ชายหนุ่มตระกองกอดหญิงสาวข้ามผ่านความหฤหรรษ์สั่นสะท้านไปด้วยกัน จวบจนอารมณ์วาบหวามเร่าร้อนค่อยๆ มอดลงพาพวกเขากลับมาสู่ความเป็นจริง ปรินธรจึงคลายวงแขนผละห่าง ถอดถอนแก่นกายออกจากตัวเธอ คิ้วเข้มขมวดนิดๆ เมื่อเห็นว่ามีเลือดติดตรงปลายหัวหยักหยดเล็กๆ
“ใกล้จะถึงวันนั้นของเดือนรึยัง” เขาเอ่ยถามเพราะไม่ทันระวังเผลอปล่อยใน ไม่ได้กลัวว่าเวนิกาจะสิ้นคิดปล่อยตัวท้องเพื่อจับเขา เธอเป็นนักแสดงที่กำลังโด่งดังมีอนาคตที่สดใส จึงระวังตัวแจมากกว่าเขาเสียอีก เธอคุมกำเนิดด้วยการฉีดยาคุมทุกๆ สามเดือนอย่างเคร่งครัด ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดโดยเด็ดขาด
เวนิกาใจหายวาบ พอถูกทักก็นึกขึ้นได้ว่าลืมไปเสียสนิท เธอไม่ได้ฉีดยาคุมเกือบสองเดือนแล้ว เพราะมัวแต่วิ่งรอกเข้ากองละครสองเรื่อง ไหนจะมีงานโฆษณา เป็นพรีเซนเตอร์ที่ต้องไปออกงานโชว์ตัว รับงานอิเวนต์ทุกวันจนแทบไม่มีเวลาหายใจ ระหว่างนี้ที่มีอะไรกับเขาก็ทานยาคุมตลอด แต่เพื่อความไม่ประมาทเธอจะหาเวลาไปฉีดยาคุมให้เรียบร้อย
“ปกติมาช่วงปลายเดือนค่ะ แต่ฉันคอยป้องกันและระมัดระวังดูแลตัวเองอยู่ตลอด คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เธอบอกให้เขาเบาใจ
ปรินธรพยักหน้า ยกมือปัดปอยผมที่ปรกหน้าผากเธอแล้วประทับจูบแผ่วๆ พรมซับไปตามไรผมที่หมาดชื้นเพราะเหงื่อ สบตาเธออย่างลึกซึ้งไร้ซึ่งรอยยิ้ม แต่ก็เป็นอันเข้าใจได้ว่าเขารับรู้แล้วและไม่ติดใจหรือเอาความอะไร
หลังใช้ทิชชู่ทำความสะอาดร่างกาย ช่วยจัดเสื้อผ้าทั้งของเขาและของเธอให้เข้าที่เข้าทางแล้ว ก็ยกตัวหญิงสาวลงจากโต๊ะ จูงมือบางเดินมานั่งอีกฟากที่เป็นโซฟาหนัง จากนั้นจึงเรียกบริกรยกอาหารมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ
“กินเถอะ” เขาหยิบจานสเต๊กของเธอออก แล้วยื่นเนื้อสเต๊กในจานตัวเองที่หั่นพอดีคำไปตรงหน้าเธอแทน
“ขอบคุณค่ะ” เวนิกายิ้มหวาน อบอุ่นใจทุกครั้งที่เขาดูแลเอาใส่ใจเธอแบบนี้ แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ทำให้เธอดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลย
มื้อนี้หญิงสาวเจริญอาหารเป็นพิเศษ อาจจะเพราะออกกำลังกายหนักไปหน่อยจากกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อครู่ ยิ่งมีท่านประธานกิตติมศักดิ์คอยบริการอย่างอ่อนโยนด้วยแล้ว เวนิกาก็ยิ่งประทับใจ ปกติปรินธรเป็นคนนิ่งขรึมเย็นชา ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะแสดงความสนใจห่วงใยใครสักคน เธอที่ได้รับเกียรตินี้จึงพลอยใจสั่นหวั่นไหวไม่น้อย
ถ้าเป็นแบบนี้ไปตลอดก็ดีน่ะสิ...
“เป็นอะไรไปหืม?” ปรินธรไล้ข้อต่อบนแก้มเนียน เมื่อจู่ๆ เวนิกาก็เงียบไปคล้ายกำลังคิดอะไรอยู่
หญิงสาวส่ายหน้าพรืด
“เปล่าค่ะ” เธอมองผู้ชายใส่สูทที่สั่งตัดพิเศษอย่างประณีตจนยากจะละสายตา คนทั้งคนดูสูงส่งจนเธอเอื้อมมือให้ตายอย่างไรก็ไม่มีวันแตะถึง แต่เธอดันแอบเพ้อฝันว่าอยากจะอยู่กับเขาขึ้นมาเสียนี่
เป็นบ้าไปแล้วรึไง!?
เธอคิดอะไรอยู่ ยังแยกแยะไม่ได้อีกหรือว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ในสถานะไหน เป็นอะไรสำหรับเขา มีอะไรที่คู่ควรกับเขาบ้าง...
คิดว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ในจุดที่สูงสุด มีทั้งเงินทั้งอำนาจและหล่อรวยอย่างเขาจะเลือกผู้หญิงธรรมดาแบบเธอหรือ ยังมีผู้หญิงที่เพียบพร้อมดูดี มีฐานะเท่าเทียมกันต่อแถวเข้าคิวรอให้เขาเลือกอีกตั้งค่อนประเทศ คนที่เขาสามารถยกย่องเชิดชูต่อสังคมได้อย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรี
“เพิ่งเลิกจากงานเลี้ยงมา ก็เลยรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยมั้งคะ” เธอฝืนยิ้มหวาน ยกมือคล้องคอเขา จงใจเบี่ยงประเด็นไม่ให้ปรินธรถามต่อ โชคดีที่มีสายเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟนของเขาพอดี เลยไม่ต้องตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนใจ
เวนิกาแปลกใจไม่น้อยเมื่อสีหน้าปรินธรดูเครียดๆ ชอบกล ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร มีเรื่องยุ่งยากทำให้ลำบากใจรึเปล่า เธออยากรู้แต่ไม่กล้าละลาบละล้วงถาม รอกระทั่งเขาวางสายแล้วหันมามองเธอแน่นิ่ง นิ้วเรียวยาวทัดผมหลังหูให้เธออย่างนุ่มนวล ผิดกับแววตาสับสนซับซ้อนที่เธอเองก็ดูไม่ออก แต่เพียงครู่เดียวก็กลับแข็งกร้าวเด็ดเดี่ยวตามเดิม ขณะเอ่ยกับเธอว่า
“เราจะไปโรงพยาบาลกัน”
ดึกดื่นแบบนี้เนี่ยนะ...
“ไปทำไมคะ หรือว่าคุณรู้สึกไม่สบายตรงไหน” เธอถามด้วยความเป็นห่วง รีบยกมืออังหน้าผาก สำรวจรอบตัวเขาว่ามีความเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่
ปรินธรกระแอมเบาๆ ไม่ได้ตอบคำถาม เขากุมมือเธอไว้แน่น สายตาหลุบต่ำไม่อาจฝืนมองหน้าเธอได้ เอ่ยเสียงเครียดยิ่งกว่าเดิมว่า
“ไปถึงแล้วก็รู้เอง”