bc

วิศวะหลงรักเด็กเลี้ยง

book_age18+
17.6K
ติดตาม
110.7K
อ่าน
จบสุข
ดราม่า
ออฟฟิศ/ที่ทำงาน
ปิ๊งรักวัยเด็ก
like
intro-logo
คำนิยม

“คุณคะเดี๋ยวก่อน”

ร่างบางใบหน้าสวยหวาน รีบวิ่งตามเขามาจากด้านในผับ จนมาถึงลานจอดรถที่ปลอดคน จึงตะโกนเรียกเขาไว้

“เรียกผมเหรอ”

เขาหันกลับไป และถามเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ถ้าจำไม่ผิดเขาไม่เคยรู้จักเธอ

“ใช่ค่ะฉันเรียกคุณ”

เธอหยุดเดินด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ เมื่อเพื่อนรักอย่างทิชาชี้เป้าว่าคือเขา (ภูภูมิ)เธอจึงรีบลุกจากโต๊ะแล้ววิ่งตามมาอย่างเร็ว แต่ก็เกือบจะไม่ทันเมื่อเขาแค่เดิน แต่ช่วงจังหวะการก้าวนั้นยาวมาก

“เรียกผมทำไม เราเคยรู้จักกันเหรอ”

ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับครึ่งแขน กางเกงผ้าสแล็คสีดำ สวมนาฬิกาเรือนหรู ความสูง187เซ็นติเมตร ยืนเอามือล้วงกระเป๋า คิ้วหนาขมวดมุ่น เมื่อได้รับคำยืนยันว่าคนที่เธอเรียกคือเขา

“คือ ฉะฉัน อยากเป็นเด็กเลี้ยงของคุณ ฉันได้เงินคุณ คุณได้ร่างกายฉัน วินๆทั้งสองฝ่าย”

เธอรีบตอบเขาแบบตะกุกตะกัก แม้จะดื่มย้อมใจมาแล้วหลายแก้ว แต่พอได้เจอใบหน้าหล่อเหลาราวเทพเจ้าปั่นแต่ง สายตาคมดุ คิ้วหนาดกดำเรียงกันสวย จมูกโด่งเป็นสันคมคาย

ถ้าใช้หั่นผักคงขาดวิ่น ก็ทำเอาใจดวงน้อย ที่เธอรวบรวมความกล้ามาเกือบ3ชั่วโมงเต้นตึกตักไม่เป็นท่า มือเล็กทั้งสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ กำชายกระโปรงตัวเองไว้แน่น สบตาคมดุที่มองเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“อยากเป็นเด็กเลี้ยงของผมเหรอ”

เขามองดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างบางในชุดสุดเซ็กซี่เย้ายวน กระโปรงสั้นจู้ดหน้าอกอวบตูมกระแทกตา แต่ดูแล้วคงยังไม่ถึง20 ใบหน้าสวยรูปไข่ดวงตากลมโตอย่างไทยแท้ ดูรวมๆแล้วเธอก็สวยมากทีเดียว แต่เขาไม่เคยซื้อกิน เพราะผู้หญิงส่วนมาก ก็เต็มใจขึ้นเตียงกับเขา

“ค่ะ ฉันอยากเป็นเด็กเลี้ยงของคุณ ในระยะเวลาที่เราตกลงกัน ฉันจะไม่ยุ่งกับคนอื่น ฉันจะนอนกับคุณแค่คนเดียว”

เธอมองหน้าเขาอย่างมีความหวัง เพราะเพื่อนเขาชี้เป้าว่าผู้ชายกลุ่มนี้รวยมาก และเธอก็เลือกเขา สาเหตุเพราะอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้คือเธอต้องการเงินไปรักษาแม่

“เสียใจผมไม่ซื้อกิน อายุก็ยังน้อยกลับไปเรียนเถอะ มาเร่ขายแบบนี้เป็นเด็กใจแตกรึไง”

ดูๆแล้วเธอน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับน้องสาวของเขา คงจะเป็นพวกเด็กใจแตกหาเงินเที่ยว ไม่ก็ซื้อของแบรนด์เนมไปอวดเพื่อน พูดจบเขาก็หันหลังให้เธอ และเปิดประตูขึ้นรถและขับออกไป ภูภูมิ หรืออนันต์ธวัช อิทธิวิวัฒนกุล นักศึกษามหาวิทยาลัยเอสเมอร์ ปี4 คณะวิศวะกรรมศาสตร์ ลูกชายคนโตของ ท่านภาคภูมิและคุณหญิงพัชชา อิทธิวิวัฒนกุล เจ้าของกิจการอาหารและเครื่องดื่ม ที่ส่งขายทั่วประเทศไทย และมีน้องสาวอีก1คน คือพริ้มพลอย ธัญวรินทร์ อิทธวิวัฒนกุล

“อ๊ะ คุณ คุณ ฉันยังบริสุทธิ์นะ เฮ้อ!!!”

เขาไม่ฟังเสียงที่เธอพูด ขับรถออกไปจากผับอย่างเร็ว ไม่สนใจเลยว่าเธอจะคิดยังไง เธอรีบมองซ้ายแลขวา ดูว่ามีใครได้ยินที่เธอพูดไหม เมื่อไม่มีใคร เธอก็เดินเหนื่อยหน่ายอย่างคนหมดแรงกลับเข้าไปด้านใน

“ไงแกคุณภูภูมิเขาสนใจแกป่ะ”

ทิชาถามเกลที่เดินหน้าเศร้ากลับมา แต่ดูจากอาการของเกลก็พอจะรู้แหละว่าไม่

“นอกจากเขาจะไม่สนแล้ว เขายังหาว่าฉันเป็นเด็กใจแตกอีก เฮ้ย!!หน้าตาก็ดี ปากเสียชะมัด”

เกลบ่นอุบกับเพื่อนอย่างท้อใจ เพราะไม่รู้เธอจะหาเงินจากไหนตั้ง6แสนไปจ่ายค่าผ่าตัดแม่

“ใจเย็นๆนะแก หรือจะลองถามอีกคน ที่ชื่อปกป้องอะ”

ฉันไม่ได้ตอบอะไรทิชา แค่โดนผู้ชายคนนั้นหาว่าเป็นเด็กใจแตก ก็ทำเอาฉันหน้าชาไปหมด

“ค่อยว่ากันเถอะ กลับกันดีกว่า”

เกล หรือเกวลิน นิธิธรากร สาวนักเรียนมัธยมปลายปีที่6 หลังจากที่แม่ของเธอป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้มานาน แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้อาการทรุดหนัก จนแม่ของเธอวูบในขณะที่กำลังขายข้าวแกงอยู่ จนลูกน้องในร้านต้องโทรเรียกรถพยาบาล และโทรไปแจ้งข่าวกับเธอที่กำลังเรียนอยู่ จนเธอต้องรีบลาครูแล้วมาดูแม่ของเธอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งของรัฐ

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
1 ฉันอยากเป็นเด็กเลี้ยงคุณ
“คุณคะเดี๋ยวก่อน” ร่างบางใบหน้าสวยหวาน รีบวิ่งตามเขามาจากด้านในผับ จนมาถึงลานจอดรถที่ปลอดคน จึงตะโกนเรียกเขาไว้ “เรียกผมเหรอ” เขาหันกลับไป และถามเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ถ้าจำไม่ผิดเขาไม่เคยรู้จักเธอ “ใช่ค่ะฉันเรียกคุณ” เธอหยุดเดินด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ เมื่อเพื่อนรักอย่างทิชาชี้เป้าว่าคือเขา (ภูภูมิ)เธอจึงรีบลุกจากโต๊ะแล้ววิ่งตามมาอย่างเร็ว แต่ก็เกือบจะไม่ทันเมื่อเขาแค่เดิน แต่ช่วงจังหวะการก้าวนั้นยาวมาก “เรียกผมทำไม เราเคยรู้จักกันเหรอ” ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับครึ่งแขน กางเกงผ้าสแล็คสีดำ สวมนาฬิกาเรือนหรู ความสูง187เซ็นติเมตร ยืนเอามือล้วงกระเป๋า คิ้วหนาขมวดมุ่น เมื่อได้รับคำยืนยันว่าคนที่เธอเรียกคือเขา “คือ ฉะฉัน อยากเป็นเด็กเลี้ยงของคุณ ฉันได้เงินคุณ คุณได้ร่างกายฉัน วินๆทั้งสองฝ่าย” เธอรีบตอบเขาแบบตะกุกตะกัก แม้จะดื่มย้อมใจมาแล้วหลายแก้ว แต่พอได้เจอใบหน้าหล่อเหลาราวเทพเจ้าปั่นแต่ง สายตาคมดุ คิ้วหนาดกดำเรียงกันสวย จมูกโด่งเป็นสันคมคาย ถ้าใช้หั่นผักคงขาดวิ่น ก็ทำเอาใจดวงน้อย ที่เธอรวบรวมความกล้ามาเกือบ3ชั่วโมงเต้นตึกตักไม่เป็นท่า มือเล็กทั้งสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ กำชายกระโปรงตัวเองไว้แน่น สบตาคมดุที่มองเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย “อยากเป็นเด็กเลี้ยงของผมงั้นเหรอ” เขามองดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างบางในชุดสุดเซ็กซี่เย้ายวน กระโปรงสั้นจู้ดหน้าอกอวบตูมกระแทกตา แต่ดูแล้วคงยังไม่ถึง20 ใบหน้าสวยรูปไข่ดวงตากลมโตอย่างไทยแท้ ดูรวมๆแล้วเธอก็สวยมากทีเดียว แต่เขาไม่เคยซื้อกิน เพราะผู้หญิงส่วนมาก ก็เต็มใจขึ้นเตียงกับเขา “ค่ะ ฉันอยากเป็นเด็กเลี้ยงของคุณ ในระยะเวลาที่เราตกลงกัน ฉันจะไม่ยุ่งกับคนอื่น ฉันจะนอนกับคุณแค่คนเดียว” เธอมองหน้าเขาอย่างมีความหวัง เพราะเพื่อนเขาชี้เป้าว่าผู้ชายกลุ่มนี้รวยมาก และเธอก็เลือกเขา สาเหตุเพราะอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้คือเธอต้องการเงินไปรักษาแม่ “เสียใจผมไม่ซื้อกิน อายุก็ยังน้อยกลับไปเรียนเถอะ มาเร่ขายแบบนี้เป็นเด็กใจแตกรึไง” ดูๆแล้วเธอน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับน้องสาวของเขา คงจะเป็นพวกเด็กใจแตกหาเงินเที่ยว ไม่ก็ซื้อของแบรนด์เนมไปอวดเพื่อน พูดจบเขาก็หันหลังให้เธอ และเปิดประตูขึ้นรถและขับออกไป ภูภูมิ หรืออนันต์ธวัช อิทธิวิวัฒนกุล นักศึกษามหาวิทยาลัยเอสเมอร์ ปี4 คณะวิศวะกรรมศาสตร์ ลูกชายคนโตของ ท่านภาคภูมิและคุณหญิงพัชชา อิทธิวิวัฒนกุล เจ้าของกิจการอาหารและเครื่องดื่ม ที่ส่งขายทั่วประเทศไทย และมีน้องสาวอีก1คน คือพริ้มพลอย ธัญวรินทร์ อิทธวิวัฒนกุล “อ๊ะ คุณ คุณ ฉันยังบริสุทธิ์นะ เฮ้อ!!!” เขาไม่ฟังเสียงที่เธอพูด ขับรถออกไปจากผับอย่างเร็ว ไม่สนใจเลยว่าเธอจะคิดยังไง เธอรีบมองซ้ายแลขวา ดูว่ามีใครได้ยินที่เธอพูดไหม เมื่อไม่มีใคร เธอก็เดินเหนื่อยหน่ายอย่างคนหมดแรงกลับเข้าไปด้านใน “ไงแกคุณภูภูมิเขาสนใจแกป่ะ” ทิชาถามเกลที่เดินหน้าเศร้ากลับมา แต่ดูจากอาการของเกลก็พอจะรู้แหละว่าไม่ “นอกจากเขาจะไม่สนแล้ว เขายังหาว่าฉันเป็นเด็กใจแตกอีก เฮ้ย!!หน้าตาก็ดี ปากเสียชะมัด” เกลบ่นอุบกับเพื่อนอย่างท้อใจ เพราะไม่รู้เธอจะหาเงินจากไหนตั้ง6แสนไปจ่ายค่าผ่าตัดแม่ “ใจเย็นๆนะแก หรือจะลองถามอีกคน ที่ชื่อปกป้องอะ” ฉันไม่ได้ตอบอะไรทิชา แค่โดนผู้ชายคนนั้นหาว่าเป็นเด็กใจแตก ก็ทำเอาฉันหน้าชาไปหมด “ค่อยว่ากันเถอะ กลับกันดีกว่า” เกล หรือเกวลิน นิธิธรากร สาวนักเรียนมัธยมปลายปีที่6 หลังจากที่แม่ของเธอป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้มานาน แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้อาการทรุดหนัก จนแม่ของเธอวูบในขณะที่กำลังขายข้าวแกงอยู่ จนลูกน้องในร้านต้องโทรเรียกรถพยาบาล และโทรไปแจ้งข่าวกับเธอที่กำลังเรียนอยู่ จนเธอต้องรีบลาครูแล้วมาดูแม่ของเธอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งของรัฐ 3วันก่อน “ญาติคุณกัญญา นิธิธรากรใช่ไหมครับ” ฉันรีบดีดตัวขึ้นทันที หลังจากที่ได้ยินหมอเรียกชื่อของแม่ หลังจากที่ฉันรีบออกมาจากโรงเรียน แต่ก็ยังไม่ได้เจอแม่ เพราะแม่ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน นั่งรอนานเกือบชั่วโมง ก็มีหมอผู้ชายวัยกลางคน เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วตรงมาที่ฉัน “ใช่ค่ะ ญาติคุณกัญญา” ฉันรีบลุกขึ้นพร้อมแสดงตัว “เดี๋ยวเชิญตามหมอมาครับ” หมอวัยกลางคนพูดจบ ก็เดินนำหน้าฉันไป ฉันรีบเดินตามไปติดๆ ก่อนที่หมอจะเปิดประตูเขาไปในห้องตรวจ ที่ชื่อป้ายหน้าห้องกับป้ายชื่อบนหน้าอกหมอเป็นชื่อเดียวกัน “เชิญนั่งครับ” หมอผายมือให้ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ขั้นกลางด้วยโต๊ะทำงานขนาดกลาง ภายในห้องมีเตียงสำหรับไว้นอนตรวจหรือฉีดยา “แม่หนูเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” ฉันนั่งลงพร้อมถามถึงผู้เป็นแม่ “คุณกัญญาถูกย้ายไปห้องพักฟื้นแล้วครับ อาการตอนนี้ก็ทรงตัว แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วงคือ มะเร็งที่ลำไส้ของคุณกัญญาเริ่มลุกลามขยายพื้นที่ใหญ่ขึ้น วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตคนไข้เอาไว้ได้ก็คือผ่าตัด ตัดต่อลำไส้” ฉันนั่งฟังที่หมอพูดอย่างตั้งใจ “ค่ะ ผ่าได้เลยค่ะหมอ” ฉันรีบตัดสินใจ เพราะอยากให้แม่รักษาได้ทันท่วงที “หมอก็อยากผ่าให้นะครับ แต่โรงพยาบาลของรัฐ บุคลากรค่อนข้างน้อย คนที่เขาจองคิวไว้ก่อนหน้า ก็มีอีกหลายคิวที่ยังไม่ได้ผ่า คิวสุดท้ายที่ลงจองก็อีก3เดือนข้างหน้า” หมออธิบายให้ฉันฟังอย่างละเอียด “แล้วต้องทำยังไงคะหมอ แม่หนูถึงจะได้รับการผ่าตัดที่เร็วที่สุด” หมอมีหน้าตาเป็นกังวล “ต้องทำเรื่องย้ายไปโรงพยาบาลเอกกชน แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง” “เท่าไหร่คะหมอ” ฉันรีบถามถึงค่าใช้จ่าย “เคสแบบนี้ น่าจะราวๆ6แสนบาท หมอแนะนำให้รีบนะครับ เพราะคนไข้รอนานไม่ได้ตอนนี้ให้คนไข้นอนรักษาตามอาการไปก่อน แล้วเมื่อไหร่ที่ญาติพร้อม ค่อยมาทำเรื่องย้าย” พอฉันได้ยินค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด ฉันถึงกับจุกในอก จะหาเงิน6แสนจากไหนมารักษาแม่ ลำพังร้านขายข้าวแกงก็พอได้กินได้ใช้ จ่ายค่าลูกน้องอีก2คน และไว้ใช้เป็นค่าเดินทางมาพบหมอในแต่ละเดือน “งั้นหนูขอตัวนะคะคุณหมอ” “ครับ” ฉันยกมือไหว้หมอ แล้วเดินออกมาด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง พลันน้ำตาก็รินไหล จะไปหาเงิน6แสนจากไหนมารักษาแม่ ลำพังค่าใช้จ่ายที่มีก็เยอะมากแล้ว ฉันรีบเช็ดน้ำตา เมื่อเข้ามาถึงห้องผู้ป่วยรวม ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ แล้วปั้นหน้ายิ้มรีบเดินมาเตียงแม่ “แม่เป็นไงบ้างคะ” ฉันถามคนบนเตียง ที่นอนให้น้ำเกลืออยู่ ใบหน้าซีดเซียวขอบปากแห้งแตก สีหน้าดูแย่อย่างเห็นได้ชัด “แม่ไม่เป็นไร แค่เวียนหัวนิดหน่อย ก็อาการเดิมๆที่เคยเป็นนั่นแหละ” ทั้งที่รู้ว่ามันไม่แค่นั้น แต่ฉันก็ยังพยายามยิ้ม เพราะไม่อยากให้แม่คิดมาก “งั้นแม่พักผ่อนนะ หนูจะเฝ้าแม่เอง” ฉันนั่งลงที่ข้างเตียง ก่อนจะดึงมือแม่มาจับไว้ “ไม่ต้องเฝ้าแม่หรอก กลับไปเรียนเถอะ เสียการเรียนเปล่าๆ ยิ่งเป็นเด็กทุนยิ่งต้องทำตัวดีๆรู้รึเปล่า เดี๋ยวเขาก็ยึดทุนคืนหรอก” ฉันกับทิชาเป็นเด็กทุนของโรงเรียนเอกชนแห่งนี้ แต่ด้วยความที่ว่าฉันกับทิชาเรียนดี จึงได้ทุนเรียนจนจบมหาลัย แต่กระนั้นก็จะพิจารณาจากผลการเรียน และความประพฤติด้วย “หนูลาครูแล้ว ครูก็เข้าใจ แม่พักผ่อนนะ”

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

ขังรัก

read
18.6K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
17.9K
bc

หัวใจซ่อนรัก(เฮียเดย์)

read
45.0K
bc

หัวใจที่โหยหา

read
1K
bc

เมียลับอุ้มรัก

read
81.0K
bc

Passionate Love รักสุดใจนายขี้อ่อย 20+

read
32.6K
bc

รอยแค้นแห่งรัก

read
54.0K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook