“มะ...หมอคิดว่ามันคงจะดีที่สุดสำหรับคุณ” เด็กหนุ่มรู้ทันว่าเธอจะพูดอะไรออกมา เธอจึงไม่คิดจะปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้อยู่แล้ว
“คงไม่ใช่สำหรับผมหรอกลดา มันคงจะหมายถึงคุณมากกว่า ก็ในเมื่อคุณมีคนรักอยู่แล้ว” มาร์ตินเริ่มมีน้ำเสียงขึ้นมานิดหน่อย แต่ยังระงับอารมณ์อยู่ เขามองไปที่ช่อดอกไม้ช่อโตที่วางไว้บนโต๊ะด้านหลังหญิงสาว
“ไม่ใช่ พี่กรไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน!” ลินลดาลืมตัวปฏิเสธด้วยเสียงที่ดังขึ้น สรรพนามของเธอก็เปลี่ยนไปด้วยความโมโห
“เอ่อ...ฉันหมายถึงว่าคุณยังเด็กเกินไป และฉันไม่ควรจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น” ลินลดาที่เริ่มทำตัวไม่ถูก เลือกที่จะมองไปทางอื่นให้พ้นจากสายตาของเด็กหนุ่มที่จับจ้องเธอ
“เรื่องแบบนี้? เรื่องที่คุณถือวิสาสะเข้ามาในห้องของผมเมื่อเดือนที่แล้ว แล้วเราก็มีอะไรกันจนเลยเถิดมาถึงตอนนี้ใช่มั้ย!” มาร์ตินที่ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงพลันตะโกนออกมาจนสุดเสียงอย่างลืมตัว
“ใช่! คุณลืมมันไปซะเถอะ ถือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด…”
“เป็นแค่ความฝัน.....โอเค.....” มาร์ตินพูดแทรกหญิงสาวขึ้นมา ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและเก็บของเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์เสีย ลินลดามองดูมาร์ตินที่พรวดพราดลุกและเดินออกไปอย่างไม่รู้จะจัดการกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังไงดี เธอเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไรและมองดูเขาเดินออกไปจนลับสายตา หญิงสาวรู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดสำหรับเธอมันคือความไม่ตั้งใจ มันอาจจะเป็นแรงดึงดูดหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้เธอพลั้งเผลอไปก็เท่านั้น.....
บทที่ 7
เป็นครั้งแรกที่มาร์ตินแสดงอารมณ์หงุดหงิดมากเกินกว่าปกติ ปกติแล้วเขาจะทำเพียงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรกับเรื่องที่ตนเองไม่พึงพอใจ แล้วทำไมเรื่องของเธอถึงเข้ามาทำให้อารมณ์เขาปั่นป่วนได้ขนาดนี้!
“โอ๊ยย อะไรกันเนี่ย!” เมื่อเข้ามาถึงห้อง เด็กหนุ่มก็โยนกระเป๋า และถอดผ้าปิดปากออก ตอนนี้เขารู้สึกคาดเดาอารมณ์ตัวเองไม่ถูก ทั้งโกรธ หงุดหงิด ผิดหวัง เศร้า อารมณ์พวกนี้มันเกิดขึ้นเพราะลินลดา! เธอมีสิทธิ์อะไรมาบอกเขาว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอเป็นเพียงแค่ความฝัน ฝันบ้าอะไรจะเหมือนจริงขนาดนี้กันเล่า!
มาร์ตินลืมเลือนความสกปรกนั่งลงไปบนที่เตียงนอนของตนก่อนจะล้มตัวลงนอนแผ่ ในชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนนอกจากแม่ที่ทำให้เขาทั้งปั่นป่วน ทั้งโมโห ทั้งผิดหวัง ทั้งเฝ้ารอได้ขนาดนี้มาก่อน เขาเพิ่งจะรู้สึกว่าลินลดามีอิทธิพลกับเขามากเกินไปก็วันนี้ที่เธอทำเป็นเหมือนไม่สนใจความรู้สึกของเขาเลยแม้แต่น้อย เธอเลือกที่จะทำตามใจตัวเองตั้งแต่เข้ามาในห้องของเขาปลุกเร้าอารมณ์เขาจนมันเลยเถิด แต่เธอเลือกที่จะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เขาที่ควรจะลืมแต่มันกลับจำและมันชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเขารู้สึกดีใจที่เธอเป็นหมอในโรงพยาบาลที่เขาไปรักษาแถมยังได้เป็นหมอประจำตัวเขาอีกต่างหาก!
“ผมควรจะทำยังไงกับคุณดีลินลดา....” เด็กหนุ่มนอนเอามือก่ายหน้าผากตัวเองอย่างคิดหนัก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับความรู้ประหลาดที่มันเกิดขึ้น
เด็กหนุ่มเริ่มมีอาการรักความสะอาดอ่อนๆ เมื่อตอน ม.ปลาย ตอนนั้นคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ผิดปกติ เลยปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นมาเรื่อยๆ จนมากขึ้นมากขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มาร์ตินจะรู้สึกว่าทุกสิ่งรอบตัวของตัวเองสกปรกไปหมด เขาจะต้องทำความสะอาดให้หมดจดก่อนที่จะจับอะไรสักอย่างหนึ่ง เด็กหนุ่มไม่รู้สาเหตุที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพราะอะไร แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่ามาจากแม่ที่ทิ้งเขากับพ่อไปตั้งแต่เขายังเด็ก ทุกครั้งที่เขาคิดถึงแม่จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่น่ารังเกียจ ด้วยสาเหตุนี้ทำให้เขาคอยระวังตัวเองจากผู้หญิงที่ชอบเข้ามาหา เขาจะกีดกันพวกเธอให้ออกไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะกลัวจะโดนรังเกียจเหมือนที่แม่ทำกับเขา แต่แล้วทำไมเขาถึงไม่กีดกันลินลดาอย่างที่เคยทำกับผู้หญิงคนอื่น! ทำไมเขาถึงปล่อยให้เธอเริ่มเข้ามามีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากมายขนาดนี้
มาร์ตินไม่สามารถหาคำตอบได้เลยแม้แต่น้อย......
“เอ้า! ไหนว่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้น?” ทันทีที่ซาร่าปิดประตูรถและเข้ามานั่งคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ลินลดาก็ไม่รอช้าที่จะถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเพื่อน
“ฉันอยากกินมะม่วงดองแต่พี่นพเขาไม่ให้ฉันกิน ฮือ…” ซาร่าตอบ พร้อมกับเริ่มสะอึกสะอื้นอีกครั้ง
“แล้วทำไมเขาถึงไม่ให้กินมะม่วงดองล่ะ” ลินลดาที่รู้สาเหตุของพี่นพดีเอ่ยถามซาร่าอีกครั้ง เพราะเธออยากได้ยินคำตอบจากเพื่อนมากกว่า
“เขาบอกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพฉัน รวมถึงน้องมินกับน้องมีนน่ะสิ” ซาร่าตอบพลางลูบท้องที่ใหญ่โตของตนเอง
“ใช่ของดองมันไม่ดีต่อสุขภาพ แกก็รู้นิว่าพี่นพเขาห่วงแกแค่ไหน แล้วทำไมถึงหนีออกมานอนกับฉันล่ะ” ลินลดายังคงถามต่อไป เธอแอบหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทีของเพื่อนสนิทที่ดูจะเห่อลูกจนเริ่มตั้งชื่อฝาแฝดตั้งแต่อยู่ในท้อง