กว่าอัยยาจะหลุดออกจากกลุ่มนักธุรกิจหัวหงอกชอบอวดเวลาก็ล่วงเลยมาจนกระทั่งเที่ยงคืน เธอหยิบมือถือขึ้นโทรหาภูธรรอสายอยู่นานกว่าเขาจะรับ
“ภู...อยู่ไหนคะ”
“เพิ่งถึงบ้านครับอัยยา” ภูธรกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าแต่หารู้ไม่ว่าปลายสายขมวดคิ้วพร้อมกับกำหมัดแน่น
ออกไปกันตั้งนานบ้านก็อยู่ไม่ได้ไกลอะไร เพิ่งถึงบ้านก็ยังไม่รู้ว่าทำอะไรกันอยู่ แต่จะให้ถามซอกแซกเธอก็ไม่กล้าบุ่มบ่าม เดี๋ยวเขาจะมองเธอไม่ดี
“ถ้าอย่างนั้นพักผ่อนเถอะ เอาไว้ค่อยนัดเจอกันใหม่ค่ะ”
“ครับ” ภูธรที่โทรปรึกษาทนายยาวนานกว่าจะวางสาย เขาก็รู้สึกว่าไม่ควรจะคุยกับอัยยาตอนนี้ และอัยยาน่าจะหาทางกลับเองได้ไม่ยากเพราะตอนมาเธอก็มาเอง เมื่อหมดห่วงคนที่เขารักจึงอ่านข้อกฎหมายต่าง ๆ และอยากทำให้รัดกุมที่สุดทั้งรวดเร็วจนธารมิกาไม่ทันตั้งตัว
ธารมิกากลับถึงบ้านแล้วนั่งลงบนโซฟามองดูรอบ ๆ บ้านอย่างรู้สึกเงียบเหงา แม้เธอจะเข้มแข็งแค่ไหน แต่ส่วนลึกในจิตใจก็ยังรู้สึกอ่อนแออยู่ดี บรรยากาศอันเงียบสงัดได้ยินแม้แต่ลมหายใจตัวเองทำให้เธอรู้สึกไม่ชิน มือเล็กยกขึ้นลูบหน้าท้องก่อนจะคุยกับคนที่รักตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้า
“สุดท้ายแม่ก็ยังมีหนูสิเนอะ” ธารมิกายิ้มออกมาให้กับตัวเองและจะมีความสุขเพื่อลูกให้ได้
ต่อให้ไม่มีเขาเธอก็จะไม่ตายและอยู่อย่างสบายอีกด้วย จนในที่สุดธารมิกาก็รู้สึกว่าควรอาบน้ำพักผ่อนเสียที แต่ก็ไม่ลืมดื่มนมครึ่งแก้วก่อนนอนและเลือกนอนที่ห้องรับแขกเหมือนเดิม
เช้ารุ่งขึ้นเวลาหกโมงเช้าธารมิกาลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำทันทีโดยไม่รู้ว่าจะชนอะไรบ้างเพื่อไปอาเจียน แล้วก็นั่งอย่างหมดแรงข้างโถสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ
“อย่าดื้อกับแม่นักสิ แม่ต้องจัดการคนชั่วอีกนะ” ธารมิกาลูบหน้าท้องพลางบ่น แม้ว่าท้องเธอดูไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด แต่เจ้าตัวเล็กร้ายกาจไม่เบาเลยนะ
นั่งพักได้ครู่หนึ่งธารมิกาก็พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น จากนั้นอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น ก่อนจะออกไปทำมื้อเช้าแบบง่าย ๆ กินรองท้อง แต่ขณะทำก็ยังต้องดมยาดมตลอด แต่เพื่อร่างกายที่แข็งแรงก็จะพยายามไม่ลดอาหารและกินแต่ของดี ๆ และโชคดีที่เธอเป็นแม่บ้านมานานกว่าสามปี ของสดในตู้เย็นจึงเยอะมาก
กินอาหารเช้าแล้วเธอก็โทรคุยกับพี่ชายเรื่องที่ภูธรคิดจะใช้วิธีการจดทะเบียนสมรสมาข่มขู่ให้เธอเลิกยุ่งกับเขา แม้พี่ชายของเธอจะโกรธจัด แต่เธอยังไม่คิดว่านั่นจะเป็นปัญหา
“พี่ธนาต้องใจเย็น ๆ ค่ะ หากเขาจะเล่นไม้นี้ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ว่าเราก็รอให้เข้าแผนเหรอคะ” ต่อให้เจ็บปวดใจแค่ไหนที่เขาไม่ได้รัก แต่เราต้องไม่สติแตกและค่อย ๆ คิดหาทางรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
“ธารอย่าเพิ่งทำอะไรมาก พี่ห่วงหลาน”
“ยังไม่มีใครรู้ว่าธารท้องค่ะ นอกจากมน”
ธนาธิปสะดุดใจกับคำว่า ‘มน’ จนต้องถามเธออีกรอบ
“มนไหน”
“ก็มนชิดาเพื่อนสนิทธารไงคะ พี่ธนาคงจะลืมเพราะว่าเจอแค่ครั้งเดียว และครั้งนั้นพี่ธนาไปส่งยายมนตอนเมาด้วยใช่ไหมคะ แล้วก็บินกลับไปทำงานต่อเลย เพราะน่าจะเป็นช่วงหลังจากเรียนจบกันพอดี”
ความทรงจำของธนาธิปวิ่งชนเข้าหัวเมื่อนึกถึงตอนกลับมาฉลองเรียนจบของยายน้องสาวตัวแสบ แล้วก็ทั้งเพื่อนและน้องสาวดันไปเข้าบาร์ของพวกเที่ยวกลางคืนและมีการวางยาในเครื่องดื่มและลากเข้าไปให้นักเที่ยวกระทำมิดีมิร้าย และครั้งนั้นทำให้เขาเผลอไป...
แต่เอาล่ะผ่านมานานขนาดนี้แล้วก็ช่างมันเถอะ แต่ใจก็อยากรู้ว่าเพื่อนของน้องสาวเป็นอย่างไรบ้าง
“แล้วเพื่อนเธอแต่งงานหรือยัง”
“อุ้ย ๆ พี่ชายของธารสนใจเพื่อนน้องสาวเหรอ แต่ยังไม่ได้แต่งงานหรอก หลังจากคืนนั้นธารก็ไม่ค่อยได้พบเพื่อนสองปีแล้วก็กลับมาเจอกันอีก เห็นบอกว่าไปช่วยพี่ชายเลี้ยงหลานที่เมืองนอกช่วงหนึ่ง ตอนนี้กลับมาอยู่ที่ไทยแล้วค่ะ”
“อ๋อ...อย่างนั้นเหรอ” ธนาธิปเหม่อนิด ๆ แล้วก็ถูกน้องสาวจับผิด
“พี่ธนาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ธนาได้ยินดังนั้นจึงกระแอมหนึ่งครั้งก่อนจะกล่าว
“อื้ม...พี่ว่าพี่รู้จักทนายคนหนึ่ง เป็นเพื่อนพี่ชื่อแผ่นดิน เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายในไทยยกให้บริษัทของแผ่นดินจัดการมานานแล้ว หากมีเรื่องต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันจริง ๆ เขาช่วยได้”
“อย่างนั้นก็ดีค่ะ จะได้มีที่ปรึกษา” ธารมิกาบอกกับพี่ชายก่อนจะคุยกันอีกเล็กน้อยแล้ววางสายไปแล้วหันมาโทรหาแม่บ้านที่จัดการทำความสะอาดบ้านให้เข้ามาทำความสะอาดทุกวันแทน เพราะเธอคิดว่าช่วงนี้คงทำอะไรไม่ไหวแล้ว และตอนกลางวันก็รู้สึกอ่อนเพลียอีกด้วย
ธารมิกาเดินขึ้นไปบนห้อง จัดการดึงผ้าห่มผ้าปูที่นอนทิ้งให้หมด อะไรที่มีกลิ่นอายของเขาก็ทิ้งมันให้หมด ในเมื่อเขายกบ้านหลังนี้ให้เธอแล้วเธอจะทำอะไรก็ได้ แม้ว่าของใช้ส่วนตัวของเขาจะถูกจัดการจนเกลี้ยงแล้ว แต่ก็ยังมีสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน ทุกอย่างเธอสั่งของใหม่ให้มาส่งแล้วสั่งให้แม่บ้านจัดการก่อนจะไปนั่งพักดูทีวีที่โซฟาก่อนจะเผลอหลับไปในตอนบ่าย และไม่รู้ว่าคนที่เป็นสามีเข้ามาหาเธอ
ภูธรมายังบ้านที่อาศัยอยู่ร่วมกับธารมิกามาสามปี เป็นสามปีที่เขาไม่อยากจดจำ และอยากให้เวลาผ่านไปไวที่สุด แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งเขารู้สึกหนักอึ้งในใจไม่อยากจะก้าวเข้ามาด้านในด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเขาต้องการจบก็จะยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้เธอ หากเธอไม่ยินยอมเขาก็จะไม่สนใจอีกแล้วและจะทำตามใจของตนเอง
แต่เมื่อเข้ามาข้างใน บ้านถูกจัดใหม่และเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รูปถ่ายแต่งงานตรงกลางโถงทางขึ้นที่เคยติดเอาไว้ก็ถูกแทนที่ด้วยนาฬิกาวงกลมตัวใหญ่ และมีอันเล็กอีกสองอันข้าง ๆ แล้วมีประเทศบอกด้านบน
“มีเวลาลอนดอนกับฮ่องกงด้วยเหรอ น่าสนใจจริง ๆ” พึมพำจบก็เดินเข้าไปในห้องรับแขก พบว่ามีทีวีที่เปิดไว้แต่กลับไม่มีคนดูเพราะว่าคนดูนอนหลับไปแล้ว แต่ว่าใบหน้าของเธอดูซีดเซียวไปนะ ไม่เหมือนกับเมื่อคืนที่ทาปากแดงกับชุดสีแดงระยับเข้ากันเว้าถึงเอวโดยไม่เคยเห็นเธอแต่งตัวแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ ยอมรับว่าเมื่อคืนตกใจที่ได้เห็น แต่ความกรุ่นโกรธทำให้เขาไม่ได้สนใจเธอ จนกระทั่งได้เห็นใบหน้าคนที่กำลังจะเป็นอดีตภรรยาอีกครั้ง
“เมื่อคืนคงเครียดจนนอนไม่หลับเลยสิ” แม้ใบหน้ายิ้มเยาะ แต่ในใจกลับรู้สึกสงสารเธอก่อนจะกระชากตัวเองกลับแล้วนั่งลงในฝั่งตรงข้ามกับโซฟายาวรออย่างใจเย็น
ธารมิกาหลับไปเกือบสามชั่วโมง จนเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนจ้องอยู่จึงสะดุ้งตื่นก่อนจะลืมตาเห็นอดีตสามีของตัวเองนั่งจ้องเธอเขม็ง ก่อนจะเห็นรอยยิ้มอันน่าสมเพชจากใบหน้าที่เธอเคยชื่นชมว่าหล่อนักหล่อหนา
“ถึงกับตกใจเลยหรือไงที่เห็นอดีตสามี ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่จะกลัว” ภูธรพูดอย่างข่มขู่ส่งสายตาอย่างคุกคามให้เธอรู้ว่าไม่ควรต่อกรกับคนอย่างเขา
ขนาดธงพานิชย์เขายังตัดใจทิ้งลง นับประสาอะไรกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักอย่างเธอ
“อุ้ย...ก็ตกใจนิดหนึ่งค่ะ ที่บอกไม่ได้รักไม่ได้คิดถึงไม่รู้ปากกับใจตรงกันหรือเปล่าน่ะสิ พอตื่นมาก็พบคนที่จะขอเลิกคนแรกจะไม่ให้เข้าข้างตัวเองได้ยังไงคะ” ธารมิการีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วก็ปากร้าย ๆ ของตัวเองก็เริ่มทำงานอีกครั้ง
“อย่าสำคัญตัวผิด พี่แค่จะมายื่นข้อตกลงครั้งสุดท้าย”
ธารมิกาลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้...หลุดลุ่ยมากกว่าเดิม แล้วก็ทำหน้าทำตาคล้ายอ่อยสามีตัวเองให้เขาสติแตก
“นี่ฟังที่พี่พูดอยู่หรือเปล่า” ภูธรสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด เพื่อจะดึงให้เธอเข้าเรื่องที่เขาตัดสินใจมาหาเธอวันนี้ แต่ทว่าเธอทำเหมือนผู้หญิงขายตัวก็ไม่ปาน
“อ่าวก็จะตกลงกัน นั่งคุยพูดไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ ต้องนอนคุยกัน ไปเลยหรือเปล่าคะภรรยานอกทะเบียนพร้อมแล้ว” พูดพร้อมรอยยิ้มซุกซน แต่ในใจนั้นอยากจะจัดการเขาเต็มที
ธารมิกาจับมือถือขึ้นพร้อมกับอัดเสียงเอาไว้ จากนั้นก็ชายตามองสามีแบบผู้หญิงอย่างว่าชอบทำ
“นี่พี่ไม่ใช่จะมาขึ้นเตียงส่งท้ายหรอกนะ หรือของใหม่สวยแต่รูปจูบไม่หอมกันแน่คะ ก็อย่างนี้แหละเวลาเขาขายอะไรก็จะพูดเกินจริงไว้ก่อน ที่จริงมันต้องเช็กคุณภาพก่อนซื้อถึงจะถูก”
ยิ่งพูดถึงผู้หญิงคนนั้นไม่ดี มีแต่ภูธรที่เดือดดาลในใจจนแทบจะระเบิดออกมา
ยิ่งธารมิกาเห็นเขาไม่ตอบโต้เธอก็ยังยั่วโมโหเขาไปเรื่อย ๆ
“เอ๋...ไม่ลองหน่อยเหรอคะ คุณแม่ให้ธารไปปรึกษาเรื่องบนเตียงกับคุณอัยยา แต่ว่าธารอายน่ะค่ะ เลยคิดว่าลองปรับดูก่อนหากไม่เผ็ดไม่แซ่บค่อยไปปรึกษาคนที่มีประสบการณ์กว่า แล้วหลังจากนั้นค่อยคุยกันดีไหมคะ ข้อตกลงจะได้ราบรื่น”
ยิ่งเขารังเกียจเธอยิ่งพยายามยัดเยียดตัวเองให้เขา ตอนเห็นสีหน้าขยะแขยงเธอมันทำให้มีความสุขยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก
“สกปรก” เขาทนฟังอยู่นาน แต่เธอก็ยังไม่ห่างเรื่องใต้สะดือ
“อุ้ย...ด่าคนรักอย่างนั้นได้ยังไงคะ อย่างคุณอัยยาเขาเรียกคนมีประสบการณ์สูงค่ะ”
“พี่ว่าเธอต่างหาก” ภูธรบอกให้รู้ว่าไม่ได้หมายถึงอัยยา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอแกล้งก็ตาม
“แต่ธารไม่เคยนอนกับใครนอกจากพี่นะคะ ส่วนคุณ...”
“พอแล้วไม่ต้องพูด”
ธารมิกาปิดปากขำ แค่นี้ก็รับไม่ได้ ว่าเธอสกปรกเขาสะอาดมากสินะ ดีหากเธอสกปรกเขาก็นอนกับคนสกปรกมาก่อน แต่กลับคนที่นอนกับคนอื่นไปทั่วอย่างคนรักคิดว่าสะอาดดั่งเกล็ดน้ำค้าง
น่าสมเพช...
“ความคิดพัฒนาให้ดีเหมือนปากบ้างนะ” ภูธรต่อว่าเธอที่คิดแต่เรื่องสกปรกหาเรื่องดี ๆ ไม่ได้
“นี่บอกตัวเองหรือเปล่าคะ เพราะคนที่ปากดีกับดีแต่ปากมันก็ห่างกันแค่เส้นบาง ๆ”
“แล้วเธอจะได้เห็นดีกันว่าพี่ดีแต่ปากหรือเปล่า!”
ภูธรทิ้งเอกสารเอาไว้แล้วเดินออกไป เพราะรับไม่ได้ที่มีแต่คนต่อว่าคนรักของเขานอนกับคนอื่นไปทั่ว แม้ว่าเป็นเขาเองที่ผิดต่อเธอก่อนก็ตาม
ธารมิกาส่ายหน้าให้กับคนที่คิดจะมาหาเรื่องที่โดนเธอตอกกลับจนรีบวิ่งไปแทบไม่ทัน ก่อนจะเห็นกองเอกสารแล้วหยิบขึ้นมาอ่านอย่างใจเย็นพร้อมแสยะยิ้มให้กับความโง่ของเขา
“นี่เหรอเรียกว่าข้อตกลง สัญญาที่จะเซ็นก็มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ” จากนั้นเธอก็ฉีกเอกสารของเขาทิ้งและเลือกจะถ่ายรูปส่งไปให้เขาดู
“อ่านจบแล้วค่ะ ดูเป็นสัญญาที่หน้าตัวเมียไปหน่อยนะคะ”