ตอนที่ 3

1411 คำ
‘นั่งก่อนสิ ไรซ์’ หลังจากที่เขาโทร.ไปเรียก เธอก็รีบตรงดิ่งมาที่ห้องทำงานเขาทันที บอสเรียกเธอว่าไรซ์ ที่แปลว่าข้าว(rice)ในภาษาอังกฤษ เพราะพวกเขาบอกว่าชื่อข้าวหอมของเธอเรียกยากมาก ใช่ ที่เธอใช้คำว่า ‘พวกเขา’ ก็เพราะว่าเพื่อนร่วมงานของเธอทุกคนเรียกเธอแบบนั้น ยกเว้นเพื่อนรักของเธออย่างวีรณาที่เรียกเธอว่า ‘ข้าวหอม’ อ่อ…แล้วก็แพทริก สามีของเพื่อนรักเธอ และไมเคิลเพื่อนร่วมงานที่เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันอีกคน ‘บอสมีอะไรให้ฉันรับใช้หรือคะ’ ‘คือตอนนี้เบื้องบนมีโปรเจกต์พิเศษมาให้เราทำ’ ‘เกี่ยวกับเรื่องอะไรคะ’ ‘เบื้องบนต้องการบทสัมภาษณ์นักกีฬาแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ไม่เคยมีใครได้ลงตีพิมพ์มาก่อน’ ‘สัมภาษณ์ใครคะบอส’ ‘เขาเป็นนักฟุตบอลชื่อดังระดับโลก ชื่อของเขาคือ อารอน เรมี่!’ เธอพยายามเก็บอาการไม่กรีดร้องต่อหน้าปีเตอร์ แต่ขอหน่อยเถอะ อัดอั้น ไม่ไหวแล้ว นักกีฬามีตั้งมากมาย แต่ทำไม! สวรรค์ต้องกลั่นแกล้งให้เธอต้องสัมภาษณ์อีตาบ้านั่นด้วย ทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องของปีเตอร์ได้ หญิงสาวก็ตรงดิ่งมาในห้องน้ำหญิง มือบอบบางทั้งสองข้างกำกันเอาไว้แน่น นัยน์ตากลมโตราวลูกกวางจ้องมองไปที่กระจก ใบหน้าเรียวสวยหันมองซ้ายทีขวาทีจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอื่น กรี๊ดดดดดด..... ! ปรียาภัทรกรีดร้องออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ และเสียงกรีดร้องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ จนกระทั่ง... ผลัวะ! ประตูห้องน้ำถูกเปิดเข้ามา เสียงกรีดร้องของเธอจึงชะงักลงอย่างอัตโนมัติ “ไรซ์ คุณโอเคไหม” ลินดา หนึ่งในผู้ร่วมงานของเธอถามออกมาอย่างห่วงใย ก่อนจะกวาดสายตามองมาที่เธออย่างแปลกใจ “เอ่อ...คือ...” ปรียาภัทรสีหน้ากระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี “ว่าไงจ้ะ” ลินดาถามย้ำ เมื่อเห็นเธออึกอักไม่ยอมตอบ “คือ...คือฉันกำลังซ้อมกรี๊ด เพราะ...เพราะว่าจะไปเชียร์บอลอาทิตย์นี้น่ะ” “จริงเหรอ” “จริง” ปรียาภัทรรีบพยักหน้าประกอบเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือที่มีอยู่เพียงน้อยนิด “งั้นก็แล้วไป แต่ถ้าเธอมีเรื่องอะไร คุยกับฉันได้นะ” “โอเคจ้ะ” ตอนนี้ลินดาออกจากห้องน้ำไปแล้ว ปรียาภัทรจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอจัดการจัดเสื้อผ้าและผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง เพราะจะต้องกลับไปทำงานต่อ แต่ก่อนจะออกไปจากห้องน้ำ อยู่ดีๆ ใบหน้าของคนที่เธอไม่อยากจะคิดถึงก็แวบเข้ามาในหัว ทำให้เธอต้องนึกย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากกลับจากงานแต่งของเพื่อนรักอย่างวีรณากับนักฟุตบอลชื่อดังระดับโลกอย่างแพทริก เธอไม่รู้ว่าเธอไปอยู่บนเตียงนอนของเขาได้ยังไง แถมร่างกายทั้งเธอและเขายังเปลือยเปล่าอีกด้วย คิดถึงเรื่องนี้ทีไรใบหน้าเธอก็ขึ้นสีแดงจัดอย่างอัตโนมัติทุกที ดีที่เธอหนีออกมาก่อนโดยที่เขายังไม่รู้ตัว บางทีเขาอาจจะคิดว่าเธอเป็นคู่ขาเกย์ของเขาอะไรแบบนั้น แต่ก็ดีแล้วที่เขาไม่ทันเห็น ไม่งั้นเธอคงต้องอับอายไปมากกว่านี้ ถามว่าเธอรู้สึกยังไงที่ต้องเสียตัวให้ผู้ชายที่เป็นเกย์ บอกเลยว่า... อดสู! อัปยศ! โชคร้าย! และอะไรอีกดี! บลาๆๆ ที่ผุดขึ้นมาในสมองเธอในตอนนั้น เธอจำได้ว่าเดินกลับมาถึงห้องของตัวเอง แบบ...เรียกว่าอะไรดีล่ะ ประมาณว่ามีแต่ร่างแต่ไร้วิญญาณนั่นแหละ ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าเธอเสียน้ำตาไปเยอะมากแถมยังนานเกือบอาทิตย์ แต่คนรอบตัวไม่มีใครรับรู้เหตุการณ์อัปยศในครั้งนี้ ซึ่งเธอก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ไม่อย่างนั้น นอกจากจะเอาหน้าไว้ที่เดิมแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปไว้ที่ไหนดี อับอาย! แต่หลังจากนั้น เธอก็กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง เป็นอีกครั้งที่เธอต้องสะบัดความคิดบ้าๆ นั่นออกไป ก่อนจะหมุนตัวไปมาหน้ากระจกอีกครั้ง จนมั่นใจแล้วว่าสภาพของเธอพร้อมที่จะทำงานได้ หญิงสาวจึงเดินออกจากห้องน้ำอย่างมั่นใจ แต่ทว่า... “อรุณสวัสดิ์ ฮันนี่” ทันทีที่เธอก้าวออกจากห้องน้ำ ก็พบว่าคนที่ชอบโผล่เข้ามาในหัวของเธออยู่บ่อยๆ ยืนอยู่ก่อนแล้ว แถมยังมีหน้ามาทักทายเธออย่างสนิทสนม ยังไม่พอ เขายังส่งยิ้มกวนๆ มาให้เธออีก หญิงสาวยกมือขึ้นชี้หน้าเตรียมจะจัดการอีกฝ่ายด้วยคำพูด แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจคิด “อ้ะๆ! อย่าด่านะ ถ้าด่าผมจูบ” กรี๊ดดดด....! เธอได้แต่กรีดร้องในใจ ใครก็ได้ ช่วยบอกเธอที ว่ามีเกย์ที่ไหนเป็นแบบอีตานี่บ้าง หญิงสาวกระทืบเท้าอย่างฮึดฮัดขัดใจ ยังไม่ทันได้สรรหาคำด่าอย่างเจ็บแสบเขาก็เดินดุ่มๆ ตรงไปยังห้องของปีเตอร์ อาเตต้า บอสของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไอ้เรื่องที่เขาชอบขู่เธอว่า ‘อย่าด่านะ ผมจูบ’ เป็นแค่เพียงคำติดปากผล่อยๆ ก็เท่านั้น เธอไม่เห็นว่าเขาจะทำอย่างที่ชอบขู่เธอเลยสักที ก็แน่ละ! เกย์ที่ไหนบ้างอยากจะจูจุ๊บชะนีอย่างเธอ โดยเฉพาะเขาที่ออกตัวแรงเสียขนาดนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ถ้าให้เธอเดา เธอก็ขอเดาว่าที่เขาทำลงไปเพราะเมาขาดสติ สมองได้รับการกระทบกระเทือนชั่วคราว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เขาเลอะเลือน จนแยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เขาจำอะไรไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้น เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวแบบไหนดี ช่วงนี้เขาเข้าออกห้องของปีเตอร์เป็นว่าเล่น ชัดเจนที่สุด รสนิยมเดียวกัน เธอคิดว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างกันแน่ๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะ! ในเมื่อปีเตอร์สนิทกับอีตาอารอนขนาดนั้น ทำไม! ต้องมีโปรเจกต์พิเศษบ้าบออะไรนั่นให้เธอต้องไปตามสัมภาษณ์เขาด้วย เธอควรจะถามปีเตอร์ให้รู้เรื่อง เธอรอจังหวะที่อารอนเดินออกมาจากห้องของปีเตอร์ รออยู่พักใหญ่เขาถึงได้เดินออกมา แต่ยังไม่วาย หันมายิ้มให้เธออย่างกวนประสาทที่สุด เธอหันไปเบะปากใส่เขา กลัวเสียที่ไหนล่ะ ก่อนจะสะบัดหน้าหนี เดินเชิดหน้าเข้าไปหา ปีเตอร์ โดยไม่หันมาสนใจว่าเขาจะไปอยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก! “เข้ามา” เมื่อปีเตอร์เอ่ยอนุญาต ปรียาภัทรไม่รอช้า เธอรีบตรงเข้าไปในห้องทันที “นั่งก่อนสิ ไรซ์” เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นลูกน้องยืนหน้ามุ่ย ปีเตอร์จึงเอ่ยชวนให้เธอนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม “ฉันมีเรื่องอยากจะถามค่ะ” “ว่ามาเลย ผมรอฟังอยู่” ปีเตอร์ลอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ถ้าให้เขาเดา เธอคงมาถามเขาเกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมายให้ก่อนหน้านี้แน่ “เรื่องที่ให้ฉันไปตามสัมภาษณ์คุณอารอน เรมี่น่ะค่ะ” “ทำไมเหรอ คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” “เอ่อ…ในเมื่อบอส ก็ดู…ดูจะสนิทสนมกับคุณอารอนอยู่แล้ว ทำไม เอ่อ…บอสไม่จัดการโปรเจกต์นี้ไปเลยล่ะคะ มันน่าจะง่ายกว่าการที่ให้ฉันทำแน่” “ผมบอกแล้วไงว่าเบื้องบนสั่งมาว่าโปรเจกต์นี้ต้องเป็นคุณเท่านั้น” เบื้องบน! คำก็เบื้องบนสองคำก็เบื้องบน เธออยากจะเห็นหน้าจริงๆ ว่าเบื้องบนที่ปีเตอร์พูดถึงเป็นใครกันแน่ “เอ่อ…แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” “ผมว่าคุณไม่ควรปฏิเสธหรอก เชื่อผมเถอะ เพราะถ้าคุณปฏิเสธ นั่นก็หมายความว่าคุณไม่เป็นมืออาชีพพอ” “ก็ได้ค่ะ” เมื่อเจอกับคำสบประมาท ปรียาภัทรจึงยอมไม่ได้ เธอเป็นมืออาชีพพอและเธอก็จะทำโปรเจกต์นี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม