หลังจากที่รับประทานอาหารเรียบร้อย แพทย์หนุ่มจึงมานั่งคุยกับมารดาที่ศาลาเรือนไทยที่ตั้งอยู่บริเวณสนามหน้าบ้าน สองแม่ลูกนั่งคุยกันอย่างรื่นรมย์ จนกระทั่งทรรศนะเดินเข้ามา
บิดาของแพทย์หนุ่มเดินมานั่งลงข้างๆ มารดาของเขา ก่อนจะก้มลงหอมแก้มท่านอย่างไม่เกรงอกเกรงเขาที่นั่งอยู่ทนโท่ ทำให้สหทรรศเอ่ยแซ็วด้วยอาการอิจฉาปนหมั่นไส้
“ทำอะไรเกรงใจลูกชายที่หน้าตาดีอย่างผมบ้างก็ได้นะครับคุณพ่อ” สหทรรศอดที่จะเย้าแหย่ผู้เป็นบิดาไม่ได้ ก็เล่นหวานกันแบบไม่เกรงอกเกรงใจกันแบบนี้ มันก็ต้องแซ็วกันหน่อย
“ถ้าอิจฉานัก ก็หาลูกสะใภ้มาให้พ่อกับแม่เสียสิ” ทรรศนะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม รตีที่ลอบมองบุตรชายอยู่ก็ยิ้มไม่ต่างกัน
“ไม่ดีกว่าครับ” สหทรรศเอ่ยปฏิเสธพร้อมส่ายหน้าราวกับว่าเรื่องที่บิดาพูดเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
“หึๆ” คนสูงวัยกว่ากลั้วหัวเราะแล้วเอ่ยอย่างเป็นงานเป็นการ “พรุ่งนี้ลูกเข้าไปที่แผนกการเจ้าหน้าที่ได้เลย คนของพ่อจะช่วยให้ข้อมูลต่างๆ ที่ลูกต้องการ”
“ไว้ใจได้แน่หรือครับ”
“ได้แน่นอน”
เมื่อบิดายืนยันหนักแน่น แพทย์หนุ่มจึงทำเพียงพยักหน้ารับ ไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงอะไรอีก
แปดนาฬิกาตรงเช้าวันจันทร์ แพทย์หนุ่มที่ต้องสวมบทบาทมาเป็นพนักงานเปลชั่วคราว ก้าวเท้ายาวๆ มาที่แผนกการเจ้าหน้าที่ตามที่บิดาแจ้งไว้
มือหนาเคาะประตูหน้าห้องที่ปิดป้ายระบุว่าเป็นห้องหัวหน้าแผนก ชายหนุ่มรอชั่วครู่ เมื่อคนข้างในเอ่ยอนุญาต เขาจึงผลักประตูเข้าไปด้านใน หญิงวัยสี่สิบต้นๆ ขยับแว่นสายตาเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นผู้ที่เข้ามาเยือน
“สวัสดีค่ะคุณหมอสหทรรศ” หัวหน้าแผนกการเจ้าหน้าที่เอ่ยทักผู้อ่อนวัยกว่า ด้วยรู้ดีว่าคนตรงหน้าคือลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล
“สวัสดีครับ เรียกผมว่าเท็นก็ได้ครับ” สหทรรศบอกอย่างไม่ถือตัว เมื่อเห็นอีกฝ่ายเรียกเขาเสียเต็มยศขนาดนั้น
“ค่ะหมอเท็น พี่ชื่อนิดานะคะ” นิดารับคำก่อนจะบอกชื่อของตนให้แพทย์หนุ่มทราบ
“ครับ พี่นิดา”
สหทรรศนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับนิดาตามที่อีกฝ่ายเชิญชวน โดยมีโต๊ะทำงานคั่นกลางระหว่างทั้งคู่เอาไว้
นิดาหยิบแฟ้มข้อมูลของแผนกต่างๆ มาให้แพทย์หนุ่ม จำนวนแฟ้มที่กองอยู่ตรงหน้าทำให้สหทรรศรู้สึกอยากเป็นลมขึ้นมาเสียดื้อๆ
‘ปวดหัวเป็นบ้า’
สหทรรศพึมพำในใจ เอกสารมากมายก่ายกองที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาเกิดอาการปวดศีรษะจนอยากจะอาเจียน ให้เขาไปตรวจคนไข้ยังจะดีกว่าต้องมานั่งอ่านเอกสารแบบนี้
นิดาเห็นคิ้วหนาของแพทย์หนุ่มขมวดมุ่น ยกมือข้างหนึ่งขึ้นคลึงขมับหลายต่อหลายครั้ง คนสูงวัยกว่ายิ้มบางๆ ในใจพลางคิดว่าอีกฝ่ายคงมีอาการปวดศีรษะอยู่ไม่น้อย
“หมอเท็นจะรับเครื่องดื่มหรืออะไรไหมคะ พี่จะไปดูความเรียบร้อยด้านนอกเสียหน่อย จะได้ไปหามาให้ค่ะ” นิดาเอ่ยถามแพทย์หนุ่มอย่างมีน้ำใจ เพราะวันนี้สหทรรศคงต้องศึกษาข้อมูลที่อยู่ตรงหน้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเธอคิดว่าคงต้องใช้เวลาทั้งวัน
“ผมขอคาปูชิโนเย็นสักแก้วก็แล้วกัน รบกวนด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่จัดการให้”
นิดาเดินออกไปแล้ว สหทรรศจึงหันมาสนใจเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนเกือบจะเป็นปม ยกมือข้างหนึ่งขึ้นคลึงขมับเบาๆ อีกครั้งราวกับว่าจะช่วยบรรเทาอาการตึงเครียดลงได้บ้าง
นิดากลับมาอีกทีช่วงเกือบเที่ยง เธอถือวิสาสะนำอาหารมื้อกลางวันเข้ามาให้แพทย์หนุ่มพร้อมกับกาแฟเย็นที่เขาสั่ง แล้วยกของทั้งหมดมาวางตรงหน้า
“พี่สั่งข้าวกลางวันมาให้ด้วย ข้าวผัดปู ไม่รู้ว่าหมอจะกินได้รึเปล่า” ว่าพลางขยับถาดอาหารมาวางตรงหน้าสหทรรศ
“ได้ครับ ผมกินง่ายอยู่แล้ว” สหทรรศตอบพร้อมปิดแฟ้มที่อยู่มือ แต่ก่อนที่เขาจะลงมือจัดการกับอาหาร ไม่ลืมที่จะถามอีกฝ่ายอย่างมีน้ำใจ
“แล้วของพี่นิดาล่ะครับ”
“พี่นัดกับน้องๆ ที่แผนกไว้ค่ะ ว่าจะออกไปกินร้านอาหารข้างนอกกัน ใกล้ๆ โรงพยาบาลนี่แหละค่ะ ว่าแต่หมอต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ”
“ไม่ครับ ขอบคุณมากครับ”
กว่าแพทย์หนุ่มจะดูเอกสารทั้งหมดแล้วเสร็จก็ราวๆ สองทุ่ม บอกตรงๆ เลยว่าเขายังจำอะไรไม่ค่อยได้ เอาไว้สงสัยค่อยกลับมาขอนิดาดูอีกทีก็แล้วกัน
บิดาสั่งให้เขาทำตัวกลมกลืนกับการทำงานในตำแหน่งพนักงานเปลมากที่สุด และตอนนี้เขาก็ได้มายืนอยู่หน้าหอพักพนักงานชายที่อยู่ตรงข้ามกับหอพักพนักงานหญิง ซึ่งหอพักนี้เป็นสวัสดิการของโรงพยาบาลที่มีให้แก่พนักงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ความรู้สึกของเขาตอนนี้น่ะหรือ
อย่าให้บอกเลย เขาบรรยายไม่ถูกหรอก
คฤหาสน์ คอนโดฯ หอพัก!
คฤหาสน์ คอนโดฯ หอพัก!
เขามาอยู่จุดนี้ได้อย่างไร
แพทย์หนุ่มท่องซ้ำไปซ้ำมาในใจ ราวกับกำลังเสียสติไปชั่วขณะ
ร่างสูงพยายามดึงสติกลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะพ่นลมหายใจแรงๆ อย่างอ่อนใจ มือหนากระชับสายกระเป๋าเป้ใบโตที่สะพายบนบ่ากว้างเอาไว้เสียแน่น ใบหน้าหล่อเหลาส่ายน้อยๆ อย่างไว้อาลัยให้ตัวเอง แล้วขยับเท้าเข้าไปในตัวอาคารด้วยความจำใจ