เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ลินลดานั่งมองสายฝนที่ตกพร่ำๆ ลงมาด้วยความรู้สึกหนาว แอร์ในโรงพยาบาลก็เปิดไว้ค่อนข้างเย็นบวกกับฝนตก ทำให้อุณหภูมิลดลง เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกับมาร์ตินไม่ไปพบกันอีกเลย นับจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น มันนานจนเธอคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดคงจะเป็นแค่ฝันไป และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ เธอคิดว่าคงจะทำตัวถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เพราะวันนี้คือวันนัดดูอาการ ลินลดาค่อนข้างเตรียมตัวและเตรียมใจที่จะเจอมาร์ตินมาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าเธอค่อนข้างรอคอยเขาอย่างใจจดใจจ่อ
“นี่ก็ใกล้เวลานัดแล้ว” หญิงสาวมองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่ข้างฝาผนัง มันบ่งบอกเวลาสองโมงสิบห้านาที
“หมอคะ มีคนมาขอพบค่ะ” จู่ๆ ประตูก็เปิดขึ้นโดยมีหลินชะโงกหน้าเข้ามาบอกว่ามีคนมาขอพบ ใคร? นั่นคือคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ แต่ลินลดาไม่ได้เอ่ยอะไรเพียงแค่พยักหน้าเชิงตอบรับเท่านั้น
“ลินลดา ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นยังไงบ้างคะ” ภากรเดินเข้ามาพร้อมช่อดอกไม้ช่อโตที่มีดอกไม้หลากหลายชนิดประดับประดาอยู่
ลินลดาอึ้งไปสักพัก เธอไม่นึกว่าภากรจะยังมีหน้ามาพบเธออีก
“เอ่อ พี่กร....มาได้ยังไงคะเนี่ย” ลินลดาไม่ได้แสดงอาการดีใจเลยแม้แต่น้อย เธอลุกขึ้นยืนแต่ไม่เดินไปรับช่อดอกไม้จากภากรที่ยื่นมาให้เธอ
“พี่ทนความอยากเจอลดาไม่ไหวเลยต้องมาหาค่ะ” ตอแหล! ลินลดาบอกได้คำเดียว สายตาของชายหนุ่มยังวาววับดูเจ้าเล่ห์อยู่เหมือนเดิม มาหาเธอไม่รู้ว่าจะมีแผนทำอะไรอีก
“อ่อ ค่ะ ลดาต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ครั้งที่แล้วจู่ๆ ลดาก็กลับบ้านเลย พอดีคุยกับเพื่อนเพลินแล้วลืมว่าพี่รออยู่ในร้านอาหาร” ลินลดายังมีมารยาทเอ่ยขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากจะรู้ว่าชายหนุ่มจะทำยังไงต่อไป
“ไม่เป็นไรเลยค่ะลดา พี่เข้าใจผู้หญิงบางทีก็โม้เพลินเกินไป พี่ไม่ถือสาอะไรค่ะ น้องลินลดารับดอกไม้ช่อนี้ไปสิคะ นี่พี่เลือกสรรค์มาให้โดยเฉพาะาเลยนะ” ภากรทำเป็นไม่ใส่ใจอะไร ทั้งๆ ที่ในใจเกิดคำถามว่ายาที่เขาใส่ไปในน้ำเปล่ามันไม่ออกฤทธิ์หรือยังไง
“ขอบคุณค่ะ แต่ลดาคงรับไว้ไม่ได้ มันดูแพงไม่เหมาะกับลดาหรอกค่ะ” คำตอบของภากรทำให้ลินลดาอยากจะกระโดดเข้าไปชกหน้าเขา ทำได้แค่ยิ้มและปฏิเสธน้ำใจนั่นไป แต่ก็...
“โธ่ ลดาไม่เหมาะยังไงคะ รับไว้เถอะนะ พี่รู้ว่ามันมากเกินไป แต่พี่ตั้งใจเอามาให้” ภากรยังตื้อต่อไป
“ค่ะ ก็ได้ค่ะ” ลินลดารับมาอย่างจนปัญญา ก็ดีหมดธุระแล้วเขาจะได้รีบ ๆ ออกไปจากห้องตรวจของเธอ
“น้องลดาน่ารักที่สุดเลยค่ะ!” ภากรเดินเข้าไปหาหญิงสาวหวังจะได้โอบเอวคอดของเธอ แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ
“ขอโทษนะครับ ช่วงนี้เป็นเวลาทำงานของหมอลินลดา ถ้าอยากจะสวีทกันรอเวลาหลังเลิกงานดีมั้ยครับ คนไข้ที่รออยู่จะได้ไม่ต้องรอนาน” ทั้งสองหันไปสนใจต้นตอของเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ลินลดาเป็นคนแรกที่รีบหันไปมองเพราะเธอจำเสียงของเขาได้ มาร์ตินที่ตอนนี้สวมหน้ากากปิดปาก แต่ไม่ได้สวมหมวกแก๊ปแล้วกำลังยืนพิงขอบประตูห้องตรวจที่มีผ้าสีขาวรองทับอยู่ ลินลดาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ทันทีที่เห็นเขา ไม่รู้ว่าเพราะยินดีที่จะได้เจอหรือคิดถึงเขาจนอธิบายไม่ถูก
แต่.....เธอจะไปคิดถึงเขาทำไมกันล่ะ?
“คนไข้ของลดามารอแล้วค่ะ พี่กรช่วยกลับไปด้วยค่ะ” พอได้ที ลินลดาก็รีบไล่ภากรให้ออกไปจากห้องตรวจของเธอ
“ก็ได้ครับ ไว้พี่จะไลน์มาหานะคะลดา” ภากรที่ยังมีสามัญสำนึกว่านี่คือเวลาของลินลดา เขาจึงเอ่ยลาแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจมาร์ตินที่ยืนหัวโด่งอยู่เลย เด็กหนุ่มที่รับรู้ถึงความสกปรกของชายหนุ่มที่เดินผ่านไปก็คว้าขวดแอลกอฮอล์ในกระเป๋าขึ้นมาพ่นฆ่าเชื้ออย่างเคยชิน
“สวัสดีมาร์ติน เป็นยังไงบ้าง คุณคงจะตกใจที่เจอหมอ พอดีหมวยขอให้หมอรับเคสคุณเข้ามาเป็นคนไข้ของตัวเองแทนหมวยน่ะ” ลินลดารีบอธิบายให้เด็กหนุ่มที่กำลังปิดประตูโดยมือของเขาที่สวมถุงมือยางอยู่และเดินมาปูผ้าคลุมสีขาวทับเก้าอี้และนั่งลงอยู่ข้างๆ เธอ
“จากที่หมออ่านประวัติของคุณ คุณขอไม่รับยาสักตัวแต่ต้องการที่จะบำบัดแทน แล้วหลังจากที่ได้รับการบำบัดไปคุณรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างมั้ย” ลินลดาเอ่ยถามก่อนจะเงยหน้ามองมาร์ตินที่ดูเหมือนเขาจะจ้องเธออยู่นานแล้ว หญิงสาวเริ่มจะทำตัวไม่ถูกกับการกระทำของเขา
“ผมไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอะไร” คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ลินลดารับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้ต้องการจะรักษาอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ให้หายขาด ดูเขาจะพอใจกับการที่เขาเป็นคนรักษาความสะอาดมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ ลินลดาก้มลงไปหยิบถังขยะที่มีเศษซองขนมและกระดาษทิชชูขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าเด็กหนุ่ม
“คุณลองหยิบอะไรก็ได้ในถังขยะใบนี้มาให้หมอหน่อยได้มั้ย” มาร์ตินแสดงสีหน้าออกมาทันทีที่เห็นถังขยะ แต่เขาพยายามทำใจดีสู้เสือ ค่อยๆ หยิบซองขนมที่หมดแล้วในถังขยะมาวางไว้บนโต๊ะอย่างใจเย็น หมอหมวยเคยลองให้เขาทำการทดสอบนี้มาหลายครั้งแล้ว มาร์ตินจึงค่อนข้างทำใจได้อย่างง่ายดายที่จะหยิบมัน
“ไหนลองหยิบใหม่แบบถอดถุงมือได้มั้ย” ลินลดาบอกพลางหยิบขยะที่เด็กหนุ่มหยิบขึ้นมาขย้ำให้เขาดูว่ามันช่างง่ายดาย แต่สำหรับมาร์ตินมันไม่ง่ายเลยสักนิด เขาทำใจอยู่นานก่อนจะถอดถุงมือยางออก จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถที่จะหยิบเศษขยะในถังขยะออกมาได้ แต่ลินลดามองการกระทำและสีหน้าของเด็กหนุ่มอย่างคิดวิเคราะห์ ก่อนจะแบมือข้างที่เพิ่งขย้ำซองขนมไปออกมา