สุดาวางของบนโต๊ะก่อนจะเข้าไปดูหนูธารมิกาที่กำลังโก่งคออ้วกจนหน้าเขียวหน้าเหลือง เมื่อเห็นสภาพที่กำลังนั่งอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงในห้องน้ำจึงเข้าไปพยุงขึ้นมา
“หนูธารเป็นอย่างไรบ้างลูก”
ธารมิกาตกใจเล็กน้อย แต่ทว่าเธอไม่มีแรงวันนี้ดูเหมือนแพ้หนักกว่าทุกทีคงเพราะกินของคาวไปเยอะเมื่อคืน
“คุณป้ามาได้ยังไงคะ” ธารมิกาถามเสียงอ่อนระโหยโรยแรง พลางคิดว่าเขาเจรจาไม่สำเร็จเลยส่งแม่มาหรือเปล่ากันนะ “ป้าตื่นแต่เช้าทำอาหารมาให้หนูกิน จำได้ว่าหมูมะนาวที่หนูชอบกับแกงส้มผักหวานป่าจึงเอามาฝาก”
ธารมิกานั่งลงที่ขอบเตียงทั้งมองไปยังแม่แท้ ๆ ของภูธรเพื่อจะหาจุดประสงค์ที่แน่ชัดในการมาครั้งนี้
สุดาเห็นลูกสะใภ้ขมวดคิ้วมองก็ถอนหายใจ จึงบอกความจริง
“ป้ามาภูไม่รู้ ป้าแอบมาน่ะ”
“คุณป้าไม่ควรทำอย่างนี้นะคะ ในเมื่อลูกชายของคุณป้าต้องการเลิกรา แล้วเรากำลังมีปัญหากัน” ธารมิกาเตือนเธอให้รู้ว่าเราสองคนไม่เหมาะจะสนิทสนมกัน
“ป้าไม่ได้ทำในฐานะที่ป้าเป็นแม่ภู แต่ป้าเป็นห่วงหนูธารจริง ๆ ป้าก็เคยตกอยู่ในสภาพที่ต้องทนตอนที่ท้องเขา”
ธารมิกาสูดยาดมเข้าเต็มปอดก่อนจะตั้งสติ ไม่รู้ว่าแม่ลูกคู่นี้มาไม้ไหน แต่บอกเอาไว้เลยว่าไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เห็นด้วยที่พวกเขามาหลอกเธอและครอบครัวเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขา
“หนูท้องใช่ไหม” สุดาตัดสินใจถามไปในที่สุด
ธารมิกายังไม่บอกกำลังชั่งใจว่าบอกแล้วได้อะไร ไม่บอกแล้วจะได้อะไร เพียงแต่นิ่งแล้วคิดถามกลับ
“ท้องหรือไม่สำคัญด้วยเหรอคะ ในเมื่อลูกคุณป้าเลือกจะทิ้งธารอยู่แล้ว ดังนั้นเขาควรรับผลที่จะตามมาให้ได้” ธารมิกาบอกเสียงเครียด
“ถ้าหนูท้อง...คนพวกนั้นก็ได้ใจน่ะสิ” สุดาพูดอย่างเจ็บใจพลางคิดถึงคำพูดพวกนั้นที่เธอได้ฟังอยู่ทุกวี่ทุกวัน
“ได้ใจอะไรคะ ในเมื่อถ้าหนูท้องจริง ๆ ลูกย่อมเป็นสิทธิ์ของแม่ตามกฎหมาย และพวกเขาไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งสิ้น” คิดจะมาเอาเงินทองของเธอไปแล้วจะได้ลูกของเธอไปอีกเหรอ
ไม่มีวัน!
“ในสัญญาที่ภูทำเอาไว้คือ ทรัพย์สมบัติของภูทั้งหมดจะตกเป็นของลูก และภูก็เซ็นเอาไว้แล้วด้วย เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ภูธรได้อะไรออกไปเลยสักอย่าง”
โอ๊ะ...นี่แม่เขาอยู่ข้างใครกันแน่ เรื่องแบบนี้มาบอกเธอก็ทำให้เธอได้เปรียบน่ะสิ...ไม่เป็นไรเอาไว้ขู่ผู้หญิงของเขาอีกสักครั้งสองครั้งก็สนุกดี
“แล้วคุณป้ามีสัญญาฉบับเต็มไหมคะ ธารอยากรู้ว่าเขาทำสัญญาบ้า ๆ อะไรไว้อีก” ธารมิกาดูแค่กระดาษแผ่นเดียวในวันนั้น เธอก็หุนหันพลันแล่นออกมา ไม่ได้ดูรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน หากเธอได้เห็นตัวเต็มมันจะดีแค่ไหนกันนะ
“อยู่กับภูน่ะ” สุดากล่าวอย่างจนใจ
“เรื่องที่พูดกันวันนี้อย่าบอกให้เขารู้นะคะ ธารไม่อยากให้เขาว่าเอาได้ว่าหลอกลวงแม่เขาให้สงสารเห็นใจ หากเขาอยากเลิกจริง ๆ ก็ต้องรออีกสักพัก” ธารมิกาบอกให้สุดาเบาใจ อย่างไรเธอจะเลิกกับเขาแน่นอน แต่ว่ามันหลังจากเธอล้างแค้นแล้วต่างหาก
“หนูธาร หากว่าหนูท้องแล้วป้าว่า...”
“เขาไม่ได้ต้องการธารและลูกค่ะ เขาชัดเจนตั้งแต่วันที่บอกเลิกแล้ว”
สุดาที่เป็นห่วงแต่ก็ไม่ใช่เจ้าของชีวิตของลูกชายคงตัดสินใจแทนไม่ได้ จึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะพูดในสิ่งที่มาวันนี้
“ถ้าอย่างนั้นทานข้าวเช้าหน่อยดีไหมลูก แม่ทำอาหารมาให้”
ธารมิกามองสีหน้าสุดาอย่างอ่อนใจ คุณแม่ของเขาใจดีเกินไปจริง ๆ แม้ว่าเธอกับลูกชายจะมีปัญหากัน แต่ทว่าก็ยังมาดูแลเธอ เสียดายตอนที่เธอแต่งงานกับเขาไม่ได้รู้เรื่องราวว่าคุณป้าสุดาคือแม่แท้ ๆ หากรู้ก่อนแล้วละก็เธอคงจะทำดีให้มากกว่านี้
“ขอบคุณนะคะ คุณป้าทำให้หนูหนักใจนะคะ หากว่าเขารู้เข้า...”
“อย่าคิดมาก เขาจะไม่รู้อะไรทั้งนั้น” สุดาจับมือของธาร มิกาเมื่อก่อนได้แต่ห่วงใยในฐานะเจ้านาย บัดนี้อยากทำอย่างที่ใจต้องการเสียที หนูธารไม่เคยถือตัวและนิสัยดีมาก แม้อยากได้เป็นลูกสะใภ้อย่างไร แต่ลูกชายไม่ชอบได้แต่ตัดใจ
บนโต๊ะอาหารมีแต่ของที่ธารมิกาชอบทั้งนั้น ทั้งหมูมะนาวแกงผักหวานป่าใส่ปลาทู และยังมีปลาแซลมอนย่างเกลือในแบบที่เธอชอบกินจริง ๆ
“กินเยอะ ๆ นะหนูธาร” สุดาตักข้าวให้พร้อมกับขยับจานอาหารที่ลูกสะใภ้ชอบไปให้ใกล้ ๆ แล้วก็นั่งกินข้าวเป็นเพื่อน ทั้งจับความหงอยเหงาในแววตาของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นี้ได้
‘พ่อก็ต้องมาตายจากไป สามีก็ต้องการเลิกรา ช่างอาภัพเสียจริง’
ต่อให้สงสารอย่างไรเธอก็ทำได้แค่ให้กำลังใจเท่านั้น
ธารมิกายอมรับว่ารสมือของคุณแม่ของพี่ภูถูกใจเธอมากนัก เขาไม่สมควรเป็นแม่ลูกกันเลยต่างกันราวฟ้ากับเหว เธอที่หิวอยู่แล้วจึงกวาดอาหารบนโต๊ะจนหมดเกลี้ยงจานทำเอาแม่ของเขายิ้มดีใจที่เธอกินหมด
“พรุ่งนี้ป้ามาหาใหม่นะ อยู่บ้านคนเดียวก็เหงา อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวจะทำมาให้ ป้าชอบทำอาหาร”
“อย่าดีกว่าค่ะ เกรงใจอีกอย่างเดี๋ยวพี่ภูรู้เข้าธารขี้เกียจมีปัญหาด้วย” เธอไม่อยากดึงแม่ของเขาเข้ามาเกี่ยว เพราะว่าเธอและเขาเป็นเรื่องระหว่างธงพานิชย์ กับธรรมวัฒน์
“ไม่มีปัญหาแน่นอนป้าอ้างว่าออกมาทำบุญที่วัดทุกวันได้”
สุดาได้อยู่ใกล้ ๆ ธารมิกาทำให้เธอจิตใจสงบ ความนิ่งของธารมิกาเหมือนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ยามคลื่นลมสงบ มันสวยงามและสดใสมาก แต่สำหรับอัยยาผู้หญิงอีกคนของภูธรเคยพบกันครั้งหนึ่ง เธอรู้สึกเหมือนว้าวุ่นและค่อนข้างรังเกียจเธอในตอนที่มาที่บ้านของธงพานิชย์
ธารมิกายากจะห้าม แม้รู้ว่าที่แม่ของเขาทำก็เพื่อลูกในท้องของเธอที่เป็นหลานแท้ ๆ ไม่รู้ว่าคุณแม่ของเขารู้ได้อย่างไร แม้เธอไม่ได้บอกแต่จับสังเกตตั้งแต่วันที่เขาประกาศให้ที่บ้านของเขารู้เกี่ยวกับเธอ แต่ช่างมันเถอะอยากมาก็มาเธอไม่ได้บังคับเสียหน่อย แต่หากมีปัญหากันก็อย่ามาโทษเธอก็แล้วกัน
ตลอดเจ็ดวันธารมิการู้ความเคลื่อนไหวของภูธรเสมอว่าเขาทำอะไรที่ไหน และเห็นเขาวิ่งเข้าออกสำนักงานกฎหมายเป็นว่าเล่น ก็ไม่แปลกใจอะไร ต่อให้เขาจะวิ่งเต้นให้ตายยังไงหากเธอคิดเอาเรื่องจริง ๆ เขาก็โดนฟ้องเหลือแต่ตัวเช่นกัน
แต่แค่นั้นมันน้อยไปสำหรับสิ่งที่เขาทำกับเธอ เงินมันชดเชยความรู้สึกของเธอไม่ได้ เขาต้องเจ็บกลับไปกว่าเธอเป็นร้อยเท่าจึงจะสาสม
หากเป็นความสุขให้เขาไม่ได้ เธอจะลองเป็นนรกให้เขาเอง เอาให้เวลาเจอเธอเขาต้องร้อนรนเหมือนจะเป็นจะตาย
แต่สุดาที่มาทำดีกับเธอนี่สิ ทำให้เธอหนักใจที่จะเดินเกมต่อ
เวลาผ่านไป ภูธรไม่มาหาธารมิกา เขาเงียบไปจนกระทั่งเมื่อเขาให้สัมภาษณ์ว่ารักที่ไม่เคยลืมคือรักแรก
Rrrrrrrr!
เสียงรอสายจากเพื่อนสาวอย่างมนชิดาดังขึ้นทันที เมื่อมีข่าวโพสต์ลงสื่อจากการสัมภาษณ์นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง และพูดถึงเรื่องครอบครัวที่กำลังตกลงกันเรื่องแยกทางกับธารมิกา
“ยายธารแกใจดีไปไหม ดูสิเขาให้สัมภาษณ์ไปแล้ว” มนชิดาได้ฟังสัมภาษณ์แล้วรู้สึกอยากเอาขี้ปาหน้าไอ้ลูกหมาภูธรนัก
“แค่รักแรกยังไม่ลืม แต่เดี๋ยวฉันจะทำให้ทั้งคู่ลืมไม่ลง” ธารมิกามองเขาด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้เจือความเศร้าเสียใจอีกเลย ช่วงนี้เธอไม่ได้ไปไหนเพราะอ่อนเพลียมากไปหน่อย เขาเลยได้ใจสินะ
“แกไม่ต้องกลัวนะ ฉันให้นักข่าวลงข่าวที่ขุดคุ้ยความสัมพันธ์ที่สุดแสนเน่าเฟะของบ้านนั้นแล้ว รอจังหวะที่คนหยุดพักผ่อนพร้อมเสพข่าวจะให้ตีแผ่เบื้องลึกของตระกูลนั้นเสียเลย” มนชิดาดีลกับพี่ชายเอาไว้แล้ว
“ก็ดี ฉันกำลังอยากตอบโต้อยู่เชียว” ธารมิการู้สึกว่าควรขยับไปอีกสักหน่อยให้เขารู้ว่า หากเขาบอกว่าเธอร้ายเธอจะร้ายให้เขาคาดไม่ถึงทีเดียว
ธารมิกาวางสายจากเพื่อนก็ได้ยินเสียงรถจอดหน้าบ้านดูจากเวลาแล้วคงเป็นคุณแม่ของเขาเหมือนเคย ไม่รู้ว่าวันนี้ทำอะไรให้เธอกินอีกแต่ก็ช่างเถอะกิน ๆ เข้าไปจะได้กลับไปจากบ้านเธอเสีย
“หนูธารแม่มาแล้ว” สุดาขอร้องให้เธอเรียกว่าแม่เพราะว่าเอ็นดูเหมือนลูกสาวอีกคน ธารมิกาจึงเออออไปและสุดท้ายก็แลกกับการที่เธอให้เอาสัญญาที่เขาเคยเซ็นกับธงพานิชย์มาให้เธอดูและเธอก็ส่งให้ฝ่ายกฎหมายของพี่ชายจัดการเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว
หากมันแลกกับการที่ยอมกินข้าวทุกวัน และได้สายสืบมาหนึ่งคน นับว่าไม่ต้องลงทุนอะไรเลยด้วยซ้ำ
ในเมื่อเขาร้ายกับเธอก่อนอย่าหาว่าเธอร้ายแล้วกัน
สุดาจัดอาหารใส่จานจากนั้นยกไปไว้ที่โต๊ะมีต้มมะระหมูสับ ไข่ลูกเขย แกงเลียง ผัดผักบุ้งหมูกรอบแต่กินกันสองคนดูเหมือนอาหารบนโต๊ะเยอะก็จริง แต่คนท้องก็กินเก่งเช่นกัน
“กินเยอะ ๆ เลยนะแม่ทำให้อีกชุดเอาไว้อุ่นกินตอนเย็นด้วย”
“ขอบคุณค่ะ” ธารมิกายิ้มให้แล้วก็ลงมือทานข้าว แต่เมื่อกำลังจะตักอาหารเข้าปากกลับได้ยินเสียงของคนที่ไม่คิดว่าจะมาหา
เธอดังขึ้นราวกับมารคอหอยจริง ๆ
“นี่คุณล่อลวงคนแก่ถึงขนาดนี้เลยเหรอ” ภูธรกำหมัดแน่น โดยอีกมือยังกุมมือของอัยยาเอาไว้ด้วย
ธารมิกาหันหลบไปลอบยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะหันกลับมามองสองคนที่มาถึงบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา
“เฮ้อ...ไม่รู้ว่าบ้านหรือตลาดสด เข้าออกจนทางเลื่อม วันนี้ลมอะไรพัดมาได้ล่ะ หวังว่าไม่ใช่ลมเพชรหึงนะ” ไม่ได้ลับฝีปากหลายวันเหงาเป็นบ้าเลย
อัยยาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้อยู่ในบ้านธงพานิชย์ แต่ว่าเป็นคนรับใช้ ไม่รู้ว่าภูธรจะโกรธอะไร แต่เธอที่ตกลงกันแล้วว่าจะมาช่วยเขาจึงเอ่ยขึ้น
“ก็มาเอาแหวนหมั้นน่ะสิ ภูเขาอยากได้แหวนประจำตระกูลสำหรับสวมให้กับผู้หญิงที่เขารัก” อัยยาอยากให้ธารมิกาโกรธบ้าง จึงพูดคำพูดที่เพิ่งคิดสด ๆ เมื่อครู่ไป แต่เธอไม่รู้เลยว่าภูธรไม่ค่อยชอบใจนัก
“ภู...แม่ว่าอย่าทำอย่างนี้เลยนะ”
อัยยาฟังแล้วถึงกับเอามือทาบอก ผู้หญิงคนนี้เรียกตัวเองว่าแม่กับภูเหรอ
“แม่ครับ ผมลูกแม่นะทำไมถึงได้เข้าข้างผู้หญิงคนนี้”
ธารมิกาเห็นสีหน้าตกใจของอัยยาแล้วก็ส่ายหน้า จากนั้นแสยะยิ้มก่อนกล่าว
“ดูเหมือนคนรักคุณจะรับไม่ได้ที่แม่คุณเคยเป็นคนรับใช้มาก่อนนะคะ”