมิตรกันแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือการรักษามิตรภาพนั้นให้มั่นคงและถาวร เพื่อคอยเอื้อเฟื้อผลประโยชน์ให้แก่กันได้เมื่อยามจำเป็น
“ฉันได้ยินมาว่าเจ้าสัวพีระกำลังค่อย ๆ วางมือจากธุรกิจแล้ว” ซีอีโอหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะสายตาจดจ้องอยู่กับงานในแท็บเล็ต ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผู้ช่วยหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถผ่านกระจกมองหลังรถ “นายได้ยินเรื่องนี้มาบ้างไหม”
“ได้ยินมาเหมือนกันครับ แต่ไม่ถึงกับวางมือทั้งหมดนะครับ เพียงแค่ถอยให้คุณบุษบาได้ขึ้นมาบริหารเต็มตัว ส่วนเจ้าสัวก็ยังนั่งตำแหน่งประธานคอยให้คำปรึกษาอยู่ห่าง ๆ ที่ได้ยินมาก็ประมาณนี้ครับ”
“อืม งั้นก็ดี” เตชินพยักหน้ารับรู้ แล้วหันหน้ามองออกไปนอกตัวรถพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ทว่าไม่นานก็ต้องหันกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามของผู้ช่วยคนสนิท
“คุณเตชินจริงจังกับคุณบุษบาแค่ไหนครับ”
เป็นคำถามที่เตชินเองก็ยังตอบไม่ได้ว่าควรจริงจังกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน บุษบาเป็นผู้หญิงที่มีคุณสมบัติตรงตามคำว่า ‘ผู้หญิงฉลาด’ ที่เขานิยามเอาไว้ทุกประการ แนวคิดและทัศนคติของการมองโลกแห่งอนาคตก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร หากมีเธอไว้ข้างกาย แน่นอนว่าธุรกิจของเขาต้องเติบโตจากที่เป็นอยู่ไปอีกหลายเท่าตัว
ครอบครัวของหญิงสาวทำธุรกิจเกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตร เป็นผู้ผูกขาดตลาดเมล็ดพันธุ์ไว้เพียงเจ้าเดียว และเป็นผู้ผลิตข้าวโพดและข้าวสาลีถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของประเทศอีกด้วย เตชินมีความจำเป็นต้องอาศัยผลผลิตเหล่านี้จากบริษัทของเจ้าหล่อน เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารสัตว์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจในเครือเตชินกรุ๊ป ที่กำลังขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งขายให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ
“แล้วนายคิดว่าฉันควรจริงจังกับเธอมากแค่ไหน แล้วในอนาคตเธอจะมีผลประโยชน์อะไรให้ฉันบ้าง”
“คุณบุษบาเธอฉลาดมากนะครับ...” และแน่นอนว่าคนฉลาดย่อมมองคนอื่นออก เธอย่อมรู้ว่าใครต้องการอะไรจากเธอ
“เรื่องนั้นฉันรู้ และนายเองก็รู้ว่าฉันชอบผู้หญิงแบบนี้”
“ผมคิดว่าเธอคงไม่ยอมให้คุณเตชินได้ประโยชน์จากเธอเพียงฝ่ายเดียวแน่ เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ” เควินว่าไปตามเนื้อผ้า เขาเคยพบบุษบาอยู่หลายครั้ง เลยพอจะรู้ว่าหญิงสาวมีนิสัยอย่างไร “ผมว่าความคิดและอุดมการณ์ของเธอน่าจะให้ผลประโยชน์กับคุณเตชินมากกว่าวัตถุดิบราคาถูกกว่าท้องตลาดนะครับ”
“นายกำลังจะบอกว่าฉันควรจริงจังกับเธอ...จนถึงขั้นแต่งงาน ?” ซีอีโอหนุ่มเลิกคิ้วถาม
“ครับ” เควินพยักหน้ารับ เพราะถ้ามองเพียงแค่เรื่องผลประโยชน์ บุษบาคือผู้หญิงที่เหมาะสมกับเตชินที่สุด
“แล้วยายเด็กคนนั้นล่ะ ?”
