บทที่ 1 เป็นอะไรกับเขา
บทที่ 1
เป็นอะไรกับเขา
“มาขอพบคุณพุค่ะ”
ฉัตรริษาบอกเจตจำนงแก่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เหยียบเข้ามาในที่ทำงานของผู้ชายที่เป็นเหมือนเจ้าชีวิตของเธอ
“ให้เรียนว่าใครมาขอพบคะ” พนักงานสาวถามด้วยรอยยิ้มตามหน้าที่
“บอกว่า...ฉัตรริษาค่ะ”
หลังจากรับคำ พนักงานสาวสวยก็แจ้งไปยังเลขาฯ ของผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของตึกแห่งนี้ ไม่ถึงสามนาทีก็ได้รับสารตอบกลับมา
“คุณเอามือถือมาให้คุณพุใช่ไหมคะ”
หญิงสาวพยักหน้า
“คุณพุบอกให้ฝากไว้ที่นัทได้เลยค่ะ” พนักงานสาวว่าพร้อมกับยื่นมือไปรอรับ แต่อีกฝ่ายกลับร้องขอบางสิ่งแทน
“คุณนัทช่วยไปบอกคุณพุให้อีกรอบได้ไหมคะว่าวุ้นอยากขอพบค่ะ” เธอต้องการพบเขา เพราะยังมีอีกเหตุผลที่ทำให้ใจสงบลงไม่ได้
“ได้ค่ะ” สาวสวยคนเดิมรีบต่อสายไปยังเลขาฯ อีกครั้ง และก็ได้รับคำอนุญาต จึงพาฉัตรริษาไปพบเจ้านายของตน
เพียงแค่เดินเข้าไปในห้องทำงานและประตูปิดสนิทลง คำสั่งก็ออกมาจากชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ แววตาที่มองมานั้น...ไม่ได้ผิดแปลกไปจากที่ผ่านมา
เย็นชา เยือกเย็น
“มานี่สิ”
หญิงสาวเดินไปหา ก่อนจะถูกชี้นิ้วสั่งทำนองให้นั่งลงกับพื้น ตรงหน้าเขา
“นั่งลง”
“คุณพุ”
เธอเอ่ยชื่อเขาเบาๆ พยายามควบคุมอารมณ์ที่กำลังปั่นป่วน ทำไมเธอจะอ่านสายตาของผู้ชายคนนี้ไม่ออก
“วุ้นมีประโยชน์กับผมแค่เรื่องนี้ อยากเจอ ก็แปลว่าจะมาสนองให้” นั่นคือเรื่องเซ็กซ์ ไม่พอเขายังปลดเข็มขัดแล้วแถมยังรูดซิปกางเกงลง
หญิงสาวเม้มปากและอดไม่ได้ที่จะนึกตัดพ้อ
ฉัตรริษาแกะมือคู่นี้ออก แล้วหยิบยื่นสมาร์ตโฟนเครื่องใหม่ของเขาให้ พอหน้าจอมันสว่างวาบขึ้นก็ปรากฏข้อความหนึ่งที่ถูกส่งมาได้เกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว
“เราจะไปดูชุดหมั้นกันวันไหนคะ”
ข้อความนั้นเหมือนค้อนปอนด์ที่กระแทกเข้ากลางใจเธอ
“ไม่คิดจะบอกกันหน่อยหรือคะ”
แม้เห็นข้อความแล้ว แต่วริทธราก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนท่าที ชายหนุ่มยังคงอยู่ในท่าทีสบายๆ ไม่ได้ใส่ใจในความเดือดเนื้อร้อนใจของคนตรงหน้า
“วุ้นคิดว่าตัวเองเป็นอะไรกับผม” เขาตั้งคำถามด้วยความไร้ใจ พลางเลิกคิ้วมองก่อนจะเหยียดยิ้ม “เมียผม?”
คำถามนั้นเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ ฉัตรริษาเม้มปาก และเห็นสายตาที่ดูแคลน
“วุ้นมีค่ากับผมก็แค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น”
ฉัตรริษาพูดอะไรไม่ออก
“เราตกลงกันไว้แบบนี้” เขาย้ำ คืนนั้นเขาก็บอกชัดเจนแล้ว สถานะที่ให้ มีแค่สถานะนางบำเรอเท่านั้น
“หรือไม่ใช่ครับ?” วริทธรามองสบตาราวกับต้องการตอกย้ำให้หญิงสาวเข้าใจสถานะที่แท้จริง
“คุณพุไม่รู้จริงหรือคะว่าวุ้นทำไมถึงย...” นอกเหนือจากการชดใช้ มันยังมีอีกหนึ่งเหตุผล
“ผมต้องสน?” คำพูดนั้นไม่เพียงจะตัดบท แต่ยังบ่งบอกถึงความไม่แยแสของวริทธราอย่างชัดเจน ฉัตรริษารู้สึกไม่ต่างจากมีมีดเล่มใหญ่กรีดลงในใจทำให้เจ็บลึก
“ผมไม่เคยรักวุ้น วุ้นก็เป็นแค่หมากในเกมของผมเท่านั้น” ไม่จำเป็นต้องร้องถาม วริทธราก็อ่านสายตาของผู้หญิงที่อยู่ข้างกายมาสามปีออก ผู้หญิงคนนี้กำลังกำเริบไม่เจียมตัว
เขาจึงย้ำให้ชัด
“สักนิดก็ไม่มี มันถึงไม่มีเหตุผลที่ผมต้องบอกวุ้น”
ฉัตรริษานิ่งไป คำพูดของเขาได้กลืนกินเสียงและลมหายใจของเธอไปจนหมด
เพราะมันมีแต่การเยาะหยันดูแคลน
“หรือต้องให้ผมสาธยายอะไรเพิ่มอีก” ชายหนุ่มแค่นเสียงถาม
“ไม่ต้องแล้วค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าสมทบ แค่นี้มันก็ชัดแก่ใจเธอแล้ว
“ดีครับ ผมไม่ชอบคนเข้าใจยาก”
“งั้นวุ้นยินดีด้วยค่ะ” ความยินดีที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดหัวใจของคนพูด แต่กระนั้นหญิงสาวก็ยิ้มออกมา แล้วบอกตัวเองว่ามันดีแล้ว
อิสระกำลังรอเธออยู่ “ขอให้คุณพุกับว่าที่คู่หมั้นมีความสุขมากๆ นะคะ”
ประโยคนี้เธอพูดออกจากใจจริง ถึงเขาจะไม่ได้เลือกเธอ แต่ถ้าเขาได้หลุดพ้นจากความทุกข์ที่เกาะกุมหัวใจ เธอก็ควรยินดี
หญิงสาวขยับตัวห่างออกมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยไปอีกหนึ่งประโยค
“วันนี้วุ้นจะไปเก็บข้าวของแล้วไปค่ะ”
“ไป?”
“ค่ะ”
“มีคำพูดไหนที่ผมบอกว่าจะปล่อยวุ้นไปแล้ว” คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก
“คุณพุหมายความว่ายังไง”
ในเมื่อเขามีคนของเขาแล้ว เขาก็ควรจะปล่อยเธอไป
“วุ้นยังต้องอยู่กับผม” ชายหนุ่มตอบเสียงนิ่ง ราวกับคำพูดนั้นคือคำสั่งที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ “คิดว่าแค่นี้มันเพียงพอแล้วกับสิ่งที่ผมสูญเสียไป?”
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่” เธอถามด้วยใจระส่ำ ก่อนที่ความคิดหนึ่งจะโผล่เข้ามาในหัว พาให้หัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง “วุ้นจะไม่เป็นเมียน้อย”
มันจะยังมีสถานะไหนได้อีก นอกจากสถานะนี้ เธอไม่มีวันยอมลดตัวลงไปกว่านี้อีกแล้ว
วริทธรามองหญิงสาวด้วยแววตาเย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ยอย่างไร้ความปรานี
“ผมไม่คิดว่าวุ้นจะมีสิทธิ์เลือก” ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แล้วครอบครัวผมเป็นคนจีน บ้านผมเรียกเมียรอง”
ใช่ ครอบครัวของวริทธราเป็นครอบครัวเชื้อสายจีน เขาเองก็มีชื่อจีนว่า หยางเฉิง