บทที่ 2-1

1557 คำ
“เถิงเกา เจ้าช่วยบอกข้าได้หรือไม่ ว่าสถานที่สำคัญที่ข้าควรต้องรู้มีที่ใดบ้าง” เหอลี่หมิงหันไปถามเซี่ยเถิงเกาที่ยืนนอบน้อมก้มศีรษะลงเล็กน้อยอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะไม้เนื้อดีสีน้ำตาลเข้มที่นางนั่งมากนัก สาวใช้เงยใบหน้าขึ้นเพื่อสบสายตากับนาง แววตาฉายชัดถึงความประหลาดใจ แต่ก็สงวนท่าทีเอาไว้ตามแบบอย่างที่ได้รับการอบรมมาอย่างเคร่งครัด “คุณหนูหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ ข้ามิเข้าใจ” เหอลี่หมิงแสดงสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะให้คำตอบ “ข้าหมายถึงสถานที่สำคัญที่ข้าควรรู้เอาไว้ อย่างเช่น ยามที่ข้าเจ็บป่วยข้าต้องไปที่ใด สถานที่ราชการต่างๆ อยู่ตรงตำแหน่งใดบ้าง หรือร้านขายอาหารมีที่ใดบ้าง เจ้าก็รู้ หลังจากที่ข้าฟื้นขึ้นมาจนถึงบัดนี้ ข้ายังนึกเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มีเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งให้แก่ข้าได้” ประกายดาวในร่างเหอลี่หมิงมองเซี่ยเถิงเกาคล้ายต้องการขอความเห็นใจ นางเป็นเพียงสตรีที่หลงยุค ทั้งยังกำลังจะถูกขับออกจากเรือนและต้องหย่าขาดกับผู้เป็นสามี ที่นางถ่วงเวลาเอาไว้ก็เพื่อการนี้ เรื่องความเจ็บป่วยเป็นเพียงหนึ่งส่วน แต่การต้องรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่นอกจวนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด มิเช่นนั้นแล้วนางจะมิรู้อะไรเลยเกี่ยวกับโลกที่ต้องเผชิญต่อจากนี้ แล้วนางจะใช้ชีวิตได้อย่างไรกัน “คุณหนูมิต้องกังวลในเรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ เรือนตระกูลเหอมีทรัพย์สมบัติไม่น้อย บิดาของคุณหนูเป็นคหบดี ทำการค้าขายผ้าหลากหลายชนิด คุณหนูมิต้องกังวลไปหรอกเจ้าค่ะ ว่าจะต้องอยู่อย่างยากลำบาก” เซี่ยเถิงเกาให้คำตอบอย่างนอบน้อม “เรื่องนั้นข้าก็พอเข้าใจในเมื่อเจ้าเป็นคนบอกข้าแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนไม่แน่นอน ข้าก็แค่เตรียมการเผื่อเอาไว้ หรือว่าเรื่องที่ข้าร้องขอ รบกวนเจ้ามากจนเกินไป” “มิเป็นการรบกวนเลยเจ้าค่ะ ข้าต้องขออภัย” น้ำเสียงที่เหอลี่หมิงใช้นั้นมิได้บ่งบอกถึงการตำหนิแต่อย่างใด แต่เป็นเซี่ยเถิงเกาที่คิดว่านางกำลังไม่พอใจ จึงรีบขอโทษขอโพยอย่างลนลาน “เจ้ามิต้องขออภัยข้าหรอก เจ้ามิได้กระทำผิดแต่อย่างใด ว่าแต่เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่” เหอลี่หมิงเผยยิ้มที่มุมปาก นางมิได้โกรธเคือง ซ้ำยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เซี่ยเถิงเการู้สึกประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่ากับท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง ถ้าเป็นเหอลี่หมิงคนก่อนคงได้ถลาเข้ามาบิดเนื้อของนางจนขึ้นรอยจ้ำเขียวอย่างมิต้องสงสัย แต่สุดท้ายความสงสัยนั้นก็คลายลง เพราะคิดว่าเรื่องที่เหอลี่หมิงเปลี่ยนไปนั่นเพราะนางกำลังความจำเสื่อมอย่างที่เคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ “ได้เจ้าค่ะ” เซี่ยเถิงเกาวาดแผนที่สถานที่สำคัญที่เหอลี่หมิงต้องการรู้ลงในสมุดบันทึก เมื่อแล้วเสร็จจึงส่งมอบให้นาง เหอลี่หมิงคว้าสุดเล่มดังกล่าวขึ้นมาเปิดดู กวาดสายตามองอย่างถ้วนทั่ว ก่อนจะซักถามเมื่อเกิดข้อสงสัย โดยมีเซี่ยเถิงเกาช่วยให้คำตอบจนนางกระจ่างในทุกๆ ข้อคำถาม “ขอบใจเจ้ามากนะเถิงเกา” “มิเป็นไรเจ้าค่ะ” “เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ ข้าต้องการพักผ่อน” “เจ้าค่ะคุณหนู” เซี่ยเถิงเการับคำแล้วค่อยๆ ขยับเท้าจากไป เหอลี่หมิงมองตามแผ่นหลังของสาวใช้ไปจนลับสายตา จนกระทั่งเซี่ยเถิงเกาปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่ นางจึงดึงสายตากลับมาที่สมุดบันทึกในมือ พลางถอนหายใจเบาๆ คล้ายยอมจำนนในชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ จากนั้นจึงสาวเท้าเข้าไปในห้องนอน เหอลี่หมิงเพิ่งจะมีโอกาสได้สำรวจห้องนอนเป็นครั้งแรก นางเอื้อมมือไปเปิดตู้ไม้หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้อง พบว่ามีหีบไม้สลักลายดอกไม้ใบเขื่องอยู่ใบหนึ่ง ภายในนั้นบรรจุข้าวของมีค่า ทั้งปิ่นหยก กำไลข้อมือ และเครื่องประดับต่างๆ ยังไม่รวมเงินหยวนเป่า* อีกจำนวนไม่น้อย เหอลี่หมิงขออนุญาตเจ้าของร่างที่แท้จริงในใจ อย่างไรนางคงต้องเก็บสมบัติเหล่านี้ติดตัวไปด้วย อย่างน้อยการที่นางต้องย้อนอดีตมาแบบมิทันได้ตั้งตัวจะได้ไม่ลำบากจนเกินไป ยังดีที่เจ้าของร่างเป็นบุตรีของคหบดี แม้ว่ากำลังจะหย่าขาดกับสามีก็ตาม และนางก็เพิ่งจะทราบว่าเจ้าของร่างมี ใบหน้าและรูปร่างที่งดงามมากจากคันฉ่องที่ตั้งอยู่ภายในห้องนอนที่กำลังสะท้อนภาพให้ได้เห็นอย่างเต็มตา หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย เหอลี่หมิงก็เอนตัวลงนอนบนเตียงป๋าปู้** สีน้ำตาลทองฉลุลายงดงาม เพียงไม่นานนางก็คล้อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เหอลี่หมิงตื่นขึ้นมาอีกทีในยามเซิน*** ขยับเรือนกายลงจากเตียง จากนั้นจึงสาวเท้าออกไปที่ห้องหลักของเรือน ตรงตำแหน่งโต๊ะอาหารพบเซี่ยเถิงเกายืนรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมอาหารสามสี่อย่างที่ถูกจัดวางเอาไว้พร้อมสรรพ “เชิญคุณหนูนั่งเจ้าค่ะ จะได้กินมื้อเย็น อาหารพวกนี้มาจากเรือนเหลียนฮวาเจ้าค่ะ” ถึงแม้ว่านางกำลังจะหย่าขาดกับหวงเสี่ยวฉี แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมิได้ใจร้ายจนเกินไปนัก ยังมีน้ำใจแบ่งปันอาหารให้ ไม่ปล่อยให้นางต้องอดอยาก เหอลี่หมิงคิดในใจ ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งเมื่อเซี่ยเถิงเกาช่วยขยับเก้าอี้ให้ “ขอบใจเจ้ามาก” เหอลี่หมิงยิ้มขอบคุณ ก่อนจะกวาดสายตามองอาหารหน้าตาประหลาดในความรู้สึกของนาง แต่นางมิใช่คนเรื่องมาก มีอะไรนางก็กินได้หมด แต่ที่ติดใจก็คืออาหารบนโต๊ะดูจะเยอะจนเกินควร นางคิดว่าคงไม่สามารถกินอาหารจนหมดได้ ใบหน้างดงามครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง “เถิงเกา นั่งกินข้าวกับข้าสิ” เซี่ยเถิงเกาช้อนสายตาขึ้นมองเหอลี่หมิงก่อนจะหลุบลงต่ำ แล้วตอบอย่างนอบน้อม “ขอบคุณคุณหนูที่เมตตา แต่ข้า...” ท่าทีเจียมเนื้อเจียมตัวคล้ายต้องการปฏิเสธ ทำให้เหอลี่หมิงต้องเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเพื่อเป็นการบีบบังคับอยู่ในที “เจ้าจงใจขัดคำสั่งข้า” “ข้ามิกล้า” เซี่ยเถิงเการีบบอกอย่างร้อนรน สาวใช้ก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม ทำให้เหอลี่หมิงเผยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ยังคงแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากเจ้ามิได้จงใจขัดคำสั่งข้า ก็นั่งลง แล้วกินข้าวร่วมกันกับข้า” “เจ้าค่ะ” เซี่ยเถิงเการับคำ ก่อนจะขยับเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้นั่งร่วมโต๊ะกับคุณหนูตระกูลเหอผู้ร้ายกาจ ร่างกายของนางจึงเกร็งขึ้นอย่างมิอาจควบคุมได้ แต่เพียงไม่นานร่างกายของเซี่ยเถิงเกาก็ดูคลายความเกร็งเครียดลง เมื่อเหอลี่หมิงคีบอาหารใส่จานให้นาง “เถิงเกา เจ้าวางตัวตามสบายเถอะ ข้าอยากร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้าจริงๆ อีกไม่นานข้าก็ต้องจากเรือนหลังนี้ไป เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะฉะนั้นเจ้าอย่าได้หวาดกลัวข้าเลย ข้าหามีสิ่งใดให้เจ้าต้องกลัวอีกแล้ว” เซี่ยเถิงเกาช้อนสายตาขึ้นมองเหอลี่หมิง เห็นว่าอีกฝ่ายมองมาที่ตนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งรอยยิ้มและแววตาของคุณหนูบ้านตระกูลเหอมีแต่ความจริงใจ มิได้มีความเสแสร้งเจือปนแม้แต่น้อย เซี่ยเถิงเกาซาบซึ้งใจจนน้ำใสๆ รื้นขึ้นที่ขอบตาทั้งสองข้าง “ขออภัยที่ข้าทำให้เจ้าต้องหลั่งน้ำตา” เหอลี่หมิงหน้าเสียเพราะคิดว่าตนบังคับจิตใจของเซี่ยเถิงเกามากจนเกินไป แต่สาวใช้รีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างร้อนรน “มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ ข้า ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของคุณหนูเจ้าค่ะ” คำตอบของเซี่ยเถิงเกาทำให้เหอลี่หมิงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใบหน้างดงามดั่งเทพธิดาเผยรอยยิ้มก่อนจะบอกออกมาอีกหนึ่งประโยค “ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ต้องช่วยข้าจัดการอาหารที่อยู่บนโต๊ะนี้ได้หรือไม่” “ได้เจ้าค่ะ” ____________________________________________ *เงินหยวนเป่า คือเงินจีนในสมัยโบราณประเภทหนึ่ง ในสำเนียงแต้จิ๋วเรียกว่าง่วนป้อ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าเงินตำลึงจีน **เตียงป๋าปู้ คือเตียงแต่งงานของคนจีนโบราณ เป็นเตียงโครงมีเสาวางไว้บนแท่นไม้ ข้างหน้าเตียงมีระเบียงตื้นๆ ยาวออกไปตามแนวเตียง 3-4 ฟุต (ประมาณ 36-48 นิ้ว) สองข้างของระเบียงสามารถวางเครื่องเรือนขนาดเล็กและของจิปาถะได้ มีมุ้งไว้ข้างในเตียงนอนสำหรับกางปิดให้รอบทั้งสี่ด้าน ช่วยป้องกันยุงและแมลงวัน ***ยามเซิน คือเวลา15.00-16.59น.
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม