“ผมไม่รับปากจนกว่าคุณจะยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง” อัคคีพูดอย่างเป็นต่อ นึกเอ็นดูหญิงสาวร่างบางที่กลัวและห่วงความปลอดภัยของมารดาจนถึงขั้นต้องยอมให้ตนเองลำบากเช่นนี้
“ถ้าฉันเล่าให้คุณฟัง รับปากได้ไหมคะว่าจะยอมปล่อยฉันไป” ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เพราะหากคืนนี้ไม่ได้ไปตามนัด วันรุ่งขึ้นครอบครัวของเธอต้องพังอย่างแน่นอน
“ถ้าถึงเวลานั้น คุณยังอยากที่จะไป ผมก็คงไม่สิทธิ์ห้าม เพราะมันคือร่างกายของคุณ” พูดอย่างใจคิด เพราะท้ายที่สุด หากอีกฝ่ายยืนยันที่จะขายตัวให้กับเสี่ยคนนั้น เขาเองก็คงไปห้ามอะไรเธอไม่ได้อีก
“ค่ะ ฉันต้องขายตัวให้เสี่ยวาโยเพื่อใช้หนี้แทนแม่”
เวทิกาเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า แม้จะพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ภายใต้น้ำเสียงนั้น อัคคีจับสังเกตได้ว่าเธอเองกำลังรู้สึกขมขื่นและเศร้าใจไม่น้อย
“เท่าไหร่? ค่าตัวของคุณ” เขาเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“หนึ่งล้านค่ะ ค่าตัวฉันคือหนึ่งล้านบาท”
หญิงสาวเงยหน้าสบดวงตาคมเข้ม ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาอับอายเช่นนี้ การประเมินค่าตัวเองด้วยเม็ดเงิน แม้จะมากสำหรับเธอ แต่มันไม่ได้มีค่าอะไรเลยกับการที่ต้องมาสูญเสียสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตให้กับคนที่ตนเองไม่ได้รัก!
อัคคีฟังจำนวนเงินที่หญิงสาวพูดออกมา ยอมรับว่าเป็นจำนวนเงินที่มากสำหรับการแลกกับความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมว่า หากผู้หญิงคนนั้นคือเวทิกา เขากลับไม่รู้สึกว่าจำนวนเงินหนึ่งล้านบาทมากเกินไป หนำซ้ำยังรู้สึกว่ามันไม่พอเสียด้วยซ้ำ!
“หึ แลกกับการที่คุณยอมนอนกับมันแค่ครั้งเดียวเนี่ยนะ?” เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขามั่นใจว่าใครที่ได้เชยชมผู้หญิงตรงหน้า คงต้องติดใจและไม่อยากที่จะปล่อยเธอไปง่ายๆ เพียงแค่ได้เชยชมหนึ่งครั้งเท่านั้น
“ใช่ค่ะ ตามที่ตกลง ฉันมีหน้าที่แค่บำเรอไอ้เสี่ยนั่นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และครั้งเดียว มันก็มากเกินพอแล้ว” เวทิกาพูดด้วยความเจ็บช้ำ
“หึ อันที่จริงก็คุ้มดีสำหรับคุณ เสียตัวแค่ครั้งเดียวแลกกับเงินหนึ่งล้านบาท แต่ถ้าให้ผมถามตามตรงก็คือ คุณอยากเป็นเมียของไอ้เสี่ยนั่นจริงๆ เหรอ” ถามราวกับต้องการจะหยั่งเชิงอีกฝ่าย ซึ่งยอมรับว่าเขาเองกำลังคิดแผนอะไรดีๆ ออก
“ฉันไม่อยากเป็นเมียของใครที่ฉันไม่ได้รักทั้งนั้นแหละค่ะ แต่อย่างที่บอก แม่ของฉันติดหนี้พวกมัน ฉันไม่มีทางเลือก” จังหวะนั้น เวทิกานึกถึงใบหน้าของ ‘พิสมัย’ หญิงวัยกลางคนที่ตนเรียกว่า ‘แม่’ และกำลังเป็นคนที่ทำลายความภาคภูมิใจในชีวิตของเธอไป
“หนี้ที่ว่าคงเป็นหนี้พนันสินะ” อัคคีเหยียดยิ้มอย่างรู้ทัน เพราะคงไม่มีใครหน้ามืดตามัว ยอมเอาลูกสาวมาแลกแบบนี้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่พวกผีพนัน
“ค่ะ ฉันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้หมอฟัง”
เวทิกาพ่นลมผ่านปลายจมูกเล็กหนักหน่วงขณะตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หมออัคคีรู้ ในเมื่อเขาเองอยากจะรู้เรื่องของเธอนัก อีกอย่างตนเองก็จะได้ระบายปัญหาที่ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังเช่นกัน
สามวันก่อน
“โอ๊ย! อย่าค่ะ ฉันยอมแล้วเสี่ย อย่าทำอะไรฉันเลย”
เสียงร้องโวยวายของพิสมัยทำให้เวทิกาและ ‘เบญจา’ น้องสาวของเธอที่อายุห่างกันเพียงแค่สองปี ถึงกับวิ่งออกมาจากห้องหน้าตาตื่นด้วยเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นแม่
“แม่เป็นอะไรหรือเปล่า”
เบญจารีบวิ่งเข้าไปหาพิสมัยทันทีด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะสีหน้าสลดลงเมื่อเห็นว่ากลุ่มคนที่ทำร้ายมารดามากันอยู่ห้าคน แถมยังเป็นชายฉกรรจ์ที่มีใบหน้าน่ากลัวอีกต่างหาก ไม่บอกก็รู้ว่าคนพวกนี้คงเป็นพวกที่ทำธุรกิจสีเทาอย่างแน่นอน
“นี่พวกแกทำอะไรแม่ฉัน” เวทิกาเดินเข้าไปปกป้องพิสมัยอย่างใจกล้า รู้ดีว่าหากคนพวกนี้โมโหขึ้นมาก็ไม่สามารถช่วยมารดาได้ แต่ถึงอย่างไร เธอก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้เป็นแม่โดนทำร้ายต่อหน้าต่อตา
“เฮ้ย มีสาวสวยถึงสองคนมาให้เราเล่นสนุกด้วยว่ะ ดีเลย อยากจะแส่มากนักใช่ไหม”
หนึ่งในชายฉกรรจ์มองมาที่เวทิกาและเบญจาด้วยสายตาหื่นกระหาย พร้อมกับทำท่าจะเข้ามาถึงเนื้อถึงตัวเธอทั้งสอง
“เดี๋ยว! มึงลืมไปแล้วเหรอว่าก่อนที่จะเอาใคร มึงต้องให้เสี่ยเป็นคนเลือกก่อน” จู่ๆ ชายอีกคนก็พูดขึ้น พร้อมกับมองหญิงสาวทั้งสองราวกับเป็นสินค้าที่กำลังจะประเมินราคา
“อย่าทำอะไรเบียร์ ลูกสาวฉันเลยนะคะ ส่วนหนี้ที่ฉันติดไว้จะรีบมาคืนภายในอาทิตย์นี้เลย ฝากเสี่ยเมตตาฉันกับลูกด้วยนะ” พิสมัยไหว้ขอร้องอ้อนวอนอย่างไร้หนทางสู้ จำนวนเงินตั้งมากมายขนาดนั้น นางไม่สามารถหามาคืนได้แน่ๆ นอกเสียจากว่าไปถอนทุนคืนที่บ่อนอีกรอบ
“ครั้งที่แล้ว มึงก็พูดแบบนี้ ยังมีหน้ามาขอเวลาอีกเหรอ”
พวกมันเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันจนเวทิกาอดสะดุ้งไม่ได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหนี้ที่มารดาติดค้างนั้นคงหนีไม่พ้นหนี้การพนันอีกเช่นเคย
“แต่ครั้งนี้ ฉันจะคืนจริงๆ ฉันขอแค่ทุนไปเล่นคืนอีกสักสองแสนได้ไหม รับรองว่ารอบนี้ ฉันหาเงินมาคืนเสี่ยได้แน่ๆ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยขอโอกาส และนางก็เชื่อเสมอว่าตัวเองจะต้องเล่นพนันและเอากำไรคืนให้กับตัวเองได้อย่างแน่นอน
“พอ! กูไม่มีโอกาสสำหรับมึงอีกต่อไปแล้ว นอกเสียจากว่ามึงจะมีอะไรมาแลก” ชายคนนั้นมองมาที่เวทิกาและเบญจาอย่างสื่อความหมาย ก่อนจะจ้องหญิงสาวทั้งสองด้วยสายตาหื่นกระหายน่ารังเกียจ
“แม่ ช่วยเบียร์ด้วย” เบญจารับรู้ได้ว่าภัยกำลังมาถึงตัว จึงรีบเข้าไปหลบด้านหลังของผู้เป็นแม่ทันที เพราะไม่กล้าที่จะสบตาคนพวกนี้อีกต่อไป