“ครับ ?” ผู้ช่วยหนุ่มมองผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจว่า ‘ยายเด็กคนนั้น’ ที่พูดถึงคือใคร
“ก็หลานสาวเจ้าของที่ดินข้าง ๆ ตึกของฉันไง”
“อ๋อ คุณดาวิกาน่ะเหรอครับ” เควินมองผ่านกระจกหลัง เห็นเจ้านายพยักหน้า แล้วจึงพูดต่อ “ไม่เกี่ยวกันเลยครับ เพราะถ้ามองเรื่องผลประโยชน์จริง ๆ คุณดาวิกาก็มีเพียงแค่ที่ดินตรงนั้นที่คุณเตชินต้องการ ส่วนคุณบุษบาเธอมีแนวคิดด้านธุรกิจ เธอสามารถบริหารงานและบริหารคนได้ ตรงนี้น่าจะสร้างผลประโยชน์ให้กับเตชินกรุ๊ปได้มากกว่า”
เตชินพยักหน้ารับและคิดตามที่เควินพูดอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกไป เพราะเห็นด้วยกับที่ผู้ช่วยหนุ่มพูดทุกอย่าง
กับดาวิกา...เพียงแค่เขาหลอกล่อให้เซ็นสัญญาขายที่ดินได้สำเร็จ เขากับเธอก็ไม่มีอะไรต้องยุ่งเกี่ยวกันแล้ว
แต่กับบุษบา...เธอมีประโยชน์ให้เขาทั้งในตอนนี้และในอนาคต เพียงแค่นี้ชายหนุ่มก็ตอบตัวเองได้แล้วว่าควรจริงจังกับใคร
ทว่า...เขากลับไม่รู้ตัวเลยว่าความรู้สึกลึก ๆ ข้างในมันกำลังก่อตัวขึ้นมาเพื่อประท้วงความคิดนี้ของตัวเองอยู่
การรับประทานอาหารค่ำร่วมกับบุษบาผ่านไปอย่างราบรื่น แต่กว่าเตชินจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว เพราะหลังจากรับประทานอาหารเสร็จเขาได้ชวนหญิงสาวดื่มต่อเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้สนิทกันมากขึ้น
ชายหนุ่มเดินเปลือยท่อนบนออกมาจากห้องนอนเข้าไปเปิดตู้เย็นในครัว รินน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มให้ร่างกายสดชื่นขึ้น พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เพิ่งสระให้แห้งหมาดไปด้วย และในขณะที่เขากำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง สมองก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เตชินรีบสืบเท้าไว ๆ เข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง หยิบสมาร์ตโฟนที่วางทิ้งเอาไว้หัวเตียงน้ำขึ้นมา แล้วรีบส่งข้อความไปทักทายผู้หญิงอีกคน เห็นเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็ดึกมากแล้ว ได้แต่ภาวนาในใจขอให้เธอยังไม่นอน
หลังจากที่คุยกันวันนั้นเตชินก็หมั่นส่งข้อความไปพูดคุยกับดาวิกาทุกวัน อันที่จริงในแต่ละวันเขาเพียงแค่เป็นฝ่ายทักทายไปก่อนเท่านั้น เพราะหลังจากข้อความของเขาถูกส่งไป มักจะกลับกลายเป็นอีกฝ่ายที่ชวนเขาคุยเสียมากกว่า
ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี...เหนื่อยจากงานแล้วจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเพราะต้องคอยหาเรื่องมาคุยกับเธออีก
Dewnie : (ส่งรูปเจ้าไข่ดาวนอนหงายท้อง) ตะเอ๋! ยังไม่นอนค้าบ
Dewnie : ว่าแต่ทำไมพี่ชินนอนดึกจังล่ะคะ
Tachin : พี่เพิ่งกลับถึงบ้านน่ะ
Dewnie : ฮะ!? ดึกขนาดนี้เนี่ยนะ
Tachin : ครับ ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อย
Dewnie : อ๋อ แล้วทานข้าวหรือยังอะคะ
Tachin : เรียบร้อยแล้วครับ
Dewnie : เก่งมากไอ้ต้าว (รูปเจ้าไข่ดาวกำลังกินอาหารเม็ด)
เตชินไม่ได้สนใจรูปแมวที่อีกฝ่ายส่งมา หากแต่สนใจคำว่า ‘ไอ้ต้าว’ ของเธอมากกว่า...คำนี้มันแปลว่าอะไรกัน ชายหนุ่มกดออกจากแอปพลิเคชันไลน์ พิมพ์คำว่าไอ้ต้าวลงไปในช่องค้นหาของกูเกิล แล้วก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อไม่เห็นสาระของคำคำนี้เลย
Dewnie : อ้าว เงียบเลย นอนแล้วแหรอคะ
Dewnie : (สติกเกอร์แมวเอียงคอสงสัย)
Tachin : ยังครับ พี่ไปเป่าผมมา
Dewnie : หูย...เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอคะ ไม่เรียกดิวเลยน้า
Dewnie : (สติกเกอร์ยิ้มกริ่ม)
Tachin : ถ้าเรียกแล้วจะมา ?
Dewnie : จะวิ่งไปให้ไวเลยค่ะ
Dewnie : ฮ่า ๆ ๆ ล้อเล่นค่า
Tachin : ไว้วันหลังพี่จะเรียกนะ
ในเมื่อหญิงสาวเปิดโอกาสให้เขาหยอดขนาดนี้ มีหรือที่คนเจ้าเล่ห์อย่างเขาจะไม่รีบคว้าเอาไว้ ดาวิกาเองก็ไม่น้อยหน้า รีบพิมพ์ตอบรับเขาอย่างไว ทว่าเธอกลับไม่ได้คิดอะไรกับทุกประโยคที่เธอพิมพ์ออกมา เป็นเพียงแค่การหยอกล้อตามสไตล์คนขี้เล่นอย่างเธอก็เท่านั้น
Tachin : อ้อ เกือบลืมไปเลย พรุ่งนี้น้องดิวว่างไหมครับ
Dewnie : ก็ว่างนะคะ พี่ชินมีอะไรหรือเปล่าเอ่ย
Tachin : คือมันใกล้วันเกิดแม่ของพี่เข้ามาทุกทีแล้ว แต่พี่ยังไม่มีของขวัญอะไรเลย พี่เลยอยากให้น้องดิวออกมาช่วยพี่เลือก
Dewnie : จริงด้วย! ดิวก็ลืมไปเลย พรุ่งนี้ใช่ไหมคะ ได้ ๆ ดิวว่างค่ะ
Tachin : โอเคครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปรับที่บ้านนะ
เตชินวางสมาร์ตโฟนลงบนแท่นชาร์จข้างเตียง มุมปากกดลึกด้วยความพอใจ จริง ๆ แล้วพรุ่งนี้เขาไม่ได้ว่างหรอก หากแต่หลังจากคุยกันผ่านตัวหนังสือมาหลายวัน เขาคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะกระชับความสัมพันธ์ให้สนิทชิดเชื้อกับเธอขึ้นมาอีกระดับ ชายหนุ่มจึงจะเจียดเวลาอันแสนมีค่าในช่วงบ่าย ทำตัวเองให้ว่างเพื่อไปเดินเลือกของขวัญกับเธอ