ปรินธรขมวดคิ้ว สีหน้าเข้มขรึมลงทันทีที่ถูกปฏิเสธ เขาล้วงมือเข้าในกระเป๋ากางเกง เอ่ยต่อรองกับเธอเสียงเย็นว่า
“ถ้าไม่อยากบริจาค งั้นผมขอซื้อไขกระดูกคุณ”
“ซื้อ?” เวนิกาแค่นหัวเราะ เขาเห็นร่างกายคนอื่นเป็นแค่สิ่งของเท่านั้นหรือ “ฉันไม่ขาย ฉันจะไม่ยอมเอาร่างกายตัวเองไปเสี่ยงเด็ดขาด”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมจะรับผิดชอบเอง” ขอแค่ให้วรรณวรินได้รับการผ่าตัดจนหายขาด เขาจะได้เบาใจเสียที ส่วนเวนิกาต่อให้จะได้รับผลกระทบและความเสี่ยงหรือไม่ก็ตาม เขาตั้งใจว่าจะถนอมดูแลเธอเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเธอยอมช่วยเขาในครั้งนี้ เขาจะตอบแทนคืนเป็นร้อยเท่าพันทวี
“ถ้าฉันยังยืนยันคำเดิมว่า ‘ไม่’ ล่ะ”
ดวงตาของปรินธรมืดมิดเหมือนหุบเหวที่ไร้ก้น มองไม่เห็นอารมณ์ความคิดของเขาและคาดเดาไม่ได้ เขาเอ่ยเพียงสั้นๆ แต่กระทบใจเธอเข้าจังๆ ว่า
“ผมคงต้องบังคับเอา”
ใจคนฟังปวดร้าวร่างกายเยียบเย็นไปทั้งตัว ก็พอจะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว แต่พอได้ยินกับหูก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี
“คุณรักคู่หมั้นมากเลยนะคะ”
“ผมเห็นวิวตายไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่ช่วยไม่ได้”
“แล้วฉันล่ะ เธอตายไม่ได้ แต่ฉันตายได้งั้นสิ” เวนิกาตะโกนใส่หน้าเขา ความเจ็บปวดซึมลึกจนเผลอกัดริมฝีปากแทบจะขาด
“คุณก็จะไม่ตาย” สีหน้าชายหนุ่มยิ่งเคร่งเครียดระคนหงุดหงิดที่เธอพูดเรื่องความเป็นความตายขึ้นมา เขาไม่ชอบให้เธอพูดอะไรเหมือนเป็นลางร้ายหรือแช่งตัวเองอย่างนี้เลย อีกอย่างเขาพูดแล้วว่าจะดูแลเธอเอง เขาย่อมรักษาคำพูดอย่างเคร่งครัด ทำไมเวนิกาถึงไม่เชื่อใจเขา
“คุณไม่ใช่พระเจ้า คุณกำหนดความเป็นความตายของใครไม่ได้หรอก ถึงคุณจะข่มขู่หรือบีบบังคับฉันยังไง ฉันก็ขอปฏิเสธค่ะ”
ไม่รอให้ปรินธรพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เวนิกาก็เชิดหน้าเดินผ่านเขาไปอย่างไม่แยแส แต่เดินไปไม่กี่ก้าวจู่ๆ ท้องน้อยของเธอก็ปวดจี๊ดขึ้นมา เจ็บหน่วงๆ อย่างรุนแรง รู้สึกได้ว่ามดลูกกำลังบีบตัวถี่ๆ หญิงสาวตั้งใจจะหันไปขอความช่วยเหลือจากคนข้างๆ เพราะตอนนี้เธอทนเจ็บไม่ไหวจนต้องยกมือกุมท้องเอาไว้แน่น แต่ได้ยินน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของเขาดังขึ้นเสียก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาเผชิญหน้ากับเธอด้วยสีหน้าเลือดเย็น
“คุณไม่อยากช่วย ผมก็จะไม่ฝืนใจ คุณสามารถเดินออกไปจากที่นี่ได้เลย แต่ต้องเอา ‘ศพ’ พี่ชายคุณไปด้วย”
“คุณ...!” เวนิกาโกรธจนตัวสั่น ขึงตามองเขายังกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอรู้ว่าปรินธรไม่ใช่คนดีอะไรนัก ออกจะเขี้ยวลากดินเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่คิดว่าเขาจะใจดำกล้าเอาชีวิตพี่ชายเธอมาข่มขู่ เพื่อให้เธอยอมช่วยคู่หมั้นสุดที่รักของเขา
สามปีที่นอนด้วยกัน เขาไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลยรึไง?
เธอไม่เชื่อ!
มั่นใจว่าเธอคือคนโปรดของเขา ไม่ได้หลงตัวเอง แต่การกระทำของปรินธรแสดงออกอย่างนั้น เขาต้องหวั่นไหวกับเธอบ้างแหละน่า ที่พูดแบบนี้ก็คงจะแค่ขู่ให้เธอกลัวเท่านั้น คงไม่ได้คิดจะทำจริงๆ หรอก เธอคิดว่ามีลูกอ้อนที่จะทำให้เขาใจอ่อนได้ไม่ยาก
“เห็นแก่สามปีมานี้ที่ฉันเป็นเด็กดี ทำให้คุณมีความสุขไม่น้อย คุณก็ช่วยปล่อยฉันไปจะได้มั้ยคะ ถือซะว่าเราไม่เคยรู้จักและไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน...นะคะ”
หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้เขา ยกมือลูบไล้แผงอกกำยำภายใต้เสื้อเชิ้ตสีดำที่ทับด้วยสูท ขณะสบตาเขาอย่างเย้ายวน เอ่ยออดอ้อนเว้าวอน คลี่ยิ้มหวานหยดที่ผู้ชายคนไหนเห็นก็เป็นต้องใจอ่อนยอมหมอบราบแทบเท้าเธอ เห็นปรินธรหลับตาเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสรัญจวนก็กระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะ
เธอเลื่อนมือลากไล้ขึ้นไปโอบรอบลำคอเขา ประทับจูบกลีบปากหยักอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหมุนตัวหันหลังเดินจากไปอย่างไม่ชะลอฝีเท้า ต้องการหลุดพ้นเงื้อมมือผู้ชายคนนี้โดยเร็วที่สุด
“ธนัต สั่งให้คนดึงสายออกซิเจนของเวไนยออกเดี๋ยวนี้!”
เวนิกาตัวแข็งทื่อ ใจหายวาบราวกับมันตกลงไปในธารน้ำแข็งที่เยียบเย็นจนกัดลึกถึงกระดูก ความเจ็บปวดนั้นเกินกว่าจะอธิบายได้ เธอหันขวับตวัดตามองคนที่ยืนโทรศัพท์สั่งการด้วยความชิงชังสุดจิตสุดใจ แววตาที่เขามองตอบกลับมาดำมืดเหมือนกับหัวใจเขาไม่มีผิด
“ตัดสินใจได้รึยัง” เขาถามเสียงเรียบ
หญิงสาวกัดฟันกรอด เจ็บแค้นจนแทบกระอัก ยิ่งโกรธมากเท่าไร ความเจ็บปวดที่ท้องก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ปวดจนเธอตัวงอเข่าทรุดต้องยกมือพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงตัวให้ยืนต่อไปได้ สายตายังคงขึงมองปรินธรอย่างดุเดือดไม่ลดละ
ในเมื่อเขาแล้งน้ำใจกับเธอก่อน อย่าหาว่าเธอตลบตะแลงก็แล้วกัน!
ทันเท่าความคิด เสียงกัดฟันก็ถูกเค้นออกมาท่ามกลางความเจ็บปวดที่เพิ่มทวี แต่ทำให้คนฟังถึงกับชาวาบไปทั้งตัวว่า
“ฉันท้อง! ถ้าคุณต้องการให้เด็กคนนี้ตาย เพื่อให้คู่หมั้นคุณรอด...ก็เอาเลย!!!”