ก็เคยนึกสงสัยอยู่หรอกว่าผู้ชายเย็นชาหน้าน้ำแข็งคนนี้ยิ้มไม่เป็นบ้างรึไง วันๆ เอาแต่ทำหน้าเครียดดูมืดมนจนใครก็อยู่ยาก ขนาดกับเธอแค่นั่งใกล้ยังอดใจสั่นขวัญแขวนไม่ได้ ยิ่งบางวันอารมณ์ไม่ดีเขายังแผ่รังสีความเยือกเย็นออกมาทำให้เธอขนลุกอีกต่างหาก แต่ละวันที่อยู่กับเขาเธอต้องรองรับอารมณ์เขาทุกรูปแบบ กว่าจะผ่านมาได้อย่างยากลำบาก ต้องอดทนไม่รู้ตั้งเท่าไรต่อเท่าไร
แต่...ใครบอกว่าผู้ชายร้ายๆ ยิ้มไม่เป็นล่ะ?
เธอเพิ่งประจักษ์แก่ใจวันนี้ว่าปรินธรยิ้มสวยมาก ใบหน้าหล่อเหลาแสนละมุน แววตาอบอุ่นละลายใจสาวให้หลงใหลคลั่งไคล้ เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำให้เขายิ้มได้ ต้องเป็นคนที่สำคัญและเป็นที่รักสำหรับเขาเท่านั้น จึงจะได้รับเกียรติได้เห็นปรินธรในโหมดนี้
ซึ่ง...ไม่ใช่เธอ!
เวนิกาเข้าใจในจุดนี้ดี กระนั้นก็ห้ามความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไม่ให้เอ่อล้นออกมาไม่ได้ เธอกัดริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้น้ำตาที่รื้นอยู่เต็มกระบอกตาร้อนผ่าวหยดลงมา รีบผละห่างออกจากบานประตูเพื่อหลีกหนีจากภาพที่ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมทำให้ใจเจ็บมากกว่านี้ เป็นจังหวะที่คนในห้องหันมาพอดี เธอสบตากับเขาเข้าอย่างจัง อารามตื่นตระหนกทำให้เธอวิ่งหนีไปที่ลิฟต์ทันที กดปุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย พอประตูเปิดก็พุ่งตัวเข้าไป แต่ถูกมือหนาขัดขวางฉุดรั้งเอาไว้แน่นเสียก่อน
“ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้”
เวนิกาเงยหน้ามองเขาอย่างเย็นชา แต่แววตาขมขื่นแกมตัดพ้อ เธอยิ้มเยาะย้อนถามกลับอย่างประชดว่า
“ทำไมคะ ที่นี่มีความลับอะไรที่ฉันรู้ไม่ได้เหรอคะ”
ปรินธรหน้าเปลี่ยนสีเพียงแวบเดียวก็กลับเรียบเฉยดังเดิม ผิดกับหัวใจที่ร้อนรนกระวนกระวาย เปล่งเสียงแทบไม่พ้นลำคอ
“คุณรู้เรื่องหมดแล้ว?”
“ฉันไม่ควรรู้เหรอคะ?” เธอเลิกคิ้วถาม “หรือการเป็นนางบำเรอที่ดีต้องแกล้งโง่ แล้วปล่อยให้คุณทำอะไรกับร่างกายของฉันก็ได้ตามอำเภอใจ” รู้ว่าในความสัมพันธ์ของเรา...เขาเป็นใหญ่ ส่วนเธอทำได้แค่เชื่อฟัง ไม่มีสิทธ์มีเสียงใดๆ
แต่...นี่มันร่างกายของเธอนะ มันคือชีวิตของเธอ!
เธอขายตัวใช้เซ็กส์แลกเงินก็จริง แต่ไม่ได้ขายจิตวิญญาณและความเป็นคนให้เขาด้วย เขาไม่ใช่เจ้าชีวิตเธอ ไม่มีสิทธิ์กำหนดความเป็นความตายของเธอ และยิ่งไม่มีสิทธิ์เที่ยวยกร่างกายเธอให้ใครต่อใครทั้งสิ้นเธอคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธ์นี้ คู่หมั้นเขาต้องการไขกระดูกแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ ทำไมเธอจะต้องใจดีเสียสละเพื่อหล่อนด้วยล่ะ...
“ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากทำแบบนี้” ปรินธรพยายามใจเย็นใช้เหตุผลกับเธอให้มากที่สุด เพราะรู้ว่าเวนิกากำลังโกรธมาก ถึงขั้นเดือดสุดๆ เลยละ
“ฉันไม่สนว่าคุณมีเหตุผลอะไร แต่ที่ฉันอยากรู้ก็คือ...คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
เวนิกามองเขาแล้วยิ้มขื่น ความขมปร่ากระจายอยู่เต็มปากเหมือนหัวใจดวงนี้ที่มีแต่ความผิดหวัง ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเธอไม่เคยเรียกร้องหรือหวังความรักจากเขาเลย ขอแค่เขามีน้ำใจกับเธอบ้างสักนิด ไม่คิดทำร้ายกันก็พอแล้ว
เธอขอแค่นี้ก็ยังหวังสูงเกินไปหรือ...
“วิวป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย อาการแย่ลงทุกวัน ผมพยายามหาคนที่มีกรูปเลือดเดียวกันและไขกระดูกเข้ากันได้ แต่ก็ไม่มีเลย จนกระทั่งมาเจอคุณนี่แหละ ทั้งคุณและวิวมีกรูปเลือดที่พิเศษเหมือนกัน แถมเนื้อเยื่อก็ยังตรงกันถึง 90% คุณสามารถช่วยวิวให้รอดตายได้ ผมเลยต้องขอให้คุณช่วย”
ชายหนุ่มค้นพบเรื่องนี้ตอนที่เขาอับจนหนทางจะช่วยคู่หมั้นที่นับวันจะยิ่งแย่มีแต่ทรงกับทรุด ไม่รู้อะไรดลใจให้เขานึกถึงคนใกล้ตัวอย่างเวนิกา อาจเป็นเพียงการดิ้นรนโง่ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเกินคาดชนิดที่เขาเองยังอึ้ง เมื่อรู้แล้วว่าเวนิกามีกรูปเลือดที่กำลังตามหา เขาจึงสั่งให้ธนัตแอบนำเลือดของเธอมาให้ภคินตรวจหาสเต็มเซลล์ และผลปรากฎว่าค่าเนื้อเยื่อ HLA ที่ได้ตรงกับวรรณวรินพอดี
“คุณอยากช่วยคู่หมั้นคุณ ฉันเข้าใจ แต่คุณเคยถามฉันสักคำมั้ย เคยคิดถึงความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับฉันบ้างรึเปล่า”
ปรินธรเม้มริมฝีปาก เขาเองก็ลำบากใจ ลังเลอยู่นานกว่าจะหักใจทำแบบนี้ได้ เวนิกาอยู่กับเขามาสามปี เป็นสามปีที่มีแต่ความสุข เธอน่ารัก ทำตัวว่านอนสอนง่าย อ่อนหวานจนเขาหลงเธอหัวปักหัวปำ ถึงขั้นคิดจะเลี้ยงดูเธออย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ให้อยู่อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต แม้จะต้องก้าวข้ามศีลธรรมเขาก็ไม่แคร์ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีเลือดกรูปพิเศษเหมือนวรรณวริน และสถานการณ์ก็บีบคั้นทำให้เขาไม่มีทางเลือกละก็ เขาไม่มีทางยอมให้เธอมาเสี่ยงแบบนี้เป็นอันขาด
“คุณไปหาคนอื่นเถอะค่ะ ยังไงฉันก็ไม่บริจาคไขกระดูกให้คู่หมั้นของคุณแน่”