“ธารพี่ขอเตือนนะ ถ้าอยากได้อะไรพี่จะหาให้ แต่ว่าเรื่องของเราควรจบ”
ธารมิกาพยักยิ้มเชิงเย้ยหยันกับผู้ชายที่ควรเอากระโปรงแม่มาใส่ ทำตัวไร้ยางอายพาผู้หญิงออกงานทั้งที่เพิ่งบอกเลิกได้ไม่ถึงเจ็ดวัน แบบนี้จะใช้คำนิยามผู้ชายแบบนี้ว่าอะไรดีล่ะ
“สิ่งที่พี่ภูทำกับความรักและความไว้ใจที่ธารมีให้ แค่ขอจบภายในวันเดียวมันง่ายไปค่ะ กว่าสามปีที่ธารต้องอยู่กับคนหลอกลวงอย่างพี่ หากเป็นพี่บ้างจะรู้สึกยังไงคะ”
ภูธรใบหน้าคร่ำเครียด สิ่งที่เธอพูดมาคือต้องการตามจองเวรจองกรรมกับเขาไปตลอดงั้นเหรอ ในเมื่อเราไม่ได้คิดตรงกันจะเสียเวลาทำไม
“เธอต้องการเงินเท่าไหร่”
“พี่ภูลืมแล้วเหรอคะ ว่าธารเป็นลูกใคร นี่ลูกมหาเศรษฐีหน้าโง่ที่โดนปอกลอกเชียวนะ ที่ธงพานิชย์มีทุกวันนี้หากไม่ใช่ครอบครัวธารยื่นให้ก็ไม่รู้จะอยู่ตรงไหน แล้วยิ่งคนที่รักและไว้ใจทรยศพี่คิดว่าแค่นี้มันพอเหรอคะ”
ภูธรรู้สึกว่าเธอพูดวกวนอยู่กับเรื่องเดิม จนเมื่อคุณแม่ที่คนภายนอกรับรู้เดินเข้ามาและทักทายเขากับธารมิกา ทำให้ภูธรเหมือนติดอยู่กับกลุ่มผู้หญิงที่กำลังรุมทึ้งเขา
“อ่าว...มาด้วยกันเหรอ” สกุลทิพย์รู้ว่าวันนี้ลูกเลี้ยงของเธอต้องมาแน่ และไม่อยากให้เรื่องในครอบครัวถูกเปิดเผย จึงเข้ามายับยั้งเพราะก่อนเข้างานก็เห็นข่าวซุบซิบเรื่องของลูกชายและลูกสะใภ้ไปแล้ว
“ไม่ได้มาด้วยกันครับ ผมมากับอัยยา” ภูธรพูดด้วยอย่างไม่ได้แยแสและไม่เห็นสกุลทิพย์อยู่ในสายตาอีกต่อไปตั้งแต่พาแม่ออกมาอยู่ข้างนอก และการที่เขาจะมากับใครก็ไม่เกี่ยวกับใครอีก
สกุลทิพย์ใบหน้าตึง มองไปทางลูกเลี้ยงด้วยสายตาข่มขู่ แต่ทว่าไม่เห็นความกลัวในแววตาสักนิด จนทำให้เธอจิกเล็บไปที่แขนของภูธร
ธารมิกาชอบจริง ๆ ที่แม่สามีมาได้จังหวะ เพราะอัยยาคนในดวงใจของเขาเดินลงจากเวทีมาพอดี พร้อมกับสายตาที่จับจ้องจากคนภายนอกทำให้สกุลทิพย์ต้องยกยิ้มสวยมองไปยังผู้หญิงที่เพิ่งเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณป้า” อัยยารู้มารยาทดี และรู้ว่าแม่ของภูธรไม่ต้องการให้เธอสนิทสนมด้วยและเรียกว่าแม่คือคำต้องห้าม เพราะเดิมก็ถูกกีดกันถึงขั้นนัดเธอออกไปคุย จนสุดท้ายเธอจึงล่าถอยเพราะสกุลทิพย์มีประวัติของครอบครัวเธอ หากถูกขุดคุ้ยขึ้นมาจะได้ไม่คุ้มเสีย
“ไหว้พระเถอะหนู” สกุลทิพย์ยิ้มหวานก่อนจะถามต่อ “ไม่ได้เจอนานแล้วยังสวยอยู่เลยนะ ป้าไม่ได้ข่าวเลยว่าแต่งงานมีลูกไปแล้วหรือยัง”
อัยยาคิดเอาไว้แล้วว่าสกุลทิพย์ต้องมาแซะเรื่องนี้ อย่างสกุลทิพย์หรือจะไม่รู้เรื่องที่เธอแต่งงานหรือยัง เพียงแค่จะพูดหรือไม่พูดแค่นั้นเอง
“ยังค่ะ...หาคนดี ๆ แบบภูยังไม่ได้เลย” อัยยาตอบพร้อมยิ้มขบขัน แต่ส่งสายตาเยาะกลับไปหาคนที่ถาม บอกให้รู้ว่าครั้งนี้เธอมาเหนือกว่าทั้งหน้าตาและฐานะในสังคม
แต่นั่นทำให้สกุลทิพย์รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการลูกชายที่เป็นหน้าเป็นตาของธงพานิชย์ แต่เธอคงยังไม่รู้สินะว่าฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของมัน
ธารมิกาที่เป็นผู้ดูยิ้มเหยียด แม่ผัวกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้สมกันดี อีกคนปั้นหน้าเก่ง อีกคนก็โต้ตอบได้ทันหมัด ถ้าอย่างนั้นเกมนี้ขอนั่งดูก่อนแล้วกันค่อยสรุปตอนท้าย
“แหม...คนดี ๆ เยอะแยะไปนะ อย่าปล่อยตัวไปเชียวเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ยิ่งอายุเยอะ ๆ ยิ่งมีลูกยากนี่ตาภูแต่งงานกับหนูธารมาสามปีขยันขันแข็งกันทุกวันยังไม่มีหลานสักที”
โอ๊ะโอ...แม่ผัวตัวปลอมร้ายไม่เบา เอาเธอมาเป็นยากันเห็บหมาจนได้ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรดูไปก่อนพร้อมส่งยิ้มในตาไปให้มนชิดาแล้วพูดคุยกันด้วยสีหน้าแทน
“อุ้ย...ภูไม่มีน้ำยาเหรอคะเนี่ย หรือว่าคนที่ทำด้วยไม่เก่งกันแน่คะ”
สกุลทิพย์มองหน้าอัยยาพร้อมกับเขียนคำว่าหน้าด้านไว้บนหน้าผาก นี่อัยยาต้องการประกาศตัวที่จะแย่งตัวภูธรชัด ๆ แต่ว่าตอนนี้ธงพานิชย์ก็ขาดภูธรไม่ได้เช่นกัน ยิ่งมูลค่าการตลาดของบริษัทสูงลิบลิ่ว หากได้คนที่ไม่มีความสามารถมาบริหารเห็นทีว่าจะล่มจม
“นั่นสิอย่างนี้ต้องให้หนูอัยยาแนะนำแล้วนะหนูธาร หนูอัยยาค่อนข้างเชี่ยวชาญเพราะลงสนามบ่อย เศรษฐีน้อยใหญ่ล้วนผ่านมือมาหมดแล้ว รับรองว่ามีไม้เด็ดมัดใจแน่นอน”
อู้หู้วววว ธารมิกาถึงกับเอามือปิดปากถึงความแซ่บเกินคำบรรยายของแม่สามีตัวปลอม คงคิดว่าหากภูธรตกอยู่ในมืออัยยาเงิน จะหายไปมหาศาลเลยสินะ ถึงได้ยกเธอขึ้นสูงขนาดนี้จนเธอรู้สึกว่ากลัวตกเสียแล้วสิ
เพราะไม่ว่ายังไงตระกูลนี้ก็คบค้าสมาคมด้วยเหตุผลเดียวคือเงิน
“ตายจริง นี่นึกว่าข่าวลือเสียอีกค่ะ สรุปจริงใช่ไหมคะ เนี่ยใครจะแซ่บกว่าคุณอัยยาละคะ ได้กินของแพงมาตลอดเลย ทางนี้ได้อยู่คนเดียวค่ะลีลาอาจจะไม่ถึงใจ” ธารมิกาทำหน้าใสซื่อ แต่ทุกคำล้วนแล้วแต่จิกกัด และเธอยกให้ตัวเองชนะน็อคในยกนี้
ฮ่า ฮ่า ฮ่า...เอาซี้...หากวัดกันที่ความหน้าด้านเธอสู้ไม่ได้ แต่หากวัดกันที่ฝีปากเธอไม่แพ้แน่
“ธารมิกา” ภูธรรู้ว่าเธอกำลังเสียดสีอัยยา แต่เขาต้องปกป้องเธอไม่ให้ถูกรังแกจากอดีตภรรยาและแม่ใหญ่เป็นแน่ ไม่รู้ว่าสองคนนี้มาเพื่อร่วมมือกันด้วยหรือเปล่า
“ขา...สามี” ธารมิกาขานรับเสียงหวานพร้อมกับแทรกตัวไปควงแขน นั่นทำให้ภูธรสะบัดแขนออกทันที แต่ทว่ากลับสลัดไม่หลุดทั้งยังถูกเธอกอดเอาไว้แน่นอีกต่างหาก
อยากเลิกกับเธอเหรอ ทำไมต้องเลิกด้วยในเมื่อเขาจะไปมีความสุข เธอก็จะขัดขวางให้สุดทางเหมือนกัน แล้วจะดูว่าสองคนผัวเมียจะปวดประสาทแค่ไหน เมื่อเจอคนที่ประสาทกว่าอย่างเธอ
“พี่บอกให้ปล่อย”
“เปล่านะคะพี่ภูธารไม่ได้อ่อยเลยค่ะ” เธอแกล้งทำหูไม่ดี ทั้งซบไปที่แขนดันหน้าอกที่ล้นออกมาชนเข้าไปหนัก ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงสูดลมหายใจที่ดังหนักกว่าปกติ หากสังเกตดี ๆ ใบหน้าของเขาแดงก่ำไปถึงหูแล้ว คนไม่รู้ก็คิดว่าเขาโกรธ แต่เธออยู่กับสามีคนนี้มานานกว่าใครเธอย่อมรู้ว่าเขาเป็นเชื้อไฟที่จุดติดง่ายมาก
“อย่ามาทำตัวน่าเกลียดในงานไม่อายคนหรือไง”
“อายอะไรคะ ปกติอยู่บ้านพี่ภูแซ่บกว่านี้อีกค่ะเวลาเรียกชื่อเมียตอนอยู่บนเตียง” คราวนี้คนที่สนใจยืนใกล้ ๆ พลันได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วน่ารักของภูธรพลางเอ็นดูไปด้วยกับการออดอ้อนสามี แล้วยังมีคนแวะเข้ามาแซวอยู่เนือง ๆ
“มีเมียเด็กต้องเช็กร่างกายหน่อยนะครับคุณภู”
ภูธรยิ้มแหย จะเถียงกลับก็กลัวว่าอัยยาจะถูกมองไม่ดี จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างแบ่งรับแบ่งสู้
“หนูธารมายังไงคะ”
“มากับมนค่ะคุณแม่”
“อย่างนั้นก็กลับด้วยกันสิ” สกุลทิพย์ผลักให้ภูธรไปกับธารมิกาแต่เมื่ออัยยาจะเข้ามาขวางจึงเดินไปจับมือ
“ภู...อ๊ะ”
“หนูอัยยาป้าเห็นว่าหนูได้รับรางวัลนักธุรกิจหญิงไฟแรงในปีนี้ป้าขอคำแนะนำหน่อยสิ นี่ป้าก็วางมือมานานแล้วธงพานิชย์ก็ขยายขึ้นคงต้องเข้าไปช่วยภูทำงานแล้วล่ะ มาตรงนี้เรามานั่งคุยกันตรงโซฟามีนักธุรกิจเก่ง ๆ หลายคนเลยนะ”
อัยยาถูกสกุลทิพย์ลากออกไป ทำให้เธอหันมองหาภูธรที่เดินออกนอกงานไปแล้วโดยไม่เหลียวหลังหันมามองเธอด้วยซ้ำ จนเมื่อรถของภูธรมาจอดธารมิกาจึงขึ้นไปบนรถอย่างภรรยาที่ถูกต้อง ก่อนจะเปิดโทรศัพท์ส่งข้อความหาเพื่อน เพราะคิดว่าไม่เกินหน้าโรงแรมแน่ที่ภูธรจะไล่เธอลงจากรถ
“สนุกมากไหม” ภูธรขับรถออกไปแล้วไปจอดข้างทางพร้อมหันมาถามต้นเรื่อง
“สนุกมากเลยค่ะ พี่ภูล่ะคะ สนุกไหมที่มีเมียหลาย ๆ คนพร้อมกัน”
ภูธรกัดฟันกรอด เขามองธารมิกาผิดไปคิดว่าเธอจะเป็นคนพูดง่ายแต่เอาเข้าจริงเธอพูดยากมาก
“ธารพี่บอกแล้วใช่ไหมว่าเราไม่ได้รักกัน ที่ผ่านมาพี่ขอโทษ”
“ขอโทษเหรอคะ มันง่ายไปหน่อยไหม ขอโทษแล้วความรู้สึกทั้งหมดของธารกลับมาไหมล่ะ พี่จะขัดแย้งกับตระกูลก็เรื่องของพี่สิ ลากธารไปเกี่ยวด้วยทำไม หากพี่บอกสักคำก่อนจะแต่งงานธารจะดื้อแต่งไหมล่ะ ทุกอย่างก็เพราะพี่ทั้งนั้น”
ภูธรรู้สึกว่ายิ่งพูดก็ยิ่งไม่รู้เรื่องเขาจึงขับรถออกไปในที่สว่างมีผู้คนพลุกพล่าน ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา
“ลงรถไปเอาไว้พี่จะส่งทนายไปคุย”
ธารมิการู้ว่าเขาต้องทำอย่างนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ที่ไม่ปล่อยเธอทิ้งไว้ข้างทางเปลี่ยว ๆ แต่ความดีมันชดใช้ความผิดไม่ได้หรอกนะ แล้วถ้ามัวแต่ให้อภัยเมื่อไหร่เธอจะได้แก้แค้นล่ะ
“ก็ดีค่ะ คุยผ่านทนาย แต่ทนายของธรรมวัฒน์เคี้ยวไม่ง่ายหรอกค่ะ คงรู้ใช่ไหมว่าใครกันแน่ที่ผิด”
ภูธรใบหน้ามืดครึ้ม หลังจากแต่งงานภรรยาของเขาก็ตัดขาดจากตระกูลเพราะเหลือแค่พี่ชายที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน การตายของธนสิษฐ์เขาคิดว่ามันจะทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้นแต่ที่จริงไม่เลย เพราะอย่างไรธรรมวัฒน์ก็ไม่ละเว้นธงพานิชย์แน่
“เธอขู่พี่เหรอ”
ธารมิกายกยิ้มพร้อมแววตาซุกซน แต่ทว่าในจิตใจของเธออยากฉีกทึ้งเนื้อคนที่เป็นพ่อของลูกเธอให้แหลกคามือ
“อุ้ย...แค่นี้กลัวเหรอคะ...คนอย่างภูธรกลัวเป็นด้วยเหรอคะ”
“ธาร!”
“ไม่ต้องมาเรียก จำเอาไว้ว่าพี่ทำธารเจ็บแค่ไหน พี่ก็เจ็บกลับไปแค่นั้น อยากเปิดตัวกับคนรักก็เปิดเลยค่ะ คอยดูว่ากระแสสังคมจะตีกลับหรือเปล่า”
ธารมิกาเปิดประตูแล้วก้าวลงอย่างสง่างามก่อนจะก้มลงโบกมือให้เขา แต่ทว่ากลับได้รับรอยยิ้มเลือดเย็นกลับมา
“อีกไม่นานพี่จะจดทะเบียนสมรสกับอัยยา ถึงเวลานั้นก็รู้ใช่ไหมว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอจะฟ้องมันสู้ไม่ได้หรอก ต่อให้ทนายเก่งกาจแค่ไหน” ภูธรทำเป็นแกล้งเคร่งเครียดให้เธอตายใจเท่านั้น แต่เธอคงไม่รู้ว่ากฎหมายไทยมันอ่อนแค่ไหน คนมีเงินถึงจะอยู่รอด
ธารมิกาหุบยิ้มก่อนจะส่งสายตาตระหนกกลับไปมองคนที่หัวเราะเหมือนคนชั่วช้า ที่ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่เธอรักปักใจ
“ธารไม่เชื่อว่าพี่ภูจะทำ”
“ลองดูไหมล่ะ” ภูธรพูดจบก็ขับรถจากไปทิ้งให้ธารมิกายืนใบหน้าเงียบขรึม ก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะฮึในลำคอ
“ธารยินดีมากค่ะที่พี่จะจดทะเบียน รีบ ๆ เข้านะคะธารจะได้ปิดดีลสักที!”