“ขอบคุณพี่แฟรงค์มากนะคะที่มาส่งไลลา”
“นี้บ้านไลลาเหรอ ใหญ่มากเลยนะ” เขารู้สึกว่าเขารวยแล้ว แต่ความกว้างใหญ่ของบ้านตรงหน้า ทำให้บ้านเขาดูเล็กไปเลย
“ไม่ใช่บ้านไลลาหรอกค่ะ ไลลาก็มาอาศัยอาคินอยู่อีกที ขอบคุณพี่แฟรงค์อีกครั้งนะคะ”
แล้วเธอก็เดินลงจากรถ ใจคิดไปถึงเจ้าของบ้าน ที่ตอนนี้ไม่รู้กลับมารึยัง หรือเขาจะนอนคอนโดอีก เพราะหลังๆมานี้ อาคินไม่ค่อยกลับมาบ้านเท่าไหร่ตั้งแต่มีข่าวกับดาราที่ชื่อ มะนาวคนนี้
เธอกลับบ้านมาถึงก็รีบเข้าห้องน้ำ ทำความสะอาดชำระตัว ก่อนจะใส่ผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องตกใจ เพราะเธอไม่ได้อยู่ในห้องตามลำพัง แต่มีอาคินนั่งรออยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งเหมือนมีเรื่องจะคุยกับเธอ
“อาคิน มีเรื่องอะไรจะคุยกับหนูรึเปล่า” เธอเอ่ยถาม ก่อนจะขัดเขินสายตาเขา เมื่อชายหนุ่มมองจ้องเธอแบบตรงๆ
“แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วไปพบฉันที่ห้องทำงานหน่อย”
“ค่ะ”
อคินพยักหน้าเชิงตอบรับและเดินออกจากห้องเด็กสาวไป ทำเหมือนไม่มีอะไร แต่ทั้งที่จริง เขาเห็นเธอเดินใส่แค่ผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ ความคิดไม่ดีแว๊บหนึ่ง มันก็ปรากฏขึ้นมาในหัว แต่ก็ต้องพยายามปัดมันออกไป เพราะเขาคิดเสมอว่าเธอคือ ลูกของชิต ที่เขาเรียกว่า ‘หลาน’ แล้วอีกอย่างเธอก็ยังเป็นเด็ก อยู่วันยังค่ำ
ไลลาทั้งเขินทั้งอาย ที่อาคินมาเห็นเธอในสภาพที่ไม่เรียบร้อย ปกติเขาไม่เคยเข้ามาในห้องส่วนตัวของเธอ สงสัยจะมีเรื่องสำคัญมากจะคุย ไม่ใช่ว่าจะเรียกเธอไปดุเรื่องที่เธอไปเที่ยวกับเพื่อนวันนี้นะ
.
.
.
ก็อกๆๆ!!!
“เข้ามาได้” เสียงด้านในอนุญาตให้เธอเข้าไป เด็กสาวจึงเปิดประตูเบา ก็พบอาคิมกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงห้อง
“อาคินมีธุระอะไรจะคุยกับหนู?”
“เดือนหน้า ฉันจะหมั้นกับมะนาว!” เธอตัวชาไปหมดกับข่าวดีของเขา แต่ไม่ใช่ของเธอ
“ค่ะ?”
“แล้วมะนาวจะเข้ามาอยู่ในบ้าน ในฐานะคู่หมั้นของฉัน เธอให้เกียรติและเคารพฉันยังไง หวังว่าเธอจะปฏิบัติตัวเช่นเดียวกับที่ทำกับมะนาว” เขาพูดเสียงทุ้มต่ำอย่างเรียบๆ
ไลลารู้สึกมือสั่นๆ อาคินเคยมีสาวมากหน้าหลายตา แต่ไม่เคยจริงจังกับใครเท่าคนนี้ เธอก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เธอจึงเจ็บ กับประโยคที่เขาบอกเธอ
“อาคินแน่ใจแล้วเหรอค่ะ” เขาขมวดคิ้วด้วยความงงกับคำถามของเด็กสาวตรงหน้า
“ฉันก็อายุเยอะแล้ว ถึงเวลาที่ต้องสร้างครอบครัวสักที หวังว่าเธอกับมะนาวจะเข้ากันได้ เพราะเธอก็ถือว่าเป็นหลานของฉันคนหนึ่ง” เขาพูดพร้อมทั้งขยี้บุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่
“และหลังจากนี้ ฉันคงไม่สามารถไปรับไปส่งเธอที่โรงเรียนได้แล้ว อีกอย่างเธอก็โตแล้ว ไม่ใช่เด็ก การไปกลับบ้าน ก็คงไม่ยากสำหรับเธอ ขอแค่รักษาเวลา อย่ามัวแต่เถลไถล กลับบ้านให้ตรงเวลาก็พอใจ”
หญิงสาวรู้สึก น้ำตารื้นชื้นขึ้นมาทันที เธอไม่รู้ทำไม แค่รู้สึกว่าน้อยใจ เพราะตอนนี้ เธอไม่ใช่คนสำคัญของอาคินอีกต่อไป
“เข้าใจมั้ย ไลลา” เขาหับมามองหน้าเธอ ก่อนจะถามย้ำเธออีกที
“เข้าใจค่ะ” หญิงสาวพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น แต่ก็คงไม่ได้อยู่ดี เธอเสียใจที่เคยเป็นคนสำคัญสำหรับอาคิน แต่วันนี้ เขามีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในชีวิตแล้ว เธอก็โดนเขี่ยออก โดยที่เขาไม่ลังเลเลย
“ร้องไห้ทำไม” อคินมองใบหน้าสวยผุดผาดของเธอแต่บัดนี้ ทั้งจมูก ปากจิ้มลิ้ม กลับแดงระเรื่อ พร้อมน้ำตาที่คลอเบ้าจนรู้สึกน่าสงสาร
“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้ร้องไห้ อาคินมีเรื่องจะพูดกับหนูแค่นี้ใช่มั้ยค่ะ” เธอปฏิเสธ แต่น้ำตาไหลลงอาบแก้ม แต่เธอก็พยายามปาดมันทิ้ง
“เป็นอะไร? ขี้แยเป็นเด็กๆไปได้”
“หนูไม่ใช่เด็กแล้ว หนูอายุสิบแปด บรรลุนิติภาวะแล้ว อาคินเลิกมองหนูเป็นเด็กสักที” เธอเถียงเขาปากสั่นๆ ยังไงๆ เธอก็ไม่เคยโตในสายตาเขาหรอก เธอมันแค่เด็กกะโปโลสำหรับเขาเสมอ
“แล้วผู้ใหญ่ที่ไหน เขาร้องไห้ไม่มีเหตุผลแบบนี้ แค่ให้กลับบ้านเอง ถึงกับต้องฟูมฟาย จะให้ฉันไปรับไปส่งอยู่ตลอดคงไม่ได้หรอก”
เธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เวลาเดียวที่มีความสุขของเธอ คือการได้ใกล้ชิดกับเขา แต่เขากลับเอาเวลานั้นคืนไปแล้ว
“ค่ะ หนูผิดเองที่หนูน้อยใจอาคิน หนูเข้าใจว่าต่อไปอาคินก็คงจะไม่สนใจหนู แต่กลับสนใจคุณมะนาวนั่น เพราะเขาเป็นคนที่อาคินรัก”
เธอตัดพ้อเขา จะให้เธอชอบคุณมะนาวได้ยังไง ในเมื่อเธอแอบรักอาคิน แอบรักมาตั้งนานแล้ว แล้วอยู่ดีๆ คุณมะนาวก็มาแย่งอาคินของเธอไป ให้ตายยังไง เธอก็ไม่มีวันญาติดีกับผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด
“เธอนี้มันเด็กจริงๆ ออกไปได้แล้ว แล้วก็เลิกร้องไห้สะที มันน่ารำคาญ” เธอมองเขาอย่างน้อยใจ ก่อนจะปาดน้ำตาออก แล้วเดินเข้าไปหาเขา ก่อนจะจับมือเขามาจับที่หน้าอกเธอ ชายหนุ่มสัมผัสกับอกอวบนิ่มโดยที่ไม่ทันรู้ตัว มือเขาแปล๊บปลาบเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
“หนูไม่ใช่เด็กแล้ว หนูโตแล้ว แล้วหนูก็ไม่ใช่หลานของอาคินจริงๆ หนูรักอาคิน อาคินมองหนูเป็นผู้หญิงคนหนึ่งจะได้มั้ย